Skip to main content
sharethis

'ศรัณย์วุฒิ' ระบุผู้ยิ่งใหญ่เอื้อเจ้าสัวใหญ่ผูกขาดควบทรู-ดีแทค

Voice online รายงานเมื่อวันที่ 18 ก.พ. 2564 ว่าศรัณย์วุฒิ ศรัณย์เกตุ ส.ส.อุตรดิตถ์ หัวหน้าพรรคเพื่อชาติ กล่าวอภิปรายว่า บุคคลคนหนึ่ง ซึ่งตอนอยู่พรรคเดิมอภิปรายคนนี้ไม่ได้ เป็นแกนแห่งความชั่วร้าย สร้างเครือข่ายและส่งพี่น้องหรือคนรู้จักไปตามส่วนต่างๆ ในช่วงคสช. ใช้อำนาจเปลี่ยนสัญญาระหว่างบริษัทหนึ่งกับ กสทช.ที่ผิดกฎหมายให้ถูกกฎหมาย เพื่อให้ได้ค่าโง่ 17,000 ล้านบาทจาก กสทช. โดยมี พล.ต.อ. ‘พ.’ น้องชายอยู่เบื้องหลัง เทคโอเวอร์บริษัท แม้จะมีคนมาขอไม่ให้อภิปราย เพราะบริษัทนี้เส้นใหญ่ 

แต่ตนอภิปรายเพื่อประชาชน โดยวิธีการคือ กสทช.เรียกคนคลื่น 26,000 MHz ที่ MCOT หาคู่สัญญากำมะลอ เพื่อเรียกค่าเยียวยา คือ บ.เพลย์เวิร์ก ก่อนยึดอำนาจมีมติ กสทช. ให้ยกเลิกสัญญา เพราะไม่ชอบด้วยกฎหมาย เนื่องจากผิดวัตถุประสงค์ของการใช้คลื่น บริษัท เพลย์เวิร์ก มีการลงทุน 200 กว่าล้านบาทจัดตั้งบริษัทเพลย์เวิร์ค เพื่อมาฟ้องเอาเงินค่าโง่จาก กสทช. พล.อ.ประวิตร ได้ตั้งหมอรักษาโรคหัวใจส่วนตัว ไปอยู่ใน กสทช. และให้น้องชาย พล.ต.อ. 'พ' ไปอยู่เบื้องหลังบริษัทเพลย์เวิร์ค ตั้งลูกน้องไปอยู่ใน กสทช. ซึ่งมีภรรยาเป็นที่ปรึกษาอยู่หน้าห้องเจ้าสัว

ส่วนอีกประเด็นหนึ่ง คือ บอยสกาย เป็นคนขายเรือดำน้ำ สืบทอดมาจากพ่อ นายคนนี้แทรกซึมเข้าไปทุกหน่วยงาน โดยมี พล.อ.ประวิตร อยู่เบื้องหลัง นายบอยสกาย ทำงานเกี่ยวกับไอที เคยมีปัญหาเรื่องหุ้น ยอมจ่ายเงินเพื่อหนีคดีอาญา และมักจะเชิญรัฐมนตรีไปที่ห้องสังหาร ซึ่งเป็นห้องวีไอพี ในโรงแรมหรรษา เวลามีปัญหาในการดีลกับใครก็จะยกหูโทรหา พล.อ.ประวิตร

ศรัณย์วุฒิ กล่าวว่า นอกจากนี้ ยังมีประเด็น เจ้าสัวใหญ่ ผูกขาดสินค้าเกษตร ควบรวมกิจการอะไรน่าจะผิดแต่ก็ไม่ผิด ถ้าอยู่พรรคเดิม พูดเรื่องนี้ไม่ได้ ส่วนเรื่องรถไฟความเร็วสูง เชื่อม3สนามบิน จับเสือมือเปล่า โดยหวังงาบที่ดินย่านมักกะสัน โดยเจ้าสัวบางคน ใหญ่จริง แก้กฎหมาย พ.ร.บ.การแข่งขันทางการค้า จากนั้นทำการควบรวมบริษัทเข้าด้วยกัน ไม่รู้ว่าได้วางแผนไว้ล่วงหน้าหรือไม่ เช่นเดียวกับ การควบรวมบริษัททรูกับดีแทค โดยรัฐก็เกียร์ว่าง เพราะมีผู้ยิ่งใหญ่ทรงอำนาจอยู่เบื้องหลัง นอกจากนี้พอมีข่าวจะควบรวม หุ้นบางบริษัทก็ขึ้นสูงถึง 5 หมื่นกว่าล้าน เรื่องนี้ตนและ เรืองไกร ลีกิจวัฒนะ อดีตส.ว.สรรหา ขอเกาะติด โดยไอ้โม่งที่อยู่เบื้องหลังคือ พล.อ.ประวิตร และ พล.ต.อ.‘พ’ มหากาพย์ควบรวมนี้ จึงควบรวมได้ง่ายดาย น่าเสียดาย พล.อ.ประวิตร ไม่ได้มานั่งฟังด้วย 

จากนั้น ศรัณย์วุฒิ ได้กล่าวถึงกงล้อปีศาจที่ชั่วร้าย เกิดการทุจริตคอร์รัปชัน ขาดการตรวจสอบถ่วงดุุล สภาล่มซ้ำซาก "เพราะป้อมต้องการหักตู่ใช่ไหม ป้อมต้องการยึดอำนาจสภาใช่ไหม ทำให้สภาล่ม"

ทำให้ สายัณห์ ยุติธรรม ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคพลังประชารัฐ ประท้วงศรัณย์วุฒิที่กล่าวหา พล.อ.ประวิตร ทำสภาล่ม แต่เป็นเพราะฝ่ายค้านไม่แสดงตนเป็นองค์ประชุมให้ โดย สุชาติ ตันเจริญ รองประธานสภาฯ คนที่ 1 ทำหน้าที่ประธานการประชุมได้วินิจฉัยว่า สภาฯ ล่ม เพราะตนเองสั่งปิด 

จากนั้น ศรัณย์วุฒิ อภิปรายต่อว่า เมื่อครั้งที่มีการอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลที่ผ่านมา จะมีการยึดอำนาจในสภาฯ ถ้าครั้งนั้นทำสำเร็จ พล.อ.ประยุทธ์ จะถูกหักดิบในสภาฯแห่ง พล.อ.ประวิตร จะมาเป็นนายกฯ แทน เพราะมีการจับขั้วฝ่ายตรงข้ามเรียบร้อยแล้ว แต่ทำไม่สำเร็จ แน่จริงแฉมาว่าไม่ใช่ ช้างตายทั้งตัว เอาใบบัวมาปิดไม่ได้ เพราะพวก พล.อ.ประยุทธ์ และ พล.อ.ประวิตร แตกแยกกันต้องการชิงอำนาจกัน

"พี่อยากเป็นนายกฯ ต้องการเล่นงานน้องอ่ะ มันต้องเกิดปัญหามาโทษฝ่ายค้านไม่ให้ความร่วมมือ" ศรัณย์วุฒิ กล่าว 

จากนั้น พ.ต.ท.ฐนภัทร กิตติวงศา ส.ส.จันทบุรี พรรคพลังประชารัฐ ประท้วงขอให้ ศรัณย์วุฒิ ถอนคำพูดคำว่า "พี่อยากเป็นนายกฯ" เพราะเกิดความเสียหาย พี่น้องประชาชนฟังแล้วอาจเข้าใจผิดอย่างใหญ่หลวงกับผู้เกี่ยวข้องทั้ง 2 ชื่อ  แต่ศรัณย์วุฒิ ย้ำว่า ฆ่าทิ้งก็ไม่ถอนคำพูดเพราะเป็นความจริง ให้เจ้าตัวมาตอบดีกว่า อย่าไปกดดันประธาน สงสารประธาน

โดย สุชาติ ตันเจริญ รองประธานสภาฯ ทำหน้าที่ประธานการประชุมตัดบทแล้วกล่าวว่า "ไม่เป็นไร" ขอให้ ศรัณย์วุฒิ ได้อภิปรายต่อ

ศรัณย์วุฒิกล่าวว่า ล่าสุดให้ลูกน้องแยกพรรคออกไป ประชาชนสับสน ระหว่างประชาธิปไตยคุณธรรม กับเผด็จการอำมหิต โดยการแยกพรรคเล็กออกไป เตรียมผสมพันธุ์ พรรคใหญ่อีกขั้ว หลังเลือกตั้งชนะมา จะให้พี่ใหญ่เป็นนายกฯ

ขณะเดียวกัน ศรัณย์วุฒิ อภิปรายด้วยว่า ที่เจ็บปวดหน่วยงานภาครัฐ บางหน่วยงานที่ถือหุ้นด้วย ยอมให้เกิดการควบรวมได้อย่างไร โดยไม่ได้ทักท้วงเลย ถ้าไม่มีคนเส้นใหญ่ ไอ้โม่งอยู่เบื้องหลัง เขาจะกล้าทำหรือ ต่อไปโทรศัพท์จะเหลือแค่ 2 เจ้า เขาบวกราคาเท่าไหร่ก็ต้องยอม ประชาชนเดือดร้อน กสทช.เอียง เป็นคนของใคร ไปสอบดู เช่นเดียวกับการจะงาบงบ 1.7 หมื่นล้าน เป็นของใคร ก็ไปดู

"ไอ้อันนี้ มันเป็นการ โง่บัดซบเลย ที่กำลังบอกคือ เจ้าสัวรายนี้ ผูกขาดตั้งแต่สัตว์เลี้ยง สินค้าราคาเกษตรราคาถูก คนไทยยอมได้หรือไม่ ส่วนเรื่อง น้ำแห่งชาติ อยากเห็นเอางบกลางมาทำน้ำจริงๆ ไม่อยากเห็นการจัดคนมางาบงบกลาง ที่อยากให้มาแก้ปัญหาภัยแล้ง น้ำท่วม ไม่ใช่ปล่อยให้การมาจัดซื้อครุภัณฑ์ ถ้านายกฯปล่อย จะโดนมาตรา157 ตนจะตามจี้ ไม่ปล่อย"

ศรัณย์วุฒิ ระบุว่า บางคนเป็นฝ่ายเผด็จการ กำลังแปลงร่างเป็นเทพบุตร เลือกตั้งต่อไปจะผสมพันธุ์พรรคฝ่ายตรงข้าม รับไม่ได้ สงสารประเทศไทย เกิดความเหลื่อมล้ำ เอื้อเจ้าสัวสุดๆ แต่คนไทยยังจนจนตาย จะขอต่อสู้อย่างถึงที่สุด วันนี้คนไทยบอกว่า พล.อ.ประยุทธ์ ที่ไม่เก่ง แต่ผมรู้ว่าไม่ใช่ แต่ท่านเป็นสิงห์ซ่อนเล็บ ประเทศไทยกำลังจะได้นายกฯคนใหม่ มูมมามที่สุด กินทุกอย่างที่ขวางหน้า ใช้อำนาจเบ็ดเสร็จเอื้อเจ้าสัว นอกจากไม่เก่ง ใครถามอะไรก็บอกว่า ไม่รู้ ไม่รู้ 

“คนไทยบอกว่า นายกฯไม่เก่ง ก็ไม่อยากได้ นายกฯไม่รู้ ไม่รู้ กูก็ไม่เอา กูไม่เอา กูไม่เอาโว้ย”ศรัณย์วุฒิพูดพร้อมตะโกนอย่างสุดเสียงในห้องประชุมสภา 

สำหรับการอภิปรายของ ศรัณย์วุฒิ ยามพาดพิงไปถึง พล.อ.ประวิตร พล.อ.ประยุทธ์ ใช้ถ้อยคำหยาบคาย และบุคคลภายนอก ถูกประท้วงจากส.ส.ฝ่ายรัฐบาลเป็นระยะๆ โดยขอให้หลีกเลี่ยงพาดพิงไปถึงบุคคลภายนอก โดยบางคนถึงกับขู่ว่า ครั้งที่แล้วอาจจะย้ายพรรค แต่ครั้งนี้อาจจะติดคุกได้

'พิธา' ทวงสัญญาหาเสียงนายกฯ ชี้เป็นคนพูดไม่จำ แต่คนฟังไม่ลืม

Thai PBS รายงานว่านายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ส.ส.พรรคก้าวไกล อภิปรายว่ามีหนึ่งเรื่องที่เห็นด้วยกับนายกฯ คือสถานการณ์บ้านเมืองของเราอยู่ในโลกใบใหม่ที่ไม่เคยเจอมาก่อน ทั้งเรื่องวิกฤตโรคระบาดหลายระลอก มีผู้ติดเชื้อกว่า 420 ล้านคนทั่วโลก ทำให้ต้องปิด-เปิดประเทศ เกิดรอยต่อทางเศรษฐกิจ และทำให้ไทยอยู่ในสถานการณ์ที่เรียกว่า "เศรษฐกิจฟุบเฟ้อ"

"ฟุบ" เพราะล้วงกระเป๋าไม่เจอเงิน ไม่พบสัญญาณว่าเศรษฐกิจกำลังจะฟื้น ส่วน "เฟ้อ" เพราะช่วงที่เป็นรอยต่อเศรษฐกิจปิดๆ เปิดๆ ทำให้เกิดการกักตุนสินค้า ราคาขึ้นสูง ทั้งการกักตุนในประเทศและระหว่างประเทศ รวมถึงการอัดฉีดเงินเข้าสู่ระบบทำให้ราคาสินค้าสูงขึ้นในช่วงที่เศรษฐกิจฟุบ นอกจากนี้ยังมีสถานการณ์รัสเซีย-ยูเครนที่จะกระทบราคาพลังงานอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ และเงินเฟ้อทั่วโลกที่ทำให้ธนาคารกลางสหรัฐ (Fed) ต้องขึ้นดอกเบี้ย นั่นหมายความว่า ภาระ ต้นทุน การกู้หนี้ยืมสินจะสูงขึ้น รวมถึงเงินบาทอาจอ่อนค่าลง

ขณะเดียวกันประเทศไทยยังไม่ปรับตัว เต็มไปด้วยข้อจำกัด ทุกอย่างมีต้นทุน มีเส้นสาย มีค่าใช้จ่าย ความโปร่งใสลดลง แต่คอร์รัปชันสูงขึ้น ดังนั้นจึงต้องตั้งคำถามว่าผู้นำในศตวรรษที่ 21 แบบไหนที่ต้องการในสถานการณ์เช่นนี้

“เราต้องการผู้นำที่ทันสมัย ทันโลก มีความเป็นสากล กล้าหาญ เชี่ยวชาญเรื่องเศรษฐกิจ-โรคระบาด เห็นอกเห็นใจประชาชน และมีหัวใจเป็นประชาธิปไตย แต่ไม่คิดว่า พล.อ.ประยุทธ์ มีคุณลักษณะแบบนั้น และไม่เชื่อว่าจะนำพาประเทศไทยไปสู่ศตวรรษที่ 21 ได้”

นายพิธา ระบุอีกว่า ปัญหาภาวะผู้นำของ พล.อ.ประยุทธ์ คือมองมุมเดียว ไม่มีบริบท พูดคนเดียว ไม่ต้องการให้คนอื่นตอบโต้ จากการชี้แจงของนายกฯ ที่บอกว่าไทยฟื้นตัวจากโควิดเป็นอันดับ 2 ของโลก และอันดับ 1 ของเอเชียนั้น เป็นข้อมูลเก่าตั้งแต่มิ.ย.2563 ซึ่งเป็นการระบาดระลอกแรกมาสื่อสารกับประชาชน เหมือนเกาไม่ถูกที่คัน

ส่วนเรื่องการลงทุนและการส่งออก ที่นายกฯ และรัฐมนตรีบางคนบอกว่าส่งออกดีมาก แต่เมื่อเทียบกับปีอื่นๆ และทุกประเทศในอาเซียนกลับฟื้นช้าที่สุด สะท้อนว่าทุกอย่างดูดีเมื่อพูดแบบไม่มีบริบท

นอกจากนี้นายกฯ ได้พูดกลางสภาฯ เมื่อวานนี้ (17 ก.พ.) ว่า ยอดขอรับการส่งเสริมการลงทุนสูงกว่า 600,000 ล้านบาทและดีกว่าช่วงก่อนโควิด-19 แต่หากนำตัวเลขตั้งแต่ปี 2004-2010 พบว่าสัดส่วนเงินลงทุนเข้าไทยน้อยลงเรื่อยๆ เมื่อเทียบกับประเทศเพื่อนบ้าน เพราะนายกฯ เอาฐานต่ำมาเทียบจึงบอกว่าดีกว่าช่วงโควิด ซึ่งการมีคนมาลงทุนในประเทศ ไม่เท่ากับการมีนวัตกรรมในประเทศ

ปี 2562 นายกฯ หาเสียงเรื่องค่าแรงขั้นต่ำ 425 บาท แต่ผ่านมา 3 ปี ค่าแรงอยู่ที่ 310-320 บาท นอกจากนี้ยังสัญญาว่าจะให้เบี้ยคนชราคนละ 1,000 บาท แต่มติ ครม.เมื่อ 2 เดือนที่แล้ว นายกฯ ปรารภให้กระทรวงการคลัง สำนักงบประมาณ หาทางออกว่าจะหาเงินเพิ่มให้ผู้สูงอายุได้อย่างไร

"หากนายกฯ เห็นอกเห็นใจประชาชน คงทำตามที่หาเสียงไว้ว่าจะสนับสนุนเงินเด็กเล็กอายุ 0-6 ขวบ จำนวน 2,000 บาทต่อเดือน แต่ตอนประชุม ครม.บอกให้แค่ 600 บาท นอกจากนี้ยังหาเสียงไว้ว่าเงินเดือนขั้นต่ำของคนเรียนจบใหม่ 18,000-20,000 บาท ตอนนี้อย่าว่าแต่เงินเดือน งานที่จะหาให้เขาก็ยังไม่มี"

“การพูดของนายกฯ จึงเป็นคำพูดที่คนพูดไม่จำ คนฟังไม่ลืม”

นอกจากนี้ นายพิธายังถามเรื่องมาตรการด้านพลังงานในการดูแลประชาชน และการใช้บล็อกเชน ซึ่งเป็นเทคโนโลยีด้านการจัดเก็บข้อมูลว่ารัฐบาลจะใช้อย่างไร เพื่อแก้ปัญหาประเทศ รวมถึงคำชี้แจงของนายกฯ เรื่องการค้ามนุษย์

นอกจากนี้ นายพิธายังถามเรื่องมาตรการด้านพลังงานในการดูแลประชาชน และการใช้บล็อกเชน ซึ่งเป็นเทคโนโลยีด้านการจัดเก็บข้อมูลว่ารัฐบาลจะใช้อย่างไร เพื่อแก้ปัญหาประเทศ รวมถึงคำชี้แจงของนายกฯ เรื่องการค้ามนุษย์

ในช่วงท้าย นายพิธา เสนอแนะรัฐบาลให้ปิดเกมโควิด-19 โดยเปลี่ยนจากเชิงรับเป็นเชิงรุก แจก ATK ไปยังคลัสเตอร์ที่พบ ฉีดวัคซีนถึงบ้าน และเสนอให้ใช้เทคโนโลยีตรวจโควิดด้วยการใช้ลมหายใจ ซึ่งขณะนี้มีหลายประเทศเริ่มทำแล้ว

ขณะที่รายจ่ายของประชาชนและหนี้สิน ต้องเปลี่ยนดัชนีชี้วัดในการบริหารเศรษฐกิจ ทั้งเรื่องเงินเฟ้อและอัตราการว่างงานให้ตอบโจทย์ เพื่อแก้ปัญหาได้ตรงจุด ส่วนการแก้ปัญหาเรื่องหนี้ต้องมีหน่วยงานที่รับผิดชอบเรื่องนี้โดยเฉพาะ และสุดท้ายเรื่องรายได้ คือสุราก้าวหน้า โดยแนะนำให้ รมว.พาณิชย์ช่วยส่งเสริม รมว.อุตสาหกรรมช่วยพัฒนาให้ดีขึ้น รมว.วัฒนธรรมหาเรื่องราวเกี่ยวกับประวัติศาสตร์การดื่มเหล้า และ รมว.ท่องเที่ยวและกีฬา ช่วยให้เรื่องกินดื่มของไทยเป็นเรื่องของวัฒนธรรมการท่องเที่ยว

'สุทิน' สรุปอภิปรายขอ 'ประยุทธ์' รับข้อเสนอแนะฝ่ายค้านไปทำ ท้ายุบสภาแล้วไปพร้อมกัน

มติชนออนไลน์ รายงานเมื่อเวลา 23.00 น. 18 ก.พ. 2565 นายสุทิน คลังแสง ส.ส.มหาสารคาม และประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมฝ่ายค้าน (วิปฝ่ายค้าน) อภิปรายสรุปว่า การอภิปรายตามมาตรา 152 ครั้งนี้เป็นครั้งที่ 3 รวมแบบลงมติอีก 2 ครั้ง เป็น 5 ครั้ง โดยที่ผ่านมาเราส่งสัญญาณเตือนความทุกข์เป็นลำดับมาโดยตลอด เราเตือนว่าสถานการณ์จะดิ่งมาโดยตลอดตั้งแต่ยังไม่มีโควิดแล้ว ต่อมาเมื่อมีโควิดเราก็เตือนว่าจะหนักกว่าเดิม มาถึงวันนี้ ค่าครองชีพพุ่ง รายได้ตกชัดเจนมาก นอกจากนี้ยังมีทุกข์อื่นๆอีก เช่น ทุกข์จากการคอรัปชั่นในขณะที่คนกำลังจะตายอยู่แล้ว

โดยทุกข์แรกคือทุกข์จากปากท้อง และเศรษฐกิจ วันนี้ค่าครองชีพสูงขึ้น รายได้ตกต่ำลง สินค้าราคาแพง ค่าเดินทางแพงขึ้น ไฟฟ้าปรับแพงขึ้น สินค้าเพื่อสุขภาพก็แพงขึ้น ขณะที่ประชาชนทำมาหากินไม่ได้ แถมสินค้าเกษตรราคาตกลงอีก กระทบกับรายได้ของประชาชนที่ตกลงด้วย ทำให้ประชาชนไม่มีเงินใช้จ่าย ตลอด 3 ปีที่ผ่านมา รายได้ตก รายได้ต่ำ หนี้เพิ่มขึ้น และวันนี้สินค้าราคาพุ่งขึ้น ส่งผลต่อระดับมหภาค คือหนี้ครัวเรือนที่พุ่งขึ้นตามมาด้วย ประเทศหนี้สาธารณะก็พุ่งขึ้น หนี้ขึ้นทุกอย่างสูงขึ้น นี่คือทุกข์เรื่องเศรษฐกิจ

ท่านนายกฯ และท่านรัฐมนตรีบอกว่าเป็นอย่างนี้ทั้งโลก ก็จริง ตนไม่เถียง แต่แม้โควิดจะหายไป เราก็ไม่ฟื้น เราปัจจัยของเราล้มเหลว เราวินิจฉัยผิด จ่ายยาผิด คนไข้ตาย ไทยเรามีโรคประจำตัวอยู่แล้ว เขาโดนโควิดเขาเซ แต่เราโดนเราหัวคะมำ วันนี้จริงๆแล้วเรายังไม่ฟื้น ขณะที่ประเทศอื่นเขาฟื้นมาแล้ว 2 ปี เศรษฐกิจเราขยายตัวในแดนลบ ขณะที่ประเทศอื่นขยายตัวในแดนบวก เงินเพ้อคือการที่คนมีเงินเยอะ แต่ของเราจริงๆ ต้องเรียกว่า เงินฝืด เพราะคนในบ้านเราไม่มีเงิน เป็นเงินฝืด แต่ราคา (สินค้า) เฟ้อ

นายสุทิน อภิปรายอีกว่า วันนี้มีคนฉวยโอกาสเอาการส่งสัญญาณของรัฐบาลว่าเงินเฟ้อขึ้นราคาทั้งน้ำมัน และสินค้าต่างๆ ในภาวะแบบนี้จะมีนักการเมืองอยู่ 2 ประเภทคือ โง่กับโกง โง่คือไปส่งสัญญาณให้เขาโดยไม่รู้ให้เขาขึ้นราคาได้ และโกง คือ ไปร่วมกันกับเขาในการขึ้นราคา ดังนั้น ท่านต้องดูว่า ราคาน้ำมัน หรือสินค้าที่ขึ้นนั้นเป็นธรรมหรือไม่ ซึ่งตนมองว่า มันขึ้นอย่างไม่เป็นธรรม มีการกักตุน มีอำนาจเหนือตลาดควบคุมราคาหรือไม่ ตนเตือนมาตลอดว่าดอกเบี้ยทั่วโลกกำลังจะขึ้น เขาฟื้นตัวแล้ว แต่เรายังไม่ฟื้น ดังนั้น ระวังคนที่ฟื้นตัวแล้วจะมาฉุดเราให้ล้มลงอีก

ต่อมาคือปัญหาสังคม เมื่อเศรษฐกิจเป็นแบบนี้ก็ส่งผลให้ยาเสพติดระบาด อาชญากรรมมีมาก โดยเฉพาะอาชญากรรมไซเบอร์ที่กระทรวงดีอีของเรายังตามไม่ทัน และการจะปราบยาเสพติดจะเอาเฉพาะกระทรวงยุติธรรมอย่างเดียวมาทำไม่พอหรอก เพราะเป็นปลายเหตุ ในรัฐบาลนี้มีอดีต ผบ.ทบ.ตั้ง 3 คน เหตุใดไม่แผลงฤทธิ์ให้พ่อค้ายาเสพติดกลัวบ้าง

ต่อมาคือภัยจากการเมือง วันนี้เราก็ทุกข์ เพราะท่านบอกว่าจะมาปฏิรูปการเมือง อ่อนแอที่สุดคือการเมืองแบบใช้เงิน แล้วกลายเป็นค่านิยมใหม่ เลือกตั้งท้องถิ่น และเลือกตั้งซ่อมมาเห็นแล้วเศร้า ท่านใช้เงินนำหน้าการเมือง แล้วกรรมก็มาตกที่ท่าน ในที่สุดในพรรคท่านก็แตก ส่งผลให้ท่านทำงานไม่ได้ ส่งผลต่อปัญหาเศรษฐกิจ สังคมเพราะรัฐบาลอ่อนแอ แก้ปัญหาไม่ได้ ประเทศก็ไม่ได้ปฏิรูป ระบบราชการก็เดี้ยง เครื่องมือในการแก้ปัญหาประเทศจึงออก มาโผล่ที่สภา สภาล้ม ถ้าท่านทำการเมืองปฏิรูปย่างที่ท่านว่า สภาล่ม และการนับองค์ประชุมก็ไม่เกิด ซึ่งการนับองค์ประชุมคืออาวุธของเสียงข้างน้อยในประเทศที่มีสภา พวกตนเป็นรัฐบาลมาหลายยุค ก็มีนับองค์ประชุม และพรรคที่ขอให้นับองค์ประชุมก็อยู่ด้วยกันแถวนี้แหละ แต่พวกตนก็ที่เป็นรัฐบาลสมัยนั้นก็รับผิดชอบองค์ประชุม แต่สมัยนี้ นับเมื่อไหร่ก็ล่มทุกที เมื่อไหร่เมื่อนั้น เพราะพวกท่านบริหารไม่ได้ พวกท่านไม่มาเอง ก็ไม่ล่มได้อย่างไรก็หนีกันไป 20 กว่าคน แล้วฝังตัวรอเล่นงานกันอยู่อีกกี่คน พวกท่านก็ไปคุมพวกท่านเสียสิ ไม่ใช่มาด่าพวกตน นี่เป็นกรรมของท่านอย่างไรที่ท่านไม่ปฏิรูปการเมือง

ต่อมาคือเรื่องเหมืองทองอัครา ที่ประชาชนติดตามมา วันนี้ได้ข่าวว่าเขาจะได้สัมปทานเพิ่ม เราเป็นส.ส.ก็ห่วงจึงเอามาถามในสภา ท่านก็ลุกเป็นฟืนเป็นไฟ แต่เมื่อไปรวจสอบแล้วพบพิรุธจริงๆ ท่านไปปิดเขานั้นไม่ผิดนะ แต่ท่านใช้วิธีที่พลาดไปปิดเขาโดยใช้มาตรา 44 ถ้าท่านดูแล้วว่าประชาชนได้รับผลกระทบก็ต้องปิด แต่ท่านต้องใช้วิธีที่ฉลาด และถูกต้อง ไม่ใช่ใช้กฎหมายที่โลกไม่ยอมรับ วันนี้ พวกตนสงสัยว่าพวกท่านจะเอาสมบัติชาติไปแลกกับการให้เขาถอน เมื่อหักลบกลบหนี้แล้วหนักกว่าเสียค่าปรับ เพราะถ้าเสียค่าปรับให้เขาดีๆจะเสียหายน้อยกว่าให้สัมปทานใหม่แก่เขา

ต่อมาคือเรื่องหมูตาย ที่เมื่อโรคอหิวาต์เกิดขึ้นท่านไม่ได้บอกกับสังคม และผู้เลี้ยงหมูให้ทันเวลา ส่งผลให้ผู้เลี้ยงหมูรายย่อยได้รับผลกระทบ และราคาหมูแพงขึ้น ถ้าจะวิเคราะห์ว่าเหตุใดท่านต้องปกปิดก็เห็นว่า ท่านปกปิดมาตั้งแต่เรื่องลัมปีสกิล เพราะกรมปศุสัตว์กลัวต้องเยียวยา ถ้าไม่ยบอก ก็ให้ท้องถิ่นเยียวยาไป นอกจากนนี้ เพราะท่านเอื้อทุนใหญ่ คือเมื่อไม่มีฟาร์มเล็กมากวนใจ หมูที่มีอยู่ในมือก็ขายได้ราคาแพง พอเราถามว่าใครเป็นตัวการปั่นราคาหมูก็ไม่บอก ชาวบ้านเขาไม่ได้อยากให้ท่านล้อมคอก เขาอยากให้ท่านทำงานเชิงรุกแก้ปัญหาเรื่องนี้ วันนี้ที่หมูราคาลงเพราะมีการไปตรวจเจอที่กักตุนตามห้องเย็น แล้วถามว่าที่ไปตรวจเจอเป็นผลงานของรัฐมนตรีไหม โน่น เป็นผลงานของคนทางไกล คนอยู่ต่างประเทศเขายังรู้เลยว่ามีหมูไปกักตุนอยู่ตรงไหน ท่านถึงวิ่งหูตูบไปดู แล้วเจอจริงๆ แล้วที่เจอแบบนี้ต้องปรบมือให้ใคร คนในประเทศ หรือคนต่างประเทศ ถ้าท่านทำงานจริง เก่งจริง ท่านต้องไม่ปล่อยให้มีการกักตุนตั้งแต่แรก แล้ววันนี้หมูในห้องเย็นกำลังจะหมด ถ้าหมดแล้วหมูจะขึ้นอีก ได้ข่าวว่าจะแอบเอาหมูจากต่างประเทศเข้ามา ถ้าแอบเอาเข้ามาจริง เปิดสภาสมัยหน้าเจออภิปรายไม่ไว้วางใจตามมาตรา 151 นะ

นายสุทิน กล่าวอีกว่า สำหรับข้อเสนอแนะของเรานั้น วันนี้เราอยากให้นายกฯรับความจริง แล้วฟังคนอื่นให้มากขึ้น และอยากให้ท่านแก้ปัญหาในเชิงรุก ไม่ใช่วิ่งตามปัญหา นอกจากนี้ อยากให้ท่านทบทวนการกระตุ้นเศรษฐกิจใหม่ ไม่ใช่แจกกันกินอย่างเดียว แต่ช่วยแจกให้เขาได้เอาไปลงทุนด้วยเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ และอยากให้ท่านสร้างกันชนทางเศรษฐกิจ เมื่อมีปัญหาโลกมาจะได้ไม่ชนเข้ากับชาวบ้านทันที ท่านต้องมีกองทุน มีการเตรียมการต่างๆ ท่านต้องมีภูมิคุ้มกันให้ชาวบ้าน ไม่ใช่เจออะไรก็บอกว่า โลกเป็นแบบนี้ ต่อมา คือท่านต้องหารายได้บ้าง ไม่ใช่กู้อย่างเดียว เพราะการกู้ไม่ใช่การหารายได้ ท่านต้องเพิ่มรายได้ ลดรายจ่าย ถ้าท่านไม่ทำ 2 อย่างนี้ไม่มีทางแก้ปัญหาหนี้ได้ ทุกวันนี้ท่านกำลังย้ายหนี้ คือจะกู้หนี้เพื่อแก้หนี้ แและวันนี้ท่านกลับเพิ่มรายจ่าย ลดรายได้ แล้วแบบนี้จะแก้ปัญหาหนี้สินอย่างไร บางเรื่องที่ควรเป็นรายได้ เช่น คริปโตเคอเรนซี่ นอกจากท่านไม่ส่งเสริม ท่านยังจะหาช่องเก็บภาษี แถมยังเก็บภาษีโรงเรือน 100% ซ้ำเติมชาวบ้านอีก และขอให้ท่านช่วยชะลอการยกราคาประเมินที่ดินไว้ก่อนได้หรือไม่

ข้อต่อมาที่ต้องการแนะนำท่านคือ ขอให้ท่านใช้งบประมาณให้เกิดประโยชน์ ซื้ออาวุธ กับเรือดำน้ำต้องเลิก และต้องแก้ปัญหาทุจริต อุดรูรั่วทั้งหมด นายกฯบอกว่าตัวเองไม่ทุจริตอาจจะใช่ ท่านก็ต้องป้องกันไม่ให้หน่วยงานในกำกับท่านทุจริตด้วย ต่อมาคือถ้าท่านไม่ปฏิรูปการเมือง เลือกตั้งกลับมาคราวหน้าหนักกว่านี้อีกสภา แต่ถ้าท่านจะไม่ปฏิรูปก็ขอให้ท่านทบทวนตัวเอง ท่านต้องคิดว่าท่านอยู่บนกองทุกข์หรือกองสุข ท่านจะเอาชนะคะคานกับใครโดยเอาคน 65 ล้านคนเป็นตัวประกันกับท่านหรือ ท่านจะล้างแค้นใคร จะไม่ยอมแพ้กันก็ช่าง แต่ใจคอท่านจะไม่ปล่อยชาวบ้านออกจากอุ้งมือเลยหรือ ท่านจะลาออก หรือยุบสภาก็สุดแท้แต่ท่าน ตนเพียงแต่จะขอชีวิตชาวบ้าน และชีวิตคนไทย 60 กว่าล้านคนออกจากอุ้งมือท่าน แต่ถ้าท่านไม่ออกสภาพแบบนี้ก็จะมีต่อไป คนจนก็เพิ่มขึ้น จากจนเฉียบพลัน จะกลายเป็นจนเรื้อรัง เพราะความเหลื่อมล้ำที่ท่านทำขึ้นมาปกคลุม มีคนใหญ่ไม่กี่ตระกูลที่แข็งแรงไปยึดอาชีพเขาหมดแล้ว แล้วจากจนเรื้อรัง จะกลายเป็นจนถาวร แล้วเจ้ง แล้วประเทศคือคน ถ้าคนจน แล้วประเทศจะรวยได้อย่างไร วันนี้เรากู้หนี้ฉุเฉิน ต่อไปจะกลายเป็นกู้หนี้เรื้อรัง แล้วจะกลายเป็นกู้ถาวร เพราะท่านกู้ทุกปี และกู้เพิ่มขึ้นเรื่อยๆด้วย ถ้านายกฯไม่พิจารณาตัวเอง อยู่ต่อไป แล้วไม่เอาสิ่งที่ตนเสนอวันนี้ไปทำอะไรก็รอเลย จนเฉียบพลัน จนเรื้อรัง และจนถาวร วันนี้เรามาคิดถึงประเทศ มาห่วงประเทศกันเถิด นายกฯออกมาบอกหน่อยจะรับข้อเสนอหรือไม่ ถ้าไม่รับ เรือมันรั่วแล้วก็ต้องจมเรือ สภาคือที่เงาสะท้อนของประชาชน ประชาชนร้อน ที่นี่ก็ต้องเดือด ไม่ใช่ประชาชนร้อน เราในสภาจะมาหัวเราะ วันนี้ชาวบ้านถามเสมอว่า จะไล่นายกฯออกเมื่อไหร่ ไปจังไหนก็พูดคำเดียวกัน ว่าเอานายกฯออกให้หน่อย พวกตนก็บอกว่า พวกตนทำกันสุดความสามารถแล้ว

"วันนี้ถ้าท่านยุบสภา เราไปพร้อมกัน ท่านก็ไป พวกตนก็ไป เป็นธรรม จะได้ไม่ต้องมาน้อยใจว่าพวกตนไล่ท่าน" นายสุทิน กล่าว

จบการอภิปรายรัฐบาลแบบไม่ลงมติ ฝ่ายค้านย้ำ 'ประยุทธ์' ต้องลาออกหรือยุบสภา

ไทยรัฐออนไลน์ รายงานเมื่อเวลา 00.17น. วันที่ 19 ก.พ. 2565 ที่อาคารรัฐสภา ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร อภิปรายทั่วไปแบบไม่ลงมติ ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 152 ที่มีนายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร ทำหน้าที่ประธานในการประชุม ได้แจ้งต่อสมาชิกว่าเหลือผู้อภิปรายต่อจากนี้อีก 7 คน ได้ให้เวลาในการอภิปรายคนละ 10 นาที จากเดิม 12 นาที เพื่อให้ทุกคนได้อภิปราย

โดยในที่ประชุมยังคงมีส.ส.พรรคฝ่ายค้าน ผลัดเปลี่ยนการอภิปรายรัฐบาล อาทินายประเดิมชัย บุญช่วยเหลือ ส.ส.กทม. พรรคเพื่อไทย, นายประเสริฐ บุญเรือง ส.ส.กาฬสินธุ์ พรรคเพื่อไทย ในเรื่องการทุจริตน้ำประปา การทุจริตประพฤติมิชอบของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ความไม่ชอบมาพากลของโครงการในกรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช ของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม

จากนั้นเวลา 00.40 น. นายครูมานิตย์ สังข์พุ่ม ส.ส.สุรินทร์ พรรคเพื่อไทย ได้กล่าวอภิปรายว่า พล.อ.ประยุทธ์ ไม่มีความรู้เรื่องการบริหารในยุคดิจิทัล ที่ไม่สามารถแปลความก้าวหน้าในการบริหารงานได้ ไม่มีแผนงานในการปฏิรูปหลังปฏิวัติ ไม่ได้มาสร้างความปรองดอง และยังมาสร้างความขัดแย้งทุกเรื่องจนถึงทุกวันนี้ ขาดวิสัยทัศน์ โดยบอกว่าตนเองนั้นเป็นพระราม ซึ่งลืมไปว่า พระรามเลี้ยงลิง แต่ลิงไปหมดแล้ว ตอนนี้เหลือแต่หนู ให้หนูช่วย จึงขอให้ลาออก แล้วให้คนอื่นมาทำแทน หรือไม่ก็ยุบสภา

"วันก่อนบอกความสงบจะจบที่ลุงตู่ จนคะแนนมามากมาย แต่วันนี้คนไทยจะรอดถ้าปราศจากลุงตู่เป็นนายกฯ ขอฝากอริยสัจ 4 ให้นายกฯไปอ่านแล้วทบทวน" นายครูมานิตย์ กล่าว

จากนั้น เวลา 00.51 น. นายอภิชาติ ศิริสุนทร ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ได้กล่าวอภิปรายถึงการมาของนายกฯ ที่ต้องการจะแก้ปัญหาความเหลื่อมล้ำ แก้ปัญหาคอร์รัปชัน แต่ก็ไม่สามารถแก้ได้ และกลับสร้างกลไกการทุจริตตั้งแต่บนถึงล่าง

เวลา 01.13 นางอนุรักษ์ บุญศล ส.ส.สกลนคร พรรคเพื่อไทย ได้กล่าวอภิปรายชี้ให้เห็นถึงปัญหาด้านการศึกษา ที่ปัญหาโควิด-19 ทำให้เด็กออกกลางคันจากระบบการศึกษาตั้งแต่อนุบาลถึง ม.6 กว่า 3.6 แสนคน เพราะต้องเผชิญกับปัญหาความจนเฉียบพลัน จึงขอถามกระทรวงศึกษาธิการว่าจะแก้ปัญหาอย่างไรได้บ้าง

และในเวลา 01.25 น. นายนิวัติ สมบูรณ์ ส.ส.ขอนแก่น พรรคเพื่อไทย ได้กล่าวอภิปรายเป็นคนสุดท้าย ถึงปัญหาด้านการศึกษา ปล่อยให้ประเทศเพื่อบ้านแซงหน้า จึงขอเสนอแนวทางแก้ไข 3 ประเด็น คือ 1.กระจายอำนาจให้สถานศึกษาจัดการงบประมาณด้วยตนเอง 2.ควรให้อิสระเขตพื้นที่การศึกษาแต่งตั้งบุคลากร และ3. เลิกการเรียนแบบท่องจำเพราะไม่เหมาะกับทศวรรษที่ 21 เพราะต้องสอนให้เด็กคิดวิเคราะห์แยกแยะเป็น พร้อมระบุว่านายกฯไม่ให้ความสำคัญกับระบบการศึกษา จึงขอให้ยุบสภาและคืนอำนาจให้ประชาชน

จากนั้น นายชวน หลีกภัย ประธานในที่ประชุมได้แจ้งต่อสมาชิกว่าการอภิปรายทั่วไปแบบไม่ลงมติ ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 152 ได้เสร็จสิ้นลงแล้ว ขอบคุณสมาชิกและคณะรัฐมนตรีที่ได้เข้ามาทำหน้าที่ พร้อมขอปิดการประชุมในเวลา 01.35 น.
 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net