Skip to main content
sharethis

ศาลอาญาลงโทษจำคุก "นรินทร์" คดีติดสติกเกอร์ "กูKult" 3 ปี ลดโทษเหลือ 2 ปี ก่อนได้ประกันตัวชั้นอุทธรณ์ ทนายระบุศาลตัดพยานความเห็นออกหมดไม่มีโอกาสถามค้านพยานโจทก์และพยานจำเลยก็ไม่ได้เข้าเบิกความในศาลเป็นการตัดสิทธิสู้คดีของนรินทร์ สืบพยานเสร็จ 3 วัน ก็มีคำพิพากษาแล้ว


ที่มาภาพ: แมวส้ม

4 มี.ค.2565 เวลา 9.25 น. ที่ศาลอาญา รัชดาภิเษก ผู้พิพากษาอ่านคำพิพากษาคดีที่นรินทร์ ถูกล่าวหาว่ามีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 จากการนำสติกเกอร์ที่มีข้อความ “กูkult” ปิดทับที่พระบรมสาทิสลักษณ์ของรัชกาลที่ 10 ที่ตั้งอยู่หน้าศาลฎีกา เมื่อวันที่ 19 ก.ย. 2563

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า คำพิพากษาโดยสรุประบุว่า ข้อเท็จจริงรับฟังได้ว่า นรินทร์คือบุคคลตามภาพวงจรปิดที่เป็นผู้ปีนขึ้นไปติดสติกเกอร์ที่พระบรมสาทิสลักษณ์ของรัชกาลที่ 10 ที่ตั้งอยู่หน้าศาลฎีกา คาดทับบริเวณพระเนตร ระหว่างการชุมนุมวันที่ 19 ก.ย. 2563

เจ้าหน้าที่ตำรวจที่แฝงตัวในกลุ่มผู้ชุมนุมได้สืบทราบและพบจำเลยกำลังข้ามถนนบริเวณแยกคอกวัว เมื่อวันที่ 20 ก.ย. 2563 โดยแต่งกายคล้ายกับบุคคลในภาพวงจรปิด จึงสะกดรอยตาม ก่อนทำให้จำเลยสะดุดล้มลงและแสดงตัวเข้าช่วยเหลือพร้อมถามชื่อจำเลย จึงทราบว่าจำเลยชื่อนรินทร์ จากนั้นจำเลยพร้อมเพื่อนไปแจ้งความที่ สน.ชนะสงคราม ว่าถูกสะกดรอยตาม เมื่อตำรวจสอบถามสาเหตุที่ถูกสะกดรอยตาม จำเลยคาดว่าอาจเพราะจำเลยเป็นผู้ไปติดสติกเกอร์ที่พระบรมสาทิสลักษณ์รัชกาลที่ 10 หน้าศาลอาญา โดยทำไปเพราะความรู้เท่าไม่ถึงการณ์ ความคึกคะนอง และมีอารมณ์ร่วมกับการชุมนุม พร้อมลงชื่อรับรองว่าบุคคลในภาพวงจรปิดเป็นจำเลยจริง

ฝ่ายโจทก์ยังมีเจ้าหน้าที่ตำรวจกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี - (บก.ปอท.) มาเบิกความ ระบุว่า กูkult เป็นเพจที่นำเสนอเนื้อหาในลักษณะต่อต้านสถาบันพระมหากษัตริย์ ศาลเห็นว่า การนำสติกเกอร์ไปติดที่พระบรมสาทิสลักษณ์ซึ่งหน่วยงานตั้งขึ้นเพื่อเทิดพระเกียรติพระมหากษัตริย์ มีเจตนาสื่อว่ากลุ่มบุคคลเช่นนั้นมีความยิ่งใหญ่กว่ารัชกาลที่ 10 แม้จะไม่ได้กระทำต่อตัวพระมหากษัตริย์โดยตรง แต่ก็ถือเป็นการลบหลู่พระมหากษัตริย์

ศาลพิพากษาว่าจำเลยมีความผิดฐานดูหมิ่นพระมหากษัตริย์ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 ลงโทษจำคุก 3 ปี แต่คำให้การที่จำเลยไปร้องทุกข์ต่อ สน.ชนะสงคราม เป็นประโยชน์ต่อการพิจารณา จึงลดโทษ 1 ใน 3 คงโทษจำคุก 2 ปี

ทั้งนี้ พงศ์เพชร คงหอม ทนายความของศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชนให้สมภาษณ์ว่า ศาลตัดพยานความเห็นของทั้งฝ่ายโจทก์และจำเลยไม่ให้เอาเข้าสืบ ทำให้ในการพิจารณาคดีมีเพียงพยานตำรวจทั้งสายสืบนครบาล ตำรวจ ปอท. แล้วก็สันติบาล และมีเพียงพยานหลักฐานและคำให้การพยานจากชั้นสอบสวนอย่างเดียว

ทนายความกล่าวต่อว่า แม้พยานที่จะให้ความเห็นเกี่ยวกับการติดสติกเกอร์ว่าเป็นการหมิ่นประมาทกษัตริย์หรือไม่ของฝ่ายโจทก์จะไม่ได้เข้ามาเบิกความในศาลแต่คำให้การของพยานความเห็นจากชั้นสอบสวนก็อยู่ในสำนวนคดีที่อัยการส่งฟ้องต่อศาลอยู่ดี

พงศ์เพชรกล่าวต่อว่า แต่ฝ่ายทนายความจำเลยไม่มีโอกาสได้ถามค้านพยานความเห็นของฝ่ายโจทก์ซึ่งอาจทำให้เห็นปัญหาในคำให้การของพยานโจทก์ รวมถึงไม่สามารถนำพยานความเห็นของฝ่ายจำเลยมาเบิกความต่อศาลได้ทำให้ไม่มีคำให้การในส่วนนี้ในสำนวน โดยพยานที่จะเอาเข้าสืบในศาลก็มีพยานนักวิชาการด้านกฎหมายอย่าง สาวตรี สุขศรี นิติศาสตร์ หรือด้านภาษาศาสตร์อย่างอิสระ ชูศรี ซึ่งเขามองว่าเป็นการตัดสิทธิต่อสู้คดีของนรินทร์

พงศ์เพชรยังตั้งข้อสังเกตว่า คดีนี้ศาลมีการนัดอ่านคำพิพากษาที่เร็วมากเนื่องจากมีนัดสืบพยานจำเลยคือตัวนรินทร์เองเมื่อวันอังคารที่ผ่านมาแม้สุดท้ายตัวจำเลยขอไม่ขึ้นเบิกความ แต่ศาลก็นัดฟังคำพิพากษาวันศุกร์เลย

ส่วนเรื่องคดี ทนายความมองว่าการติดสติกเกอร์ยังไม่เข้าองค์ประกอบความผิดตามกฎหมาย เพราะการติดสติกเกอร์ไม่ได้หมิ่นประมาท แล้วก็ไม่ได้แสดงความอาฆาตมาดร้าย ส่วนการจะเป็นดูหมิ่นซึ่งต้องเป็นการกระทำต่อตัวบุคคลแต่อันนี้ก็เป็นกระทำกับพระบรมฉายาลักษณ์

ต่อมา ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน รายงานว่าหลังอ่านคำพิพากษา ศาลแจ้งต่อจำเลยและทนายจำเลยว่า จำเลยมีสิทธิอุทธรณ์คำพิพากษาในระยะเวลา 1 เดือน จากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจศาลได้สวมกุญแจมือนรินทร์และควบคุมตัวไปยังห้องคุมขังใต้ถุนศาลอาญา ขณะเดียวกันทนายความได้ยื่นคำร้องขอประกันตัวนรินทร์โดยขอใช้หลักทรัพย์ประกันเดิม เป็นหลักทรัพย์ 100,000 บาท จากกองทุนดา ตอร์ปิโด 

เวลา 10.58 น. ศาลอาญามีคำสั่งอนุญาตให้ปล่อยตัวชั่วคราวนรินทร์โดยใช้หลักทรัพย์และสัญญาประกันตัวเดิม โดยไม่มีเงื่อนไขอื่นๆ ลงนามคำสั่งโดยมุขเมธิน กลั่นนุรักษ์ 

จากนั้น เวลา 11.05 น. นรินทร์ได้รับการปล่อยตัวจากห้องขังใต้ถุนศาลอาญา โดยมีมวลชนประมาณ 20-30 คน คอยรอต้อนรับและให้กำลังใจ พร้อมมีประชาชนหลายคนสวมใส่เสื้อที่มีสัญลักษณ์ “กูkult” มาร่วมด้วย 

หลังจากนี้ ทนายความจะยื่นอุทธรณ์คำพิพากษาของศาลชั้นต้นต่อไป ด้านคดีของนรินทร์ที่เกี่ยวข้องกับ “กูkult” ยังเหลืออีก 2 คดี ซึ่งขณะนี้อยู่ในชั้นสอบสวน โดย 1 ใน 2 คดี ซึ่งถูกกล่าวหาตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 เนื่องจากถูกกล่าวว่าเป็นแอดมินเฟจเฟซบุ๊ก “กูkult” พนักงานอัยการนัดฟังคำสั่งว่าจะฟ้องต่อศาลหรือไม่ในวันที่ 28 มี.ค. 2565 นี้ ส่วนอีกหนึ่งคดีที่เหลือในข้อหาตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ พนักงานอัยการยังไม่ได้มีคำสั่งฟ้องแต่อย่างใด

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net