Skip to main content
sharethis

วรวรรณ แซ่อั้ง หรือ ‘ป้าเป้า’ ให้สัมภาษณ์กับประชาไท แจงเหตุผลถือป้ายประท้วงขับไล่คณะก้าวหน้าในงานเปิดตัวผู้สมัครนายกเมืองพัทยา ระบุไม่ทราบมาก่อนเรื่องข้อความบนป้ายและคำปราศรัย ‘ซ้อโอ่ง’ ยืนยันไม่มีปัญหากับก้าวหน้า-ก้าวไกล ชี้ การลงสมัครรับเลือกตั้งเป็นสิทธิของทุกคนตามระบอบประชาธิปไตย

15 มี.ค. 2565 วานนี้ (14 มี.ค. 2565) ผู้ใช้งานยูทูบ ชื่อบัญชี ‘ก้าวหน้า ผู้คนและการเดินทาง’ เผยแพร่วิดีโอชื่อ ‘บรรยากาศก่อนคณะก้าวหน้าเปิดตัวแคนดิเดตนายกเมืองพัทยา’ ซึ่งเป็นการถ่ายทอดสดบรรยากาศการปราศรัยเปิดตัวผู้สมัครนายกเมืองพัทยาของคณะก้าวหน้า ในช่วงต้นของวิดีโอความยาว 58 นาที 32 วินาที มีประชาชนกลุ่มหนึ่งเดินทางมากับรถกระบะอีซูซุสีบลอนด์เงินมาปราศรัยประท้วงก่อนเริ่มกิจกรรมของคณะก้าวหน้า ประชาชนกลุ่มดังกล่าวแจกป้ายกระดาษที่เขียนข้อความ เช่น ‘หนักแผ่นดิน’ หรือ ‘ไปให้พ้นคนชังชาติ’ และหนึ่งในกลุ่มคนดังกล่าวซึ่งต่อมาทราบภายหลังว่า คือ จิดาภา ธนหัตถชัย หรือซ้อโอ่ง อดีตแกนนำคนเสื้อแดงพัทยา ได้ปราศรัยผ่านโทรโข่งโจมตีการทำงานของคณะก้าวหน้า พร้อมเรียกร้องให้คณะก้าวหน้าต้องไม่ส่งว่าที่ผู้สมัครชิงเก้าอี้นายกเมืองพัทยา ทั้งนี้ หนึ่งในประชาชนที่ปรากฏภาพว่ามาร่วมเคลื่อนไหวกับกลุ่มดังกล่าว คือ วรวรรณ แซ่อั้ง หรือ ‘ป้าเป้า’ เป็นผู้แจกป้ายกระดาษที่เขียนข้อความข้างต้น ทำให้เกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์อย่างกว้างขวางในสื่อสังคมออนไลน์

 

จากวิดีโอดังกล่าว ขณะที่ป้าเป้ากำลังแจกป้ายอยู่นั้น มีทีมงานของคณะก้าวหน้าเข้ามาพูดคุย หลังจากนั้นสักพัก ป้าเป้าจึงหยุดแจกป้ายและหยุดยืนชูป้าย แล้วเดินออกมานั่งพักห่างออกจากผู้ปราศรัย โดยป้าเป้ากล่าวกับตากล้องผู้ไลฟ์สดในช่วงเวลาประมาณนาทีที่ 39 ว่า “มาเป็นเพื่อนซ้อโอ่ง เราก็ไม่รู้อะไรอะเนอะ…เขาก็มาแบบเหมือนกับว่าคนเราไม่ไอ้นี่กันเนอะ” หลังจากนั้น ตากล้องได้พูดคุยเรื่องอื่นๆ และเดินไปนั่งบริเวณหน้าเวที

จากกรณีดังกล่าว ผู้สื่อข่าวของประชาไทได้ติดต่อหาป้าเป้าเพื่อสอบถามข้อมูลเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นช่วงเย็นวานนี้ โดยป้าเป้าเล่าให้ผู้สื่อข่าวของประชาไทฟังว่าหลังจากที่ตนไปขึ้นศาลในคดีการชุมนุมที่ท่าน้ำนนทบุรีในช่วงบ่ายวานนี้ ตนและกลุ่มเพื่อนได้เดินทางต่อไปที่เมืองพัทยา จ.ชลบุรี ตามคำชวนของเพื่อนและคนรู้จัก โดยกลุ่มคนที่ชวนอ้างว่าจะให้มาร่วมเดินขบวนเรียกร้องยุติสงครามในยูเครนที่พัทยา และเมื่อมาถึงก็ได้พบกับจิดาภา หรือซ้อโอ่ง ซึ่งรู้จักกับตนมาตั้งแต่สมัยการชุมนุมคนเสื้อแดงเมื่อ 10 กว่าปีก่อน หลังจากนั้น ตนและกลุ่มคนรู้จักรวมถึงจิดาภาได้เดินทางมายังพื้นที่ชุมนุม ซึ่งตนคิดว่าเป็นการชุมนุมเพื่อเรียกร้องยุติสงครามในยูเครน แต่เมื่อมาถึงกลับพบว่าเป็นพื้นที่ปราศรัยเปิดตัวผู้สมัครรับเลือกตั้งนายกเมืองพัทยาของคณะก้าวหน้า ส่วนการแจกป้ายที่เขียนข้อความลักษณะดังกล่าวนั้น ป้าเป้าชี้แจงว่าตนไม่เห็นข้อความที่เขียนบนป้าย เพียงรับป้ายมาแจกตามที่กลุ่มคนรู้จักยื่นมาให้ และเมื่อตนได้ยินคำพูดปราศรัยที่กล่าวโจมตีคณะก้าวหน้าและพรรคก้าวไกลจึงพยายามเดินเลี่ยงออกไปตามที่เห็นในวิดีโอ โดยป้าเป้าบอกกับผู้สื่อข่าวประชาไทว่าตนทราบทีหลังเมื่อกลับถึงที่พักว่าป้ายเหล่านั้นเขียนข้อความว่าอะไร

“ยายคิดว่าก็ไม่ได้ผิด เพราะยายก็ไม่ได้รับจ้าง และยายก็ไม่ได้ไปเดินด่าอะไร มีแต่คนเขาเตือนยาย ยายก็ไม่ได้เถียงเขา แต่ยายก็ห้ามเขา (จิดาภา) ไม่ได้ เพราะเขาแรง ยายจะไปห้ามเขาทำไม ไม่ใช่เรื่องของยาย แต่ยายไม่พูด มันก็จบ แต่ไอ้ถือป้ายน่ะ ดูในคลิปสิ ยายไม่ได้มอง ยายก็แจกๆ แล้วยายก็ถือแผ่นนึง ยายไปโดนแผ่นไหนยายก็ไม่รู้” ป้าเป้ากล่าว

ป้าเป้าบอกว่าแม้ตนจะรู้จักกับจิดาภาเป็นการส่วนตัว แต่ตนไม่เห็นด้วยกับการปราศรัยเมื่อวานนี้ เพราะตนไม่ได้มีอคติกับคณะก้าวหน้าหรือพรรคก้าวไกล ซึ่งเป็นเพื่อนร่วมอุดมการณ์ อีกทั้งตนยังรู้จัก ส.ส. และคณะทำงานของพรรคก้าวไกล รวมถึงทีมทำงานของคณะก้าวหน้าหลายคน และมีโอกาสได้พูดคุยแลกเปลี่ยนกันหลายเรื่อง แม้กระทั่งเรื่องการเลือกตั้งก็เคยพูดคุย ป้าเป้าบอกว่าตนเคยพูดกับอมรัตน์ โชคปมิตต์กุล ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคก้าวไกล ว่า “ตนรักพรรคก้าวไกล แต่ก็ทิ้งเพื่อไทยไม่ได้” พร้อมบอกว่ารู้สึกขอบคุณ ส.ส.พรรคก้าวไกลมาโดยตลอด ที่มาช่วยเหลือนักกิจกรรมและประชาชนที่โดนจับกุมเพราะร่วมชุมนุม ไม่เพียงแต่การพูดคุยกับคนจากฝั่งพรรคก้าวไกลเท่านั้น แต่ป้าเป้าบอกว่ามีโอกาสได้พูดคุยกับ ส.ส. พรรคเพื่อไทย รวมถึงคณะทำงานของพรรคเพื่อไทยเช่นเดียวกัน ซึ่งป้าเป้าบอกว่าตนไม่เคยมีปัญหากับคณะทำงานของคนจากทั้งสองพรรค พร้อมยืนยันว่าไม่เคยรับเงินจากพรรคการเมืองให้ไปร่วมกิจกรรมใดๆ ทั้งสิ้น

“คนจากพรรคก้าวไกลเขาไม่ได้ว่าอะไรยาย เขายังพายายไปถ่ายรูปกับคนที่มารับสมัคร แต่เขาก็มาเตือนยาย เขามาบอกยายว่าอย่าไปยุ่ง ไม่อยากให้ยายเสียชื่อเสียง แต่ทางนี้ก็เพื่อน” ป้าเป้ากล่าว พร้อมบอกว่าจากที่เห็นในคลิปจะพบว่าตนพยายามเดินเลี่ยงออกจากแนวปราศรัยของจิดาภาตลอด และหลังจากเสร็จสิ้นกิจกรรมตรงนั้นแล้ว ป้าเป้าบอกว่าตนได้กล่าวกับผู้ปราศรัยตรงๆ ว่าตนไม่ชอบเนื้อหาการปราศรัยดังกล่าว ซึ่งเขาก็รับฟัง

เมื่อถามถึงแนวคิดเรื่องการ ‘ตัดคะแนนเลือกตั้ง’ ตามที่จิดาภาปราศรัย รวมถึงที่สังคมมีการพูดถึง ป้าเป้าบอกว่าตนไม่ได้คิดเช่นนั้น จากการพูดคุยกับ ส.ส.หลายคน ตนเห็นด้วยว่าการลงสมัครรับเลือกตั้งเป็นสิทธิตามระบอบประชาธิปไตย และใครจะลงสมัครก็ได้ สิ่งที่จะมาตัดสินคือเสียงของประชาชน

“นักการเมืองพื้นที่เขาก็บอกว่าทุกคนมีสิทธิที่จะลงเลือกตั้ง ประชาธิปไตยใครจะลงก็ได้ แต่ซ้อโอ่งเขาไม่ได้คิดแบบนั้น เขาคิดว่าเขากลัวจะมาแย่งคะแนนกัน ถ้าเป็นยาย ยายจะไม่พูดแบบนั้น มันเสียศักดิ์ศรี ยายจะลงแข่งกัน ถึงเราจะไม่ได้นายกฯ เราก็ทำดี ทำดีที่สุด เราต้องไปช่วยการกุศลให้คนเขารู้จัก ให้เขารัก” ป้าเป้ากล่าว

ทั้งนี้ ป้าเป้าบอกว่าตนไม่ถือโทษคนที่วิพากษ์วิจารณ์การกระทำของตน เพราะเข้าใจว่าเสียงวิจารณ์ต่างๆ จากทั้งคนที่รู้จักและไม่รู้จักตนเป้นการส่วนตัว ล้วนเกิดจากการที่ทุกคนไม่ทราบเหตุผลของกันและกัน

“ทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้น ต่างฝ่ายต่างก็ไม่รู้เหตุผลซึ่งกันและกัน ยายก็ไม่โทษไม่โกรธใคร” ป้าเป้ากล่าวทิ้งท้าย

อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง:

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net