Skip to main content
sharethis

คนทำงานด่านหน้าในสหรัฐฯ เช่น ตำรวจ พยาบาล คนขับรถโรงเรียน และพนักงานร้านค้า เกษียณอายุมากขึ้นช่วง COVID-19 ระบาด เนื่องจากความกังวลเรื่องสุขภาพ นักเศรษฐศาสตร์ชี้ควรมีนโยบายทำให้งานสาธารณะปลอดภัยมากขึ้น เพื่อให้คนทำงานสูงวัยรู้สึกสบายใจที่จะกลับไปทำงาน


ในสหรัฐฯ ช่วง 6 เดือนแรกของปี 2563 ที่ COVID-19 เริ่มระบาด มีผู้ตัดสินใจเกษียณอายุประมาณ 3 ล้านคน ส่วนในปี 2564 คนทำงานด่านหน้าจำนวนมากก็ทยอยเกษียณอายุมากขึ้นด้วยเช่นกัน | ที่มาภาพ: Marc A. Hermann/MTA New York City Transit (CC BY 2.0)

  • ในปี 2563 ช่วง 6 เดือนแรกที่ COVID-19 เริ่มระบาด มีผู้ตัดสินใจเกษียณอายุการทำงานประมาณ 3 ล้านคนในสหรัฐฯ ถือเป็นจำนวนการเกษียณอายุสูงสุดในรอบศตวรรษ
  • พยาบาลในสหรัฐฯ เลือกที่จะเกษียณอายุมากขึ้นช่วงเกิด COVID-19 ถึง 140% แบบแผนการตัดสินใจเกษียณอายุนี้เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วในอาชีพด่านหน้าต่างๆ เช่น พนักงานขายปลีก ช่างทำผม คนขับรถโรงเรียน เจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ พนักงานต้อนรับ หรือแม้แต่คนทำงานในโรงงาน 
  • นักเศรษฐศาสตร์ชี้ว่าในแง่นโยบาย รัฐและเมืองต่างๆ ควรคำนึงถึงข้อกำหนดที่จะทำให้งานสาธารณะปลอดภัยมากขึ้น เพื่อให้คนทำงานสูงวัยรู้สึกสบายใจที่จะกลับไปทำงาน 

ในปี 2563 ช่วง 6 เดือนแรกที่ COVID-19 เริ่มระบาด มีผู้ตัดสินใจเกษียณอายุการทำงานประมาณ 3 ล้านคนในสหรัฐฯ ถือเป็นจำนวนการเกษียณอายุออกจากตลาดแรงงานที่สูงสุดในรอบศตวรรษ

นักเศรษฐศาสตร์ที่เชี่ยวชาญด้านตลาดแรงงานชี้ว่ามีสาเหตุอย่างน้อย 2 ประการที่ทำให้คนตัดสินใจลาออก กลุ่มหนึ่งตัดสินใจว่าจะเกษียณอายุเร็วกว่ากำหนดเพราะมองว่าเศรษฐกิจในอนาคตไม่ดีนัก ไม่คุ้มที่จะทำงานอีกต่อไปในช่วงบั้นปลายของชีวิต อีกกลุ่มหนุ่งเป็นกลุ่มที่ก่อนหน้านี้ยืดอายุการเกษียณมาแล้วพอเกิดการระบาดของ COVID-19 จึงเป็นโอกาสที่ดีที่จะเกษียณอายุเสียที

สื่อที่จับตาความเคลื่อนไหวในท้องถิ่นสหรัฐฯ อย่าง Stateline ได้ยกตัวอย่างกรณีของ เครก ลอง หลังจากที่เขาทำงานในอาชีพตำรวจมาหลายสิบปี ความคิดในการเกษียณอายุงานของเขาเริ่มผุดขึ้นเมื่อ COVID-19 ระบาดขึ้นที่ชานเมืองซัฟเฟิร์น ในนิวยอร์ก เมื่อช่วงเดือน มี.ค. 2563 ตอนที่เข้าอายุหกสิบต้นๆ


นักสืบอาวุโสเครก ลอง (คนขวา) กับนักสืบแอนน์ ครอว์ลีย์ ก่อนที่เขาจะเกษียณอายุจากตำรวจซัฟเฟิร์น นิวยอร์ก ในปี 2564 เจ้าหน้าที่ตำรวจเป็นหนึ่งในคนทำงานด้านหน้าที่เลือกเกษียณอายุจำนวนมากที่สุดในช่วงการระบาดใหญ่ของ COVID-19 | ที่มาภาพ: Craig Long (อ้างใน Stateline)

ในฐานะนักสืบผู้มีประสบการณ์ เขาได้รับมอบหมายในช่วงเริ่มต้นของการระบาดให้ช่วยสอบสวนการเสียชีวิตจากการแพร่กระจายอย่างรวดเร็วของ COVID-19 ซึ่งเขาพบว่าหลายคนที่เสียชีวิตนั้นมีรุ่นราวคราวเดียวกับเขา

"ผมเพิ่งจะจากความตายหนึ่ง ไปสู่อีกความตายหนึ่ง" ลองกล่าว บางครั้งเขาอยู่ที่บ้านเป็นเวลาหลายชั่วโมงในขณะที่แพทย์กำลังถกเถียงกันว่าจะทำอย่างไร เนื่องจากตอนนั้นยังไม่ทราบแน่ชัดว่า COVID-19 แพร่กระจายไปอย่างไร

เช่นเดียวกับคนทำงานด่านหน้ารุ่นเก่าๆ หลายๆ คน เขาตัดสินใจเกษียณอายุงานจากอาชีพตำรวจ และหางานเล็กๆ น้อยๆ ที่ปลอดภัยกว่าเมื่อปีที่แล้ว โดยเขาทำงานพาร์ทไทม์เป็นนักประวัติศาสตร์ของท้องถิ่นร็อคแลนด์ เคาท์ตี้  ในนิวยอร์ก 

"ผมรู้ว่าจะไม่ติดเชื้อโควิดจากหนังสือเก่าๆ ที่เต็มไปด้วยฝุ่นเหล่านี้หรอก" ลอง ที่ตอนนี้อายุ 63 ปีแล้วกล่าว

คนทำงานด่านหน้าที่ลักษณะการทำงานต้องติดต่อและพบปะกับผู้คนเป็นจำนวนมาก เช่น เจ้าหน้าที่ตำรวจ พยาบาล คนขับรถโรงเรียน และพนักงานร้านค้าปลีก เกษียณอายุและออกจากงานมากขึ้นอย่างมากในปี 2564 เมื่อเทียบกับปี 2562 ก่อน COVID-19 ระบาด ตามการวิเคราะห์ของ Stateline ที่ใช้ข้อมูลจากสำนักงานสำมะโนประชากรสหรัฐฯ (U.S. Census Bureau)

การขาดแคลนคนทำงานด่านหน้าได้สร้างความเดือดร้อนให้กับรัฐและเมืองต่างๆ ตลอดการระบาดใหญ่

สำหรับเจ้าหน้าที่ตำรวจ จำนวนการเกษียณอายุเพิ่มขึ้นมากกว่าการลาออก และการออกจากอาชีพทั้ง 2 รูปแบบนี้ก็ได้ส่งผลให้บุคลกรขององค์กรตำรวจขาดแคลนอย่างรุนแรงโดยเฉพาะในเมืองใหญ่ ทำให้ปัญหาอาชญากรรมรุนแรงขึ้นด้วยเช่นกัน 

เนื่องจาก COVID-19 เป็นสาเหตุการเสียชีวิตอันดับต้นๆ ของเจ้าหน้าที่ตำรวจ หน่วยงานตำรวจจากนิวอิงแลนด์ถึงแคลิฟอร์เนียและฟลอริดารายงานการขาดแคลนเจ้าหน้าที่ในปี 2021 ส่วนในรัฐแมริแลนด์ ท้องถิ่นบัลติมอร์เคาน์ตี้ระบุว่าการขาดเจ้าหน้าที่ส่วนหนึ่งเนื่องจากการเกษียณอายุทำให้ประชาชนตกอยู่ในความเสี่ยง 

ส่วนการขาดแคลนพยาบาล ส่งผลกระทบโดยตรงต่อความพยายามในการต่อสู้กับโรคระบาด ณ จุดหนึ่งเมื่อฤดูใบไม้ร่วงปี 2564 ที่รัฐดีทรอยต์ แม้เตียงในโรงพยาบาลจะว่างแต่ก็ไม่สามารถให้บริการเนื่องจากขาดพยาบาล รวมทั้งพยาบาลในโรงเรียนก็ขาดแคลนเช่นกัน เมื่อเดือน ม.ค. 2565 พยาบาลทหารถูกเรียกมาเพื่ออุดช่องโหว่ในเมืองเดียร์บอร์น รัฐมิชิแกน และที่รัฐวอชิงตันมีเรียกร้องให้กองกำลังรักษาดินแดนแห่งชาตินำกำลังพลออกมาสนับสนุนในโรงพยาบาลที่มีเจ้าหน้าที่ไม่เพียงพอ

เมื่อเดือน ม.ค. 2565 มิเกล คาร์โดนา รัฐมนตรีกระทรวงศึกษาธิการของสหรัฐฯ กล่าวถึงการขาดคนขับรถโรงเรียนว่าเป็น "สิ่งกีดขวางบนถนนในการนำเด็กมาสู่โรงเรียน"

ท้องถิ่นในสหรัฐฯ ขาดแคลน 'คนขับรถโรงเรียน'

การเกษียณอายุงานถือเป็นส่วนสำคัญของปัญหาการขาดแคลนแรงงาน ตามการวิจัยของธนาคารกลางเซนต์หลุยส์ที่ตีพิมพ์ในเดือน ต.ค. 2564 ในรายงานระบุว่ามีการเกษียณอายุแบบฉุกละหุกถึง 2.4 ล้านคน นับตั้งแต่เริ่มการระบาดใหญ่ ซึ่งเป็นจำนวนที่มากครึ่งหนึ่งของผู้ที่ออกจากตลาดแรงงานไปสิ้นเชิง 4.2 ล้านคน

โมนิค มอร์ริซีย์ นักเศรษฐศาสตร์ของสถาบันนโยบายเศรษฐกิจ (EPI) ชี้ว่าในแง่นโยบาย รัฐและเมืองต่างๆ ควรคำนึงถึงข้อกำหนดที่จะทำให้งานสาธารณะปลอดภัยมากขึ้นเพื่อให้คนทำงานสูงอายุรู้สึกสบายใจที่จะกลับไปทำงานกับพวกเขา ข้อมูลจาก EPI ระบุว่าคนทำงานสูงวัยที่มีสุขภาพดีล้วนแล้วแต่เป็นผู้นำของพนักงานคนอื่นๆ ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา

"ในขณะที่การระบาดใหญ่ยังคงดำเนินต่อไป เราควรเพิ่มการคุ้มครองเพิ่มเติมสำหรับคนทำงาน เพื่อให้มั่นใจว่าพวกเขาจะได้รับการคุ้มครองหากพวกเขากลับมาทำงานอีกครั้ง นั่นเป็นสิ่งสำคัญที่สุดเพียงอย่างเดียวที่เราสามารถทำได้" มอร์ริซีย์กล่าว

จีนีน ซานเตลลี ผู้อำนวยการสมาคมพยาบาลแห่งอเมริกา (ANA) ประจำนิวยอร์ก กล่าวว่า "ฉันได้ยินมาว่ามีพยาบาลที่กำลังพิจารณาที่จะเกษียณอายุ ซึ่งตัดสินใจทำเช่นนั้นเนื่องจากการระบาดใหญ่"

สหรัฐฯ เผชิญวิกฤตขาดแคลนพยาบาล และยิ่งรุนแรงขึ้นในช่วง COVID-19

"เหตุผลต่างๆ ดูเหมือนจะมาจากจำนวนผู้เสียชีวิต ความเจ็บป่วยทางร่างกาย จิตใจ และอารมณ์ และพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมของผู้ป่วยและครอบครัว แม้พยาบาลคุ้นเคยกับการเผชิญสถานการณ์อันตรายและการทำงานภายใต้สภาวะที่รุนแรงในช่วงวิกฤต แต่วิกฤตนี้กินเวลานานถึง 2 ปีแล้ว" ซานเตลลีกล่าว


พยาบาลในสหรัฐฯ เลือกที่จะเกษียณอายุมากขึ้นเมื่อเทียบกับช่วงเกิด COVID-19 ถึง 140% | ที่มาภาพ: Florida National Guard

ก่อน COVID-19 จะระบาด สตีฟ ฮัฟฟ์ ออกจากงานบุรุษพยาบาลในเวอร์จิเนียเมื่ออายุ 61 ปี เมื่อเขาต้องเข้ารับการปลูกถ่ายไต เขาตัดสินใจเกษียนอายุงานแทนที่จะกลับไปอีก หลังจากที่เขาได้ยินเรื่องความวุ่นวายจากการระบาดใหญ่นี้ที่เกิดขึ้นในโรงพยาบาล 

"ผมรักอาชีพพยาบาลนะ แต่ไม่เคยคิดที่จะกลับไป พวกเราพยาบาลกำลังจะทำงานจนตาย" ฮัฟฟ์กล่าว

ส่วนพีท รามิเรซ เกษียณจากการเป็นผู้จัดจัดการร้านขายของชำขนาดใหญ่ในเมืองทัคสัน รัฐแอริโซนาในเดือน ธ.ค. 2564 การระบาดของ COVID-19 ได้บีบให้เขาต้องตัดสินใจเร็วกว่าที่วางแผนไว้ เขาอายุเพียง 62 ปี และต้องจ่ายค่าประกันราคาแพงเองจนกว่าจะได้รับสิทธิ์เมดิแคร์ (Medicare) เมื่อเขาเข้าสู่วัย 65 ปี

"ในขณะที่สิ่งต่างๆ คืบหน้า ผมสังเกตเห็นพนักงานของผมและคนทั่วไปป่วย” รามิเรซกล่าว “ส่วนใหญ่ผมจะคิดเกี่ยวกับพ่อแม่ของผม พวกเขาอายุ 91 แล้วทั้งคู่ และผมเป็นผู้ดูแลหลักของพวกเขา"

จากการวิเคราะห์ข้อมูลสำมะโนประชากรขนาดเล็ก (microdata) โดยมหาวิทยาลัยมินนิโซตา พบว่าพยาบาล 14,500 คน เพิ่งเกษียณเมื่อเดือน มี.ค. 2564 ซึ่งเพิ่มขึ้น ร้อยละ 140 จากตัวเลขนั้นในเดือน มี.ค.2562 

แบบแผนการเลือกเกษียณอายุนี้เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วในอาชีพด่านหน้าต่างๆ เช่น พนักงานขายปลีก ช่างทำผม คนขับรถโรงเรียน เจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ พนักงานต้อนรับ หรือแม้แต่คนทำงานในโรงงานบางส่วน 

ส่วนผู้เกษียณจากงานพาร์ทไทม์และอาจกลับมาทำงานใหม่หากพวกเขาแน่ใจว่างานนั้นปลอดภัย

"การติดต่อในที่สาธารณะและสถานะการทำงานนอกเวลา เป็นสองปัจจัยที่สำคัญที่สุดที่ทำให้คนทำงานพาร์ทไทม์สูงวัยตัดสินใจเกษียณ" โอเว่น เดวิส นักวิจัยของศูนย์วิเคราะห์นโยบายเศรษฐกิจชวาร์ต (SCEPA) กล่าว เดวิสได้วิเคราะห์การเกษียณอายุไว้ในเอกสารของศูนย์ฯ เมื่อเดือน ธ.ค. 2564

เอกสารของเขาสรุปว่าการระบาดใหญ่ได้ "สร้างความตกใจให้กับคนทำงานสูงอายุอย่างไม่เคยปรากฏมาก่อน และนำไปสู่การเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วของการเกษียณอายุงาน" และสถานะการทำงานพาร์ทไทม์จำนวนมากอาจช่วยอธิบายความจริงที่ว่ามีคนสมัครรับสวัสดิการประกันสังคมน้อยลงในช่วงการระบาดใหญ่ แม้ว่าพวกเขาเกษียณแล้วก็ตาม

คนขับรถโรงเรียนเกษียณอายุมากกว่า 3 เท่า หรือ 8,150 คน ในปี 2564 คอรีย์ มัวร์เฮด รองประธานฝ่ายบริการรถโรงเรียนในเมืองควีนส์ นิวยอร์ก กล่าวว่าคนขับรถพาร์ทไทม์จำนวนมากเลือกที่จะออกจากอาชีพนี้ เนื่องจากความไม่แน่นอนในการเปิด-ปิดโรงเรียน รวมถึงโรงเรียนต่างๆ เลือกใช้การเรียนการสอนทางไกลแทน นอกจากนี้ยังมีความเสี่ยงด้านสุขภาพในช่วงที่ COVID-19 ระบาด

"อุตสาหกรรมรถโรงเรียน เคยมีผู้เกษียณอายุจากงานประจำมาทำงานพาร์ทไทม์ เพื่อต้องการออกจากบ้านและทำงานสักสองสามชั่วโมง" Muirhead กล่าว "สิ่งนี้เปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง พวกเขารู้สึกไม่ปลอดภัยในการรับส่งเด็กมากกว่า 50 คนต่อวัน พวกเขาคิดว่าเหตุใดจึงต้องยังทำงานที่เสี่ยงแบบนี้"


ที่มา
Americans aren’t just quitting—they are retiring at record rates, too (Tim Fernholz, Yahoo Finance, 28 June 28 2021)
Retirements Cut Ranks of Scarce Frontline Workers (Tim Henderson, Stateline, 4 February 2022)

สแกน QR Code เพื่อร่วมบริจาคเงินให้กับประชาไท

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net