Skip to main content
sharethis

สสส.-มธ. ทำคู่มือสนับสนุนจิตใจและจิตสังคม เด็กและครอบครัว ช่วงโควิด-19 ตัวช่วยนักสังคมสงเคราะห์เยียวยาชุมชน เพิ่มแกนนำผู้ป่วยโควิด-19 ให้คำปรึกษาลดตีตรากลับสู่สังคม ระบุเกิน 50% มีปัญหาเศรษฐกิจขาดรายได้

สสส.-มธ. ทำคู่มือสนับสนุนจิตใจและจิตสังคม เด็กและครอบครัว ช่วง COVID-19

6 มิ.ย. 2564 สำนักข่าวสร้างสุข รายงานว่าพญ.ขจีรัตน์ ปรักเอโก ผู้อำนวยการสำนักสนับสนุนการพัฒนาระบบสุขภาพ สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) กล่าวว่า สสส. ร่วมกับมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ (มธ.) พัฒนาแนวทางการดูแลช่วยเหลือทางสังคม โดยนักสังคมสงเคราะห์ โดยได้พัฒนาคู่มือการสนับสนุนทางจิตใจและจิตสังคม สำหรับเด็กและครอบครัวระดับชุมชนในภาวะการระบาดโควิด-19 เพื่อให้นักสังคมสงเคราะห์จิตอาสาใช้เป็นเครื่องมือในการทำงานกับเด็กๆ  ในชุมชน  และเด็กที่ครอบครัวมีสมาชิกป่วยโรคโควิด19  ทั้งนี้ สสส. มีแผนการขยายบริการของนักสังคมสงเคราะห์จิตอาสาไปสู่หน่วยบริการปฐมภูมิ เพื่อให้เกิดความครอบคลุมของบริการทั้งมิติการส่งเสริมป้องกัน และการช่วยเหลือเยียวยาอย่างต่อเนื่องในระดับชุมชน

“นักสังคมสงเคราะห์จิตอาสา จะทำหน้าที่ในการเป็นพี่เลี้ยง พัฒนาให้ผู้ป่วยโควิดที่รักษาหายแล้วที่มีจิตอาสา ลุกขึ้นมาเป็นอาสาสมัครให้คำปรึกษาลดการตีตรา ซึ่งกับกลุ่มผู้ป่วยรายใหม่ในโรงพยาบาลสนามธรรมศาสตร์ และผู้ป่วยในโรงพยาบาลพื้นที่จังหวัดปทุมธานี  ซึ่งเราพบว่าการทำงานของแกนนำเหล่านี้ สามารถเข้าถึงและได้รับความไว้วางใจจากผู้ป่วยด้วยกันอย่างมาก สสส. เองพร้อมหนุนเสริมเพื่อยกระดับและขยายผลแกนนำเหล่านี้ในระยะต่อไป” พญ.ขจีรัตน์ กล่าว

ด้าน ดร.ขนิษฐา  บูรณพันศักดิ์ หัวหน้างานสังคมสงเคราะห์ โรงพยาบาลธรรมศาสตร์เฉลิมพระเกียรติ กล่าวว่า จากการขยายผลโครงการพัฒนาสมรรถนะ และรูปแบบการดูแลทางสังคม และเสริมพลังชุมชนในการเฝ้าระวังดูแลและจัดการสังคมสำหรับผู้ป่วย จะมีการจัดทำคู่มือการดูแลทางสังคมผู้ป่วยโควิดในชุมชน 1 เล่ม และคู่มือการปฏิบัติงานของนักสังคมสงเคราะห์ในการดูแลทางสังคมผู้ป่วยโควิด-19 อีก 1 เล่ม ในเร็วๆ นี้ 

“สิ่งที่ทุกคนเจอคือ ความเครียด และวิตกกังวลจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 อยู่แล้ว แต่มากกว่านั้นโควิด-19 ทำให้วิถีชีวิตเปลี่ยน เมื่อป่วยด้วยโควิด-19 กลับไปบ้านเพื่อกักตัวต่อก็ยังกังวลสถานที่กักตัว กลัวจะนำไปติดคนที่บ้าน คนป่วย หรือลูกหลาน ซึ่งส่วนใหญ่ปัญหามากกว่าร้อยละ 50 คนที่ป่วยจะเป็นหัวหน้าครอบครัว เป็นกำลังหลัก แต่ถูกให้ออกจากงาน ขาดรายได้ หรือประสบกับการทำมาหากินที่ยากลำบาก หรือบางคนถูกแยกจากคนที่รัก บางคนกลัวสูญเสียคนที่รัก ยิ่งคนที่มีความเสี่ยงด้านสุขภาพสูงอย่างเช่น ผู้ป่วยโรคเรื้อรัง มีโรคประจำตัว พิการ เด็ก ก็จะมีปัญหาสุขภาพจิตตามมาด้วย ขณะนี้มีหลายเคสที่ชุมชนไม่รับกลับสังคม โดยเฉพาะที่พักอาศัยในคอนโดมิเนียม ซึ่งทางทีมงานต้องเข้าไปช่วยดูแลสร้างความเข้าใจ” ดร.ขนิษฐากล่าว

ทั้งนี้ สามารถดาวน์โหลด คู่มือการสนับสนุนทางจิตใจและจิตสังคม สำหรับเด็กและครอบครัวระดับชุมชนในภาวะการระบาดโควิด-19 ได้ที่นี่

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net