Skip to main content
sharethis

รพ.สต.คลองสวนพลู เดินหน้านโยบาย ‘ย้ายหน่วยบริการเกิดสิทธิทันที’ ใช้ E-Form ลดเอกสาร-ขั้นตอน อำนวยความสะดวกประชาชน สปสช.จัดสัปดาห์ธรรมาภิบาล ขับเคลื่อนองค์กรโปร่งใส มุ่งพัฒนาหลักประกันสุขภาพประชาชน

 

18 ก.พ.2564 ทีมสื่อ สปสช. รายงานว่า เมื่อวันที่ 17 ก.พ.ที่ผ่านมา คณะผู้บริหารสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) นำโดย ทพ.อรรถพร ลิ้มปัญญาเลิศ รองเลขาธิการ สปสช. ลงพื้นที่เยี่ยมชมการดำเนินงาน “การลงทะเบียนสิทธิเกิดทันทีไม่ต้องรอ 15 วันด้วยระบบ E-Form” ของโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล (รพ.สต.) คลองสวนพลู จ.พระนครศรีอยุธยา ตามนโยบายยกระดับบริการระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (บัตรทอง) ของ อนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.สาธารณสุข (สธ.) เพื่อแก้ไขปัญหาในการเข้ารับบริการของประชาชน นอกจากนี้ยังลดเอกสาร-ขั้นตอนหน่วยบริการ  

สำหรับในอดีต เมื่อประชาชนลงทะเบียนในระบบบัตรทองหรือลงทะเบียนย้ายหน่วยบริการ จำเป็นต้องรอให้ถึงวันที่ 15 หรือ 28 ของเดือน จึงจะเกิดสิทธิ แต่ในปัจจุบันเมื่อประชาชนลงทะเบียนแล้วจะเกิดสิทธิทันที และสามารถไปรับบริการที่หน่วยบริการใหม่ได้โดยไม่ต้องรอ 15 วัน 

คมสัน แสงเพลิง ผู้อำนวยการ รพ.สต.คลองสวนพลู เปิดเผยว่า การลงทะเบียนสิทธิเกิดทันทีไม่ต้องรอ 15 วัน ผ่านระบบ E-Form ทำให้ประชาชนสะดวกสบายขึ้น จากเดิมที่ต้องยื่นเอกสารตรวจสอบสิทธิ พร้อมเขียนใบคำร้อง ลงลายมือชื่อ และต้องย้ายทะเบียนบ้านเข้ามาในพื้นที่ แต่ปัจจุบันเหลือเพียงแค่ยื่นบัตรประชาชนเพื่อใช้พิสูจน์ตัวตนเท่านั้น ทำให้โรงพยาบาลไม่ต้องเก็บเอกสาร ช่วยทำให้รวดเร็ว ประหยัดเวลา และเจ้าหน้าที่ทำได้ทุกคน  

อย่างไรก็ตาม ตั้งแต่เดือนมกราคม 2564 ที่เริ่มประกาศใช้นโยบาย พบว่าสถิติการลงทะเบียนเพิ่มมากขึ้น โดยที่ รพ.สต.คลองสวนพลู มีผู้ขอย้ายสิทธิแล้วประมาณ 200 คน ขณะที่ทั้ง จ.พระนครศรีอยุธยา มีแล้วเกือบประมาณ 1,000 คน โดยหลังจากนี้จะเน้นย้ำในเรื่องของการประชาสัมพันธ์เพื่อให้ประชาชนได้มีหลักประกันสุขภาพและสามารถใช้ประโยชน์ได้  

นพ.พีระ อารีรัตน์ นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดพระนครศรีอยุธยา กล่าวว่า เนื่องจาก จ.พระนครศรีอยุธยา มีโรงงานอุตสาหกรรมอยู่จำนวนมาก มีการเคลื่อนย้ายประชากสูง การเปิดให้ย้ายสิทธิทางแอปพลิเคชันผ่านมือถือจึงสร้างความสะดวกให้พี่น้องประชาชนไม่จำเป็นต้องเดินทางมาย้ายสิทธิที่ รพ.สต. 

“นโยบายดังกล่าวถือเป็นระบบ New normal ที่จะลดความเสี่ยงต่อโรคโควิด – 19 โดยที่ประชาชนไม่จำเป็นต้องมาแออัดอยู่ที่โรงพยาบาล ซึ่งถ้าประชาชนได้เข้าใจระบบการย้ายสิทธิทางแอปพลิเคชันก็จะทำให้เกิดความสะดวกยิ่งขึ้น ส่วนตัวประทับใจ เนื่องจากอาการเจ็บป่วยไม่สามารถรอได้ การใช้ระบบใหม่ก็จะทำให้เกิดสิทธิทันที ซึ่งเป็นสิ่งที่ประชาชนพึงพอใจ” นพ.พีระ กล่าว 

ด้าน ทพ.อรรถพร กล่าวว่า แนวทางในการ “ย้ายหน่วยบริการ เกิดสิทธิทันที ไม่ต้องรอ 15 วัน” ได้เริ่มพร้อมกันทั่วประเทศแล้วตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค. 2564 และเป็น 1 ใน 4 ของการพัฒนาระบบบริการในระบบบัตรทอง ที่จะช่วยลดขั้นตอนและแก้ไขปัญหาต่างๆ ที่เป็นอุปสรรคต่อการเข้ารับบริการให้กับประชาชน 

ทั้งนี้ ปกติแล้วระบบการลงทะเบียนบัตรทองจะเกิดสิทธิทุกวันที่ 15 และ 28 ของเดือน แต่ปัจจุบันประชาชนจะสามารถเข้ารับบริการที่หน่วยบริการใหม่ได้ทันที หลังจากที่ได้มีการเปลี่ยนหน่วยบริการประจำ โดย สปสช.ได้พัฒนาระบบควบคุมกำกับ และจัดทำรายงานข้อมูลลงทะเบียนที่มีความผิดปกติและเสี่ยงพลการ เพื่อเตรียมความพร้อมให้นโยบายนี้เดินไปได้อย่างรัดกุม 

ทพ.อรรถพร กล่าวอีกว่า ประชาชนสามารถลงทะเบียนเลือกหน่วยบริการ หรือขอเปลี่ยนหน่วยบริการประจำ แล้วเกิดสิทธิทันทีได้ทุกช่องทาง ทั้งการลงทะเบียนผ่านหน่วยบริการ ช่องทาง สปสช.เขต 13 กรุงเทพมหานคร (กทม.) รวมถึงกรณีที่ประชาชนเปลี่ยนหน่วยบริการเองผ่านแอปพลิเคชัน สปสช. ซึ่งใน 1 ปีประชาชนสามารถเปลี่ยนหน่วยบริการได้มากกว่า 1 ครั้ง แต่จะไม่เกิน 4 ครั้งต่อปีงบประมาณ 

อนึ่ง ข้อมูลเดือนมกราคม 2564 (29 ธ.ค. 2563 – 31 ม.ค. 2564) พบว่ามีประชาชนลงทะเบียนรวม 260,327 ครั้ง แบ่งเป็นการลงทะเบียนที่หน่วยบริการผ่านระบบ ERM รวม 239,181 ครั้ง ลงทะเบียนด้วยตนเองผ่าน MOBILE รวม 16,126 ครั้ง และลงทะเบียนที่หน่วยทะเบียน สปสช.เขต 13 กทม. รวม 5,020 ครั้ง 

สปสช.จัดสัปดาห์ธรรมาภิบาล ขับเคลื่อนองค์กรโปร่งใส มุ่งพัฒนาหลักประกันสุขภาพประชาชน

วันเดียวกัน (17 ก.พ.64) นพ.สินชัย ต่อวัฒนกิจกุล ผู้ช่วยเลขาธิการสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ เป็นประธานเปิดงาน “สัปดาห์ธรรมาภิบาล บอกรัก สปสช. ด้วยใจสุจริต” พร้อมเปิดนิทรรศการ โดยมีผู้บริหารและเจ้าหน้าที่ สปสช. เข้าร่วม เพื่อแสดงพลังร่วมดำรงธรรมภิบาลในการปฏิบัติหน้าที่โดยสุจริตที่เป็นการปกป้ององค์กร พร้อมร่วมกิจกรรมบอกรัก สปสช. โดยการเขียนความมุ่นตั้งใจที่จะปฏิบัติงานตามหลักธรรมาภิบาล เพื่อพัฒนาองค์กรสู่ความยั่งยืน และนำไปติดที่บอร์ดนิทรรศการรูปหัวใจ  

นพ.ศักดิ์ชัย กาญจนวัฒนา เลขาธิการสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ กล่าวว่า ธรรมาภิบาล เป็นหลักการสำคัญของการบริหารจัดการที่ดี ทำให้เกิดความโปร่งใส สุจริต และก่อให้เกิดความไว้วางใจในการปฏิบัติงานร่วมกัน เป็นองคาพยพในการดำเนินงานขององค์กร ซึ่งรวมถึง สปสช. ในฐานะหน่วยงานภาครัฐที่มีภาระหน้าที่สำคัญในการดูแลประชาชนให้เข้าถึงการรักษาและบริการสุขภาพที่ดี  

จากการดำเนินงานของเจ้าหน้าที่ สปสช. ทุกคน ได้ส่งผลให้คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติให้ยกระดับ สปสช. เป็น “องค์การมหาชนกลุ่มที่ 1 พัฒนาและดำเนินการตามนโยบายสำคัญของรัฐเฉพาะด้าน” จากเดิมที่ถูกจัดอยู่ในองค์การมหาชนกลุ่มที่ 3 บริการสาธารณะทั่วไป ตามที่สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาระบบราชการ (ก.พ.ร.) เสนอ สะท้อนให้เห็นถึงการยอมรับในทางสังคม และที่ผ่านมา สปสช. ยังถูกยอมรับในระดับสากลมากขึ้น ซึ่งจากนี้องค์กร สปสช. จะเป็นอย่างไรต่อไปนั้น ทั้งหมดอยู่ที่พวกเราชาว สปสช. ทุกคน ที่จะรวมพลังเปรียบเสมือนมดงานในการทำงาน โดยมีธรรมาภิบาลเป็นหลักการสำคัญ    

นพ.จเด็จ ธรรมธัชอารี รองเลขาธิการสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ กล่าว่า องค์กรที่มีการวางระบบธรรมาภิบาลอย่างเข้มแข็ง จะเป็นภูมิคุ้มกันในการป้องกันความผิดพลาดและปัญหาต่างๆ ที่อาจเกิดขึ้นจนส่งผลกระทบต่อองค์กร ที่ผ่านมา สปสช. ได้มีการวางระบบธรรมาภิบาลที่ดีและเข้มแข็ง แต่เพื่อให้ทันต่อความเปลี่ยนแปลงต่างๆ ที่เกิดขึ้น จำเป็นต้องมีการทบทวนการวางระบบธรรมาภิบาลในประเด็นต่างๆ อาทิ การจัดซื้อจัดจ้าง การตรวจสอบการเบิกจ่าย เป็นต้น ซึ่งการจัดงานในวันนี้จะเป็นโอกาสอันที่จะนำประเด็นเหล่านี้มาทบทวนจากนี้ ซึ่งจะทำให้องค์กร สปสช. มีความเข้มแข็งยิ่งขึ้น 

นพ.สินชัย กล่าวว่า ธรรมาภิบาลเป็นเรื่องที่พวกเรา สปสช. ตระหนักอยู่แล้ว และเป็นหลักสำคัญในการขับเคลื่อนองค์กร ซึ่งเลขาธิการ สปสช. และผู้บริหาร สปสช. ตลอดจนบุคลากรใน สปสช. ต่างให้ความสำคัญ การจัดงานนี้ถือเป็นการกระตุ้นเตือนเพื่อช่วยกันขับเคลื่อนระบบธรรมาภิบาล พร้อมปรับให้เป็นไปตามยุคสมัย ซึ่งวันนี้เป็นยุคดิจิตอล เชื่อว่าไม่เกินศักยภาพเรา เพื่อ สปสช. บรรลุเป้าหมายองค์กร       

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net