สภาองค์กรของผู้บริโภคยื่นหนังสือถึง “เสรีพิศุทธ์” ตรวจสอบ กสทช.ละเว้นปฏิบัติหน้าที่ฯ กรณีมีมติรับทราบ ทรู-ดีแทค ควบรวมหรือไม่ เสรีพิศุทธ์ตั้งข้อสังเกต กสทช.รีบมีมติทั้งที่กรรมการยังหาไม่ครบ 7 ทั้งที่กระทบสาธารณะอย่างมาก ส่วนทรู-ดีแทคแจ้งตลาดหลักทรัพย์ฯ แล้วว่า กสทช.แจ้งมติเป็นทางการแล้ว
26 ต.ค.2565 สภาองค์กรของผู้บริโภค(สอบ.) รายงานว่าวันนี้ สารี อ๋องสมหวัง เลขาธิการ สอบ. เข้าพบพล.ต.อ. เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส ประธานคณะกรรมาธิการการป้องกันและปราบปรามการทุจริตประพฤติมิชอบ (กมธ.ป.ป.ช.) สภาผู้แทนราษฎร เพื่อยื่นหนังสือขอให้ตรวจสอบคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) กรณีมีมติ 3:2:1 รับทราบการควบรวมของบริษัททรูและดีแทคว่าเป็นการละเว้นการปฏิบัติหน้าที่หรือปฏิบัติหน้าที่โดยไม่ชอบหรือไม่
สารี กล่าวอีกว่า การลงมติรับทราบ อาจเป็นการละเว้นการปฏิบัติหน้าที่หรือเป็นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ในคดีหมายเลขดำที่ 775/2565 ของศาลปกครองกลาง ซึ่งที่ผ่านมา กสทช. (ผู้ถูกฟ้องคดี) ได้ยอมรับต่อศาลปกครองว่าสามารถใช้อำนาจตามกฎหมายในการห้ามไม่ให้มีการรวมธุรกิจได้ โดยมีอำนาจอนุญาตหรือไม่อนุญาตตามข้อ 8 ของประกาศฯ ปี 2549
“กสทช. ควรพิจารณาใช้อำนาจลงมติในการอนุญาตหรือไม่อนุญาตให้รวมธุรกิจตามคำวินิจฉัยของศาลปกครอง ไม่ใช่ทำเพียงลงมติรับทราบและกำหนดเงื่อนไขหรือมาตรการเฉพาะ ซึ่งการทำเพียงรับทราบ เป็นการละเว้นการปฏิบัติหน้าที่หรือเป็นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบหรือไม่” สารี ระบุ
สารี ระบุว่า การลงมติของ กสทช.อาจไม่ชอบด้วยกฎหมาย เพราะผลของมติการประชุม 3:2:1 จากกรรมการห้าคนเกิดจากการลงคะแนนซ้ำของประธาน กสทช. ซึ่งการกระทำดังกล่าวอาจขัดต่อข้อ 41 (2) แห่งระเบียบข้อบังคับการประชุมของคณะกรรมการกิจการกระจายเสียงกิจการโทรทัศน์และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ พ.ศ. 2555 ว่าด้วยการวินิจฉัยชี้ขาดของที่ประชุมที่กำหนดว่า กรณีการวินิจฉัยชี้ขาดนี้ ต้อง ‘ได้รับมติพิเศษ กล่าวคือ ได้รับความเห็นชอบจากกรรมการไม่น้อยกว่ากึ่งหนึ่งของจำนวนกรรมการทั้งหมด’
สารีกล่าวต่อว่า ในกรณีนี้มีจำนวนกรรมการห้าคน มีการลงมติ 2:2:1 ซึ่งจะเห็นได้ว่ามีการลงมติ รับทราบจำนวน 2 เสียง ลงมติไม่อนุญาตให้ควบรวมจำนวน 2 เสียง และงดออกเสียงจำนวน 1 เสียง นั้นมีจำนวนเสียงมติมากสุดไม่ถึงกึ่งหนึ่งของจำนวนกรรมการทั้งหมดตามที่กำหนดไว้ในระเบียบดังกล่าว ดังนั้น ประธานจึงไม่มีสิทธิออกเสียงเพิ่มขึ้นอีกเสียงเป็นเสียงชี้ขาด
เลขาธิการ สอบ.กล่าวอีกว่า ในประเด็นการจ้างบริษัทหลักทรัพย์ฟินันซ่า จำกัด ที่ปรึกษาที่อาจมีส่วนได้เสียกับบริษัทที่ต้องการควบรวมกิจการ อาจก่อให้เกิดปัญหาผลประโยชน์ทับซ้อน ขาดความเป็นอิสระในการดำเนินการที่เกี่ยวข้อง แม้จะได้รับทักท้วงอย่างกว้างขวาง แต่รักษาการเลขาธิการ กสทช. ก็ไม่มีการดำเนินการใด ๆ
สารีระบุว่า นอกจากนี้ การลงมติของกรรมการ กสทช. ในครั้งนี้ ทำให้เกิดการผูกขาดของสองเจ้าใหญ่ (Duopoly) ที่ยังขาดขั้นตอนและกระบวนการพิจารณาที่ครบถ้วนรอบด้าน เช่น การขาดการพิจารณารายการงานศึกษาของต่างประเทศ หรือการไม่ให้ความสำคัญกับการพิจารณารายงานของคณะอนุกรรมการที่ กสทช. แต่งตั้งทั้ง 4 คณะ ที่ไม่สนับสนุนให้ กสทช. อนุญาตให้ควบรวม
ด้าน พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส ประธาน กมธ.ป.ป.ช. ได้ตั้งข้อสังเกตในประเด็นขององค์ประชุมกรรมการ กสทช. ที่ไม่ครบ 7 คนแต่กลับเร่งตัดสินใจลงมติควบรวมกิจการ โดยระบุว่า กสทช. ควรรอให้กรรมการครบทั้ง 7 คนก่อนตัดสินใจพิจารณา เนื่องจากเป็นการควบรวมที่มีผลประโยชน์สูงมากและส่งผลกระทบกับผู้บริโภคและสาธารณะอย่างมาก ในเรื่องค่าบริการที่แพงขึ้น รวมถึงทางเลือกของผู้บริโภคที่ลดน้อยลง
ประธาน กมธ.ป.ป.ช.แต่ที่ผ่านมา กสทช. กลับให้กรรมการ กสทช. เพียง 5 คน มาพิจารณาการควบรวมกิจการดังกล่าว อย่างไรก็ตาม พลตำรวจเอก เสรีพิศุทธ์ ได้ขอข้อมูลเพิ่มเติมและเอกสารที่เกี่ยวข้องจากสภาองค์กรของผู้บริโภคเพื่อนำไปเป็นข้อมูลในการดำเนินการต่อไป
กสทช. แจ้งผลมติเป็นทางการให้ ทรู-ดีแทค แล้ว
อย่างไรก็ตามสื่อหลายสำนักรายงานว่า วันนี้บริษัท โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ DTAC และ บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) มีหนังสือแจ้งตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) แล้วว่าเมื่อวานนี้(25 ต.ค.) ได้รับหนังสือแจ้งจาก กสทช.ถึงมติรับทราบการควบรวมแล้ว โดยมีการกำหนดเงื่อนไข
ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)