- การต่อสู้ทางทหารระหว่างรัสเซีย-ยูเครนที่นำไปสู่ความตึงเครียดยิ่งขึ้น จากคำขู่ของวลาดิเมียร์ ปูติน ประธานาธิบดีรัสเซียว่าจะใช้อาวุธนิวเคลียร์เชิงยุทธวิธี
- ขบวนการต่อต้านสงครามในยูเครนในรัสเซียและประเทศตะวันตกยังมีพลังกดดันไม่เพียงพอแต่กำลังพัฒนาการเมืองของภาคประชาชนเพื่อรอดพ้นวิกฤตซ้อนวิกฤต
- มาตรการคว่ำบาตรทางเศรษฐกิจของประเทศในยุโรปและอเมริกาส่งผลสะเทือนต่อระบบเศรษฐกิจในยุโรปและเอเชีย จึงต้องผ่อนคลายมาตรการ
- ทางออกของสงครามต้องเอาชนะรัสเซียหรือต้องเจรจาสันติภาพ
นับจากวันแรกที่กองทัพรัสเซียรุกรานยูเครนก็เข้าสู่เดือนที่ 9 แล้วซึ่งไม่มีทีท่าว่าสงครามจะจบลง แต่อาจรุนแรงขึ้นอีก คำถามคือ เรามาถึงจุดนี้ได้อย่างไร และคนธรรมดาสามารถทำอะไรเพื่อบรรเทาปัญหา
ในช่วง 3 เดือนแรกของสงครามรุกรานยูเครนได้ส่งผลกระทบต่อดันต้นทุนพลังงานและอาหารโลก จนทำให้อัตราเงินเฟ้อพุ่งสูงเป็นประวัติการณ์และส่งผลให้คนจำนวน 71 ล้านคนต้องตกอยู่ในภาวะยากจน หลังจากการดำเนินมาตรการล็อกดาวน์จากการแพร่ระบาดใหญ่ของโควิด-19 เป็นเวลา 18 เดือนที่ทำให้ผู้คนราว 125 ล้านคนตกอยู่ในภาวะยากจนไปก่อนหน้าแล้ว (VOA Thai 8 ก.ค. 65) แม้รัสเซียจะยอมตกลงกับยูเครนให้ส่งออกธัญพืชที่ตกค้างกว่า 20 ล้านตันในทะเลดำเพื่อบรรเทาภาวะขาดแคลนอาหารโลกของคน 40 กว่าล้านเมื่อ 22 ก.ค.65 แต่ไม่ถึง 24 ชั่วโมงก็มีการโจมตีท่าเรือโอเดสซาของยูเครนชายฝั่งทะเลดำซึ่งระบุไว้ในข้อตกลง แต่รัสเซียปฏิเสธการโจมตีดังกล่าว
การรุกรานและความพ่ายแพ้ของรัสเซีย ณ กันยายน 65
แม้รัสเซียจะสามารถรุกคืบล้อมปราบจากทางตะวันออกมาทางใต้ได้ในช่วง 3-4 เดือนแรก แต่จากโพลความคิดเห็นในรัสเซียได้สะท้อนว่า ชาวรัสเซียเริ่มเบื่อหน่ายสงคราม เพราะทหารรัสเซียอย่างน้อย 15,000 นายถูกสังหารใน 11 สัปดาห์ของการสู้รบ มากกว่าที่เสียชีวิตในสงครามในอัฟกานิสถานในทศวรรษ 1980 (เดอะเทเลกราฟ 17 พ.ค. 65) กระทั่งต่อมาเมื่อช่วงสองสัปดาห์แรกของเดือนกันยายน ทหารรัสเซียสูญเสียแนวรบคาร์คิฟให้แก่ยูเครน รวมทั้งเมืองอิซูมและเมืองคูเปียนสก์ (บีบีซี นิวส์ 12 ก.ย. 65)
จากนั้น เมื่อวันที่ 8 ตุลาคม สะพานเคิร์ชเชื่อมแคว้นไครเมียกับรัสเซียถูกโจมตี รัสเซียจึงตอบโต้ด้วยการยิงจรวดมิสไซล์เข้าใส่กรุงเคียฟเมืองหลวง และบางเมืองในภาคตะวันตก ภาคกลาง ตะวันออกและใต้ เมื่อวันที่ 10 ต.ค. ที่เบื้องต้นมีผู้เสียชีวิตแล้ว 10 ราย บาดเจ็บจำนวนมาก จุดนี้คือ ความตึงเครียดที่สูงอย่างเห็นได้ชัด ซึ่งปูตินออกมาแถลงทางโทรทัศน์ในวันเดียวกันว่า รัฐบาลเคียฟกับพฤติกรรมของพวกเขาก็ไม่ต่างอะไรจากองค์กรก่อการร้ายระหว่างประเทศที่ชั่วร้ายที่สุด และขู่ว่าจะมีการโจมตีอีกในอนาคต หากยูเครนยังโจมตีดินแดนของรัสเซีย ส่วนทางด้านประธานาธิบดียูเครน โวโลดิเมียร์ เซเลนสกี กล่าวว่า การโจมตีของรัสเซียเจาะจงช่วงเวลาเพื่อสังหารผู้คน รวมถึงทำลายระบบไฟฟ้า โครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่ถูกโจมตีใน 8 แคว้น ทำให้หลายพื้นที่ของประเทศไม่มีไฟฟ้าน้ำประปา หรือแก๊สให้ความร้อน นั่นคือ รัสเซียต้องการทำลายยูเครน และลบประเทศนี้ออกจากพื้นโลก ซึ่งตรงกับความคิดเห็นของ Vladyslav Starodubtsev นักประวัติศาสตร์ฝ่ายซ้ายชาวยูเครน จากองค์กร Sotsyalnyi Rukh ว่า รัสเซียพยายามแก้ตัวหรือหาคำอธิบายต่างๆ เพื่อรุกรานยูเครน รวมถึงการอ้างการขยายตัวขององค์การสนธิสัญญาแอตแลนติกเหนือ (นาโต) แต่ที่สำคัญกว่านั้น คือข้อโต้แย้งของปูตินที่ว่า ยูเครนไม่มีสิทธิ์ดำรงอยู่ (The Real News Network. 20 ก.ย. 65)
การตอบโต้ของยูเครนและนาโต
แนวร่วมยุติสงครามในสหราชอาณาจักร มองว่า ตั้งแต่เริ่มต้นการรุกราน การตอบสนองของตะวันตกได้เพ่งเล็งไปที่การแก้ปัญหาทางการทหาร ภายในหนึ่งสัปดาห์หลังจากการรุกราน กองกำลังของนาโตได้ระดมกำลังทางทหารครั้งใหญ่ที่สุดในยุโรปนับตั้งแต่สิ้นสุดสงครามเย็น เป้าหมายตั้งแต่เริ่มต้นคือชัยชนะทางทหารต่อรัสเซียอย่างเบ็ดเสร็จ ส่งผลให้กระบวนการเจรจาสันติภาพชะงัก
การป้องกันประเทศของยูเครนได้รับการสนับสนุนอาวุธมูลค่า 3 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ จากสหรัฐอเมริกา สหราชอาณาจักร และพันธมิตรนาโตอื่นๆ สหราชอาณาจักรเป็นหนึ่งในผู้จัดหาอาวุธรายใหญ่ที่สุดให้กับยูเครนและให้เงินช่วยเหลือทางทหารกว่า 2.5 พันล้านปอนด์ ผลที่ได้คือความขัดแย้งได้พัฒนาไปสู่สงครามตัวแทน (proxy war) และยูเครนกำลังดำเนินกลยุทธ์ใหม่คือ โจมตีเป้าหมายในดินแดนที่รัสเซียยึดครอง ประธานาธิบดีเซเลนสกีกล่าวว่า สงคราม “เริ่มต้นที่ไครเมียและต้องจบลงที่ไครเมีย ซึ่งจะได้รับการปลดปล่อยให้เป็นอิสระ” (Shadia Edwards-Dashti 24 ส.ค.65)
ขณะนี้ รัสเซียยังคงยึดครองพื้นที่ของยูเครนไว้ได้ราว 1 ใน 5 ของพื้นที่ทั้งประเทศคือ ทางทิศตะวันออกและทิศใต้ ได้แก่ ลูฮันสก์ ดอนบาส โดเนตสก์ มาริอูโปล แคร์ซอน ไครเมีย (ยึดครองเมื่อปี 2557) การรุกรานยูเครนส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บรวมหลายหมื่นคน มีชาวยูเครนลี้ภัยมากกว่า 13 ล้านคน ซึ่งถือเป็นวิกฤตผู้ลี้ภัยครั้งใหญ่ที่สุด
ขบวนการต่อต้านสงครามในยูเครน
จะพบว่า มีขบวนการเคลื่อนไหวต่อต้านสงครามในยูเครน 4 ขบวนการด้วยกัน คือ
1. ขบวนการต่อต้านสงครามของประชาชนในรัสเซีย เช่น ขบวนการสตรีต่อต้านสงคราม (Feminist Anti-War Resistance-FAR) กลุ่มท้องถิ่น กลุ่มชาติพันธุ์ในไซบีเรีย คอเคซัส ตะวันออกไกล ชุมชนต่อต้านสงครามในออนไลน์นับร้อยชุมชน ตัวอย่างเช่น กิจกรรมของขบวนการเยาวชนเสรีประชาธิปไตย Vesna ซึ่งล่าสุดรัฐบาลระบุว่าเป็นพวกหัวรุนแรง Vesna ได้รณรงค์เปลี่ยนการเฉลิมฉลองวันแห่งชัยชนะในสงครามโลกครั้งที่ 2 ของรัสเซียเป็นการประท้วงต่อต้านสงครามในยูเครน ซึ่งชุมชนออนไลน์ของ Vesna มีสมาชิกมากกว่า 100,000 คน
ที่มาภาพ : เพจ Feminist Anti-War Resistance
อย่างไรก็ตาม ขบวนการยังไม่เข้มแข็งพอที่จะโค่นล้มรัฐบาลปูตินอย่างที่คาดหวัง เพราะเพียง 2-3 สัปดาห์แรกของการประท้วงสงครามก็ลดลง ผู้คนในเมืองใหญ่ใช้ชีวิตปกติและเริ่มชินกับสถานการณ์การถูกคว่ำบาตรจากนานาชาติ ทว่ามีอุปสรรคการชุมนุมคือ การปราบปราม คุกคามผู้ชุมนุม การดำเนินคดีกับผู้ประท้วง ปิดสื่อต่างๆ ทำให้ขบวนการภาคประชาชนอ่อนแอ จากรายงานของ OVD-Info หน่วยงานตรวจสอบสิทธิมนุษยชนของรัสเซีย ชาวรัสเซียกว่า 16,000 คนถูกจับกุมตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ และยังมีกรณีตัดสินจำคุก 7 ปีด้วย (What happened to Russia’s anti-war movement?. ในอัลจาซีรา. 15 ก.ค.65)
ดังนั้น กลุ่มต่อต้านสงครามต่างๆ มองหาวิธีการต่อต้านสงครามใหม่ๆ เพราะการประท้วงบนท้องถนนกับการรณรงค์อย่างสันติถูกปราบปรามและขัดขวางอย่างมาก และสื่อครอบงำสนับสนุนการทำสงครามตลอดเวลา นั่นคือ การต่อต้านอย่างเงียบ ๆ (Stealth resistance) ไปจนถึงการลอบวางเพลิงสำนักงานทะเบียนและเกณฑ์ทหาร โดยมีการปาระเบิดขวดใส่ไปแล้ว 14 ครั้ง หรือกรณีที่ทางรถไฟสายทรานส์ไซบีเรียถูกปิดกั้นโดยกลุ่ม Stop the Trains เพื่อขัดขวางเสบียงทางการทหารของรัสเซียเมื่อปลายเดือนมิถุนายน
อีกวิธีหนึ่งคือ เปลี่ยนจากการลงถนนมาทำงานสังคมสงเคราะห์ มีองค์กรหลายสิบแห่งที่ผู้คนหลายพันคนทั่วรัสเซียกำลังช่วยเหลือผู้ลี้ภัยชาวยูเครนโดยจัดหาอาหาร เสื้อผ้า ที่พักพิง ดูแลสุขภาพ และช่วยเหลือทางการเงิน ด้านกฎหมายและให้คำปรึกษาด้านจิตวิทยาอีกด้วย ที่สำคัญกลุ่มเหล่านี้ช่วยเหลือชาวยูเครนที่ต้องการย้ายออกจากรัสเซียไปยังยุโรป
2. การหนีเกณฑ์ทหารของชาวรัสเซีย มีเครือข่ายรณรงค์ต่อต้านการเกณฑ์ทหาร (mo-killization) คือมีชุมชนออนไลน์และโครงการต่างๆ ผุดขึ้นมาช่วยเหลือชาวรัสเซียที่ปฏิเสธเข้าร่วมสงครามและต้องการออกจากประเทศหรือซ่อนตัวจากหน่วยงานภายในประเทศ ความช่วยเหลือที่กลุ่มเหล่านี้เสนอมีตั้งแต่ให้คำแนะนำทางกฎหมายและด้านลอจิสติกส์ ไปจนถึงความช่วยเหลือทางการเงินและจัดหาที่อยู่อาศัยที่ปลอดภัยให้แก่ผู้หนีเกณฑ์ทหาร (วอชิงตันโพสต์ 18 ต.ค.65)
กระทั่ง ปูตินประกาศการเกณฑ์ทหารรอบใหม่จำนวน 300,000 นายเมื่อวันที่ 21 กันยายนที่ผ่านมา เพราะทหารรัสเซียเสียชีวิตราวแสนคนแล้ว แต่ประชาชนไม่ต้องการจึงชุมนุมต่อต้านใน 40 เมือง ถูกจับกุมไปแล้ว 2,000 คน ทั้งยังมีการเผาทำลายสำนักงานเกณฑ์ทหาร และเดินทางออกนอกประเทศเกือบสองแสนคน (Solidarity 14 ต.ค. 65)
3. การต่อต้านรัสเซียของชาวยูเครน สิ่งที่ชาวยูเครนรวมทั้งฝ่ายซ้ายต้องการคือ สิทธิในการกำหนดอนาคตของตัวเอง (self-determination) และไม่ต้องการที่เป็นเหยื่อของพวกฝ่ายขวาคลั่งชาติ จึงสนับสนุนการต่อต้านรัสเซีย Taras Bilous นักประวัติศาสตร์ฝ่ายซ้ายชาวยูเครนมองว่า การเจรจามักจะมีการกำหนดประเด็นเงื่อนไขว่า ประเทศใดประเทศหนึ่งต้องยอมจำนน หรือห้ามหยุดยิงชั่วคราว แต่ก็ไม่เคยเกิดสันติภาพอย่างแท้จริงเห็นได้จากกรณีดอนบาส หยุดยิงเป็นเวลา 7 ปีและความขัดแย้งก็ปะทุขึ้นอีก สำหรับฝ่ายซ้ายจำนวนมากในต่างประเทศมักอภิปรายในมุมมองภูมิรัฐศาสตร์ที่กว้าง แต่จริงๆ ในการประเมินความขัดแย้งนี้ นักสังคมนิยมควรให้ความสนใจกับผู้ที่เกี่ยวข้องโดยตรงก่อน นั่นคือความเจ็บปวดของชาวยูเครน (Taras Bilous. 6 ส.ค.65)
นอกจากนี้ ฝ่ายซ้ายในยูเครนเห็นด้วยกับการสนับสนุนของสหรัฐอเมริกา เพราะหากมองในแง่ประวัติศาสตร์ สงครามในยูเครนไม่ใช่สงครามตัวแทนเหมือนสงครามเวียดนามที่เป็นสงครามตัวแทนระหว่างสหรัฐอเมริกากับสหภาพโซเวียตและจีนอย่างชัดเจน และยังมีสงครามปลดปล่อยชาติของชาวเวียดนามจากสหรัฐฯ อีกด้วย เช่นเดียวกับสงครามกลางเมืองระหว่างผู้สนับสนุนเวียดนามเหนือและเวียดนามใต้ เกือบทุกสงครามมีหลายชั้นซ้อนกัน โลกอาจไม่ใช่สงครามตัวแทนเท่านั้นแต่เป็น “โลกหลายขั้ว” (multi-polar world)
Vladyslav Starodubtsev ฝ่ายซ้ายในยูเครน บอกว่า 99% ของคนในสังคม รวมทั้งฝ่ายซ้ายมองตรงกันข้อหนึ่ง คือ ต้องการให้ยูเครนเอาชนะรัสเซีย และสนับสนุนการส่งอาวุธหนักให้ยูเครน การคว่ำบาตรมากขึ้น เพราะมันเป็นเรื่องของการอยู่รอด เป็นสิทธิในระบอบประชาธิปไตย สิทธิของชาติ และชีวิตที่สงบสุข ไม่ใช่ถูกพวกฟาสซิสต์ที่โหดร้ายยึดครองแบบนี้ การเจรจาประนีประนอมกับรัสเซียจะไม่สามารถหยุดการกระทำอันโหดร้ายของระบอบเผด็จการปูตินได้เพราะเขาจะรุกรานพื้นที่อื่นต่อไป ซึ่งรัสเซียกระทำกับเชชเนีย จอร์เจียและยึดครองไครเมียมาแล้วก่อนหน้านี้
4. การต่อต้านสงครามในประเทศสมาชิกนาโต เช่น อังกฤษ ฝรั่งเศส เมื่อต้นเดือนตุลาคมที่ผ่านมา ผู้ชุมนุมในฝรั่งเศสหลายพันคนต่อต้านการสนับสนุนสงครามของประธานาธิบดีมาครงที่ทำให้สงครามยืดเยื้อ จึงเรียกร้องให้นายมาครงถอนตัวออกจากนาโตและลาออก การต่อต้านนาโตของประชาชนในยุโรปเข้มแข็งขึ้น เมื่อเดือนมิถุนายน มีผู้ประท้วงเดินขบวนต่อต้านนาโตก่อนการประชุมสุดยอดที่จัดขึ้นในกรุงมาดริด ประเทศสเปน ผู้จัดชุมนุม กล่าวว่า พันธมิตรทางทหารที่นำโดยสหรัฐฯ ไม่ใช่ทางออกของสงครามในยูเครน และผู้ผลิตอาวุธของสหรัฐฯ ทำกำไรมหาศาลจากสงคราม อีกทั้ง เมื่อเดือนกันยายน ในกรุงปราก ผู้ชุมนุมประมาณ 70,000 คนประท้วงรัฐบาลเช็ก เรียกร้องให้รัฐบาลผสมดำเนินการมากกว่านี้เพื่อควบคุมราคาพลังงานที่พุ่งสูงขึ้น และคัดค้านสหภาพยุโรปและนาโต (Modern Diplomacy 10 ต.ค.65)
เป็นเวลาหลายปีที่รัฐบาลเครมลินได้แสดงออกอย่างชัดเจนว่า หากนาโตยังคงส่งกองกำลังและอาวุธจำนวนมากมายังชายแดนรัสเซียต่อไป จะถูกต่อต้านอย่างรุนแรงจากรัสเซีย แม้แต่ผู้เชี่ยวชาญด้านนโยบายต่างประเทศที่มีชื่อเสียงของอเมริกาบางคนก็ยังสนับสนุนเหตุผลนี้ วิลเลียม เบิร์นส์ ผู้อำนวยการซีไอเอคนปัจจุบัน ได้รับคำเตือนถึงเรื่องการยั่วยุและผลที่จะตามมาจากการขยายอิทธิพลของนาโตในรัสเซียมานานกว่า 20 ปีแล้ว
ผลกระทบจากการคว่ำบาตรทางเศรษฐกิจ
การใช้มาตรการคว่ำบาตรรัสเซียของประเทศในยุโรป ไม่ว่าจะเป็นการตัดธนาคารรัสเซียออกจากระบบการโอนเงินระหว่างประเทศ ยกเลิกการแลกเปลี่ยนกับธนาคารกลางรัสเซีย ทำให้ความต้องการเงินสดในประเทศเพิ่มขึ้นถึง 58 เท่า และธนาคารกลางของรัสเซียต้องเร่งจ่ายเงินสดออกสู่ท้องตลาด ตลอดจนการย้ายเงินทุนออกนอกประเทศ อีกทั้ง มีการกีดกันการส่งออกสินค้าของรัสเซีย หยุดค้าขายกับรัสเซีย ยกเว้นสินค้าจำเป็น ยกเลิกการเดินทางเข้า-ออกรัสเซีย ห้างร้านแบรนด์ดังหยุดกิจการ มีการถอนการลงทุนและธุรกิจในรัสเซียกว่า 600 แห่ง (ไทยรัฐออนไลน์ 13 พ.ค. 65) เช่น ค่ายรถยนต์ต่างๆ แทบทุกภาคส่วนของระบบเศรษฐกิจถูกคว่ำบาตร ซึ่งนำมาสู่การหดตัวของรายได้ การผลิต ภาวะเงินเฟ้อ สินค้าราคาแพงขึ้นในประเทศ ทั้งยังส่งผลกระทบต่อประชาชนในยุโรปและทวีปอื่นในเวลาต่อมาด้วย
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การยกเลิกซื้อก๊าซจากรัสเซีย ทำให้ราคาพลังงานสูงขึ้น ส่งผลให้คนนับล้านยากจน เมื่อเกิดปัญหาการขาดแคลนพลังงานในทวีปและราคาน้ำมันที่พุ่งสูงขึ้น เกิดอัตราเงินเฟ้อ ค่าครองชีพสูงเป็นประวัติการณ์ส่งผลให้ประชาชนไม่พอใจรัฐบาลของตัวเอง เช่น ในอังกฤษ ฝรั่งเศส มีคนเห็นด้วยกับการคว่ำบาตรลดลง อีกทั้ง รัฐบาลฝรั่งเศส เช่นเดียวกับประเทศอื่นๆ ในยุโรป กำลังพิจารณามาตรการฉุกเฉินต่างๆ ก่อนฤดูหนาว เช่น ให้ไฟฟ้าดับเป็นเวลาสามชั่วโมงในสหราชอาณาจักร นอกจากนี้ กลุ่มปัญญาชนชาวฝรั่งเศสได้เรียกร้องให้ผู้คนเข้าร่วมการประท้วงที่จัดขึ้นโดยฝ่ายซ้ายในกลางเดือนตุลาคม ในขณะที่คนยากจนลง แต่ผลกำไรของบริษัทบางแห่งพุ่งสูงขึ้น และรัฐบาลไม่ยอมขึ้นภาษีกับคนพวกนี้
ตามที่นักวิจารณ์กระแสหลักยอมรับ การเกิดสงครามและการคว่ำบาตรทางเศรษฐกิจเป็นหนึ่งในปัจจัยที่สำคัญของอัตราเงินเฟ้อทั้งด้านอาหารและเชื้อเพลิง สงครามได้ส่งผลกระทบร้ายแรงต่อประเทศต่างๆ ในตอนใต้ของโลก รวมถึงอียิปต์ ศรีลังกา และบังคลาเทศ ทั้งกำลังจะสร้างหายนะให้แก่ส่วนอื่น ๆ ของโลกในฤดูหนาวที่จะมาถึง เพราะการส่งออกก๊าซของรัสเซียคิดเป็น 40% ของการบริโภคในยุโรป โดยเฉพาะอย่างยิ่งเยอรมนีพึ่งพาพลังงานจากรัสเซียอย่างมาก จึงมีแนวโน้มว่าจะเกิดไฟฟ้าดับ รวมทั้งในประเทศต่างๆ ในยุโรปด้วย
กระทั่งเมื่อ 20 ก.ค. สหภาพยุโรปจะปรับแก้มาตรการคว่ำบาตรธนาคารและสถาบันการเงินชั้นนำของรัสเซียบางแห่ง แต่จะมีผลเฉพาะกับธนาคารที่มีความเกี่ยวข้องกับการส่งออกสินค้าอาหาร การเกษตร และปุ๋ย เท่านั้น ทั้งนี้ หลังมีเสียงวิพากษ์วิจารณ์จากผู้นำในแอฟริกาเกี่ยวกับผลกระทบเชิงลบของการคว่ำบาตรสถาบันการเงินรัสเซีย ซึ่งอาจทำให้เกิดปัญหาการขาดแคลนอาหารรุนแรง อีกทั้ง อียูพยายามจำกัดความเสี่ยงที่จะทำให้เกิดปัญหาความมั่นคงด้านพลังงานในภูมิภาค ด้วยการเปิดทางให้รัฐวิสาหกิจด้านพลังงานยักษ์ใหญ่ของรัสเซียอย่าง รอสเนฟต์และก๊าซพรอม สามารถส่งออกน้ำมันไปประเทศที่สามได้ (กรุงเทพธุรกิจ 24 ก.ค. 65) อียูจำเป็นต้องมียุทธศาสตร์ใหม่เกี่ยวกับการทำสงครามของรัสเซียในยูเครน เนื่องจากมาตรการคว่ำบาตรลงโทษรัสเซียไม่ได้ผล พร้อมทั้งเรียกร้องให้รัฐบาลรัสเซียและยูเครน เปิดเจรจากันโดยตรงเพื่อหาทางยุติสงคราม
กระนั้น ในสหราชอาณาจักร รัฐบาลสนับสนุนการทำสงคราม และไม่ต้องการให้มีการคัดค้านนาโต แต่การต่อต้านสงครามเกิดขึ้นในหลายประเทศ พร้อมกันที่มีการประท้วงค่าครองชีพสูงขึ้น การเรียกร้องสันติภาพจึงกลายเป็นส่วนหนึ่งของการเคลื่อนไหวของขบวนการภาคประชาชนไปด้วย อีกด้านหนึ่ง เยนส์ สโตลเทนเบิร์ก เลขาธิการนาโต กล่าวเมื่อเร็วๆ นี้ว่า แรงงานในประเทศสมาชิกนาโตต้องเตรียมพร้อมที่จะเสียสละเพื่อสนับสนุนสงคราม (Lindsey German. 24 ก.ย.65. A Prolonged War of Attrition – Or Worse – Must Be Averted. ใน Stopwar.org.uk)
หากจะสรุป ณ จุดนี้ บทเรียนที่ต้องพิจารณาคือ การแข่งขันของประเทศมหาอำนาจต่างๆ ที่พยายามครอบครองพื้นที่ทางยุทธศาสตร์และเพิ่มส่วนแบ่งในตลาดโลก และก่อสงครามอย่างที่เคยเป็นมานำไปสู่การต่อต้านของชนชั้นของแรงงาน การต่อสู้กับวิกฤตที่ประชาชนไม่ได้ก่อ ในกรณีประเทศมหาอำนาจ รัสเซียกับนาโตที่นำโดยสหรัฐอเมริกา หากจะประเมินสถานการณ์ดังที่กล่าวมา ยูเครนต้องการเอาชนะรัสเซียในระดับที่พอจะได้เปรียบในการเจรจาสันติภาพกับรัสเซียก็เป็นได้ กระนั้น รัสเซียก็เอาคืนเพื่อกู้หน้า ซึ่งคงไม่ง่ายที่ยูเครนจะเอาชนะ และสงครามก็จะยืดเยื้อ แต่มีตัวแปรสำคัญคือ การต่อต้านของขบวนการภาคประชาชนในยุโรปและเอเชียที่ประสบวิกฤตซ้อนวิกฤต กำลังกดดันให้รัฐบาลของตัวเองถอนตัวจากนาโต เรียกร้องการเจรจากับรัสเซียให้หยุดยิง พร้อมกับเรียกร้องให้รัฐบาลแก้ไขวิกฤตเศรษฐกิจการเมืองภายในประเทศด้วย อันเป็นภารกิจทางการเมืองที่สำคัญของภาคประชาชน
อ้างอิง
- ยูเอ็น ชี้ ภาวะเงินเฟ้อพุ่งจากสงครามยูเครนดันตัวเลขคนยากจนเพิ่มอีก 71 ล้านคน. 8 ก.ค.65. ใน VOA Thai.
- เอลซา เมชแมน. 12 ก.ย. 65. รัสเซีย ยูเครน : ปธน. เซเลนสกี ระบุ ไฟดับในเมืองคาร์คิฟ เกิดจากการโจมตีของรัสเซีย. ใน บีบีซี นิวส์
- Russian military recruitment centres hit by spate of arson attacks. 17 พ.ค. 65. ใน เดอะเทเลกราฟ.
- One Ukrainian Democratic Socialist’s Opinion on the War. 20 กันยายน 2565. ใน The Real News Network.
- Shadia Edwards-Dashti. 24 ส.ค.65. 6 Months into the War in Ukraine We Must Renew Our Call for Peace and Sanity. ใน Stop the War Coalition.
- What happened to Russia’s anti-war movement?. 15 ก.ค.65. ใน อัลจาซีรา.
- Russia’s antiwar movement goes far beyond street protests. 18 ต.ค.65. ใน วอชิงตันโพสต์
- War in Ukraine risks spiralling out of control. 14 ต.ค. 65. ใน Solidarity.
- Taras Bilous. 6 ส.ค.65. I’m a Ukrainian Socialist. Here’s Why I Resist the Russian Invasion. ใน International Viewpoint.
- The French call for NATO exit. 10 ต.ค.65 ใน Modern Diplomacy.
- Lindsey German. 24 ก.ย.65. A Prolonged War of Attrition – Or Worse – Must Be Averted. ใน Stopwar.org.uk.
ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)