Skip to main content
sharethis

ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน รายงาน  'รุ้ง ปนัสยา-บอย แนวร่วมมมส.” เข้ารับทราบข้อกล่าวหา ม.112 หมิ่นประมาทกษัตริย์ จากม็อบ #25พฤศจิกาไปSCB และ #2ธันวาไปห้าแยกลาดพร้าว นอกจากนี้ ตร.ส่งสำนวนคดี 'นิว-หมอทศพร' ชุมนุมแยกเกษตรฯให้อัยการ กล่าวหาทั้งพ.ร.ก.ฉุกเฉิน-พ.ร.บ.ชุมนุม

4 ม.ค.2563 ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน รายงานความคืบหน้าเกี่ยวกับการดำเนินคดีผู้มีส่วนเกี่ยวข้องกับการเคลื่อนไหวขับไล่รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา และปฏิรูปสถาบันกษัตริย์ว่า วันนี้ (4 ม.ค.63) 13.00 น. ที่สถานีตำรวจนครบาลพหลโยธิน ‘รุ้ง ปนัสยา’ สิทธิจิรวัฒนกุล และ ‘บอย พงศธรณ์’ ตันเจริญ เข้ารับทราบข้อกล่าวหา “หมิ่นประมาทกษัตริย์” ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 จาก 2 การชุมนุมเมื่อปลายปี 63 โดยรุ้งเข้ารับทราบข้อกล่าวหาจากม็อบ #2ธันวาไปห้าแยกลาดพร้าว ส่วนบอย เข้ารับทราบข้อกล่าวหาจาก ม็อบ #25พฤศจิกาไปSCB เมื่อวันที่ 25 พ.ย. 63 ที่บริเวณหน้าสำนักงานใหญ่ธนาคารไทยพาณิชย์ หลังรับทราบข้อกล่าวหาไม่มีการควบคุมตัวโดยตำรวจ

โดยมีรายละเอียดที่ศูนย์ทนายฯ รายงานดังนี้ 

ในคดีนี้มีการออกหมายเรียกรับทราบข้อกล่าวหากับนักกิจกรรมจำนวน 7 ราย และแจ้งข้อกล่าวหานักกิจกรรมไปแล้วจำนวน 6 คนได้แก่ “เพนกวิน” พริษฐ์ ชิวารักษ์, อานนท์ นำภา, “ไบรท์” ชินวัตร จันทร์กระจ่าง, “ฟ้า” พรหมศร วีระธรรมจารี, “ไมค์” ภาณุพงศ์ จาดนอก และ “ตี้” วรรณวลี ธรรมสัตยา นักศึกษามหาวิทยาลัยพะเยา ได้รับหมายเรียกผู้ต้องหาจาก สน.พหลโยธิน ลงวันที่ 15 ธ.ค. 63 โดยมี พ.ต.ท.ปิยะวัฒน์ พัชรนิตยธรรม รอง ผกก.สส.สน.พหลโยธิน เป็นผู้กล่าวหา และให้ผู้ถูกออกหมายเรียกไปพบกับ พ.ต.ท.พิภัสสร์ พูนลัน สารวัตร (สอบสวน) สน.พหลโยธิน หลังร่วมชุมนุมบริเวณหน้าธนาคารไทยพาณิชย์สำนักงานใหญ่ เมื่อวันที่ 25 พ.ย. 63 ที่ผ่านมา

บอย ม็อบ #25พฤศจิกาไปSCB

บอย พงศธรณ์ ตันเจริญ กลุ่มแนวร่วมนิสิต มมส.เพื่อประชาธิปไตย ซึ่งเป็นผู้ต้องหารายที่ 7 ในคดีนี้ ได้เดินทางถึง สน.พหลโยธิน ช่วงบ่าย โดยคณะพนักงานสอบสวนตามคำสั่ง บก.น.2 ที่ 373/2563 ประกอบด้วย พนักงานสอบสวนจาก สน.พหลโยธิน, สน.บางซื่อ, สน.ประชาชื่น และ บก.น.2 แจ้งข้อเท็จจริงที่ถูกกล่าวหาให้ผู้ถูกกล่าวทั้งหกทราบ สรุปใจความได้ว่า ผู้ต้องหาทั้งหกทำหน้าที่ในการชักชวนคนมาร่วมชุมนุม ทำการขึ้นปราศรัย ในกิจกรรมทวงคืนทรัพย์สินของพระมหากษัตริย์มาเป็นของประชาชน โดยต้องการให้ประชาชนทั่วไปได้รับฟังการปราศรัยเชื่อว่าพระมหากษัตริย์เบียดบังเอาทรัพย์สินของแผ่นดินมาเป็นของตนเอง มีการปิดถนนรัชดาภิเษกขาออก ช่วงบริเวณด้านหน้าธนาคารไทยพาณิชย์สาขาสำนักงานใหญ่ มีการใช้เครื่องขยายเสียง โดยที่การชุมนุมดังกล่าวไม่ได้มีการขออนุญาตต่อเจ้าพนักงานผู้รับผิดชอบก่อนจัดให้มีการชุมนุมแต่อย่างใด อีกทั้งเป็นการชุมนุมที่มีผู้เข้าร่วมชุมนุมเป็นจำนวนมาก เสี่ยงต่อการติดโรคระบาด

พนักงานสอบสวนยังได้ยกเนื้อหาคำปราศรัยบางตอนขึ้นมาบรรยาย พร้อมทั้งระบุว่า คำปราศรัยของผู้ต้องหามีบริบทในเนื้อหาสาระให้ประชาชนทั่วไปฟังแล้วดูหมิ่น เกลียดชังในสถาบันพระมหากษัตริย์ โดยให้เชื่อตามคำปราศรัยของผู้ต้องหา

เหตุการในออกหมายเรียกดังกล่าวสืบเนื่องจากการชุมนุม #25พฤศจิกาไปSCB โดยก่อนหน้านั้นกลุ่ม “ราษฎร” ได้นัดหมายชุมนุมในวันที่ 25 พ.ย. 63 บริเวณหน้าสำนักงานทรัพย์สินพระมหากษัตริย์ แยกวังแดง ต่อมาหลังมีการวางตู้คอนเทนเนอร์ ลวดหนาม พร้อมทั้งกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจตระเวนชายแดนจำนวนมากโดยรอบสำนักงานทรัพย์สินฯ ทำให้ “ราษฎร” เปลี่ยนแปลงสถานที่นัดหมายเป็นหน้าธนาคารไทยพาณิชย์ สำนักงานใหญ่ ถ.รัชดาภิเษก เพื่อหลีกเลี่ยงการปะทะกับเจ้าหน้าที่และกลุ่มผู้ต้องการสร้างความรุนแรง โดยที่การชุมนุมในวันดังกล่าวมีการปราศรัยตั้งคำถามต่อกรณีที่รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ ออกกฎหมายหลายฉบับที่ส่งผลให้เกิดการรวบทรัพย์สินซึ่งเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินเข้าเป็นทรัพย์สินพระมหากษัตริย์ และการดำเนินการเกี่ยวกับทรัพย์สินพระมหากษัตริย์ทั้งหมดเป็นไปตามพระราชอัธยาศัย

พนักงานสอบสวนได้แจ้งข้อกล่าวหานักกิจกรรมทั้งพงศธรณ์รวม 8 ข้อหา ดังนี้

  1. ร่วมกันหมิ่นประมาท ดูหมิ่น หรือแสดงความอาฆาตมาดร้ายพระมหากษัตริย์ (ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112)
  2. ร่วมกันทำให้ปรากฎแก่ประชาชนด้วยวาจา หนังสือ หรือวิธีอื่นใดอันมิใช่เป็นการกระทำภายในความมุ่งหมายแห่งรัฐธรรมนูญ หรือมิใช่เพื่อแสดงความคิดเห็นติชมโดยสุจริต เพื่อให้ประชาชนล่วงละเมิดกฎหมาย (ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 116)
  3. ร่วมกันมั่วสุมตั้งแต่สิบคนขึ้นไปใช้กำลังประทุษร้าย ขู่เข็ญว่าจะใช้กำลังประทุษร้าย หรือกระทำการอย่างหนึ่งอย่างใดให้เกิดความวุ่นวายในบ้านเมือง (ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 215)
  4. เมื่อเจ้าพนักงานสั่งผู้ที่มั่วสุมให้เลิกการกระทำแต่ไม่เลิก (ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 216)
  5. ร่วมกันเป็นผู้จัดการชุมนุมสาธารณะโดยไม่แจ้งต่อผู้รับแจ้งก่อนเริ่มการชุมนุมไม่น้อยกว่า 24 ชั่วโมง (พ.ร.บ.การชุมนุมสาธารณะฯ มาตรา 10)
  6. ร่วมกันกีดขวางทางสาธารณะจนเป็นอุปสรรคต่อความสะดวกในการจราจร (ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 385)
  7. ใช้เครื่องขยายเสียงโดยไม่ได้รับอนุญาต (พ.ร.บ.ควบคุมการโฆษณาโดยใช้เครื่องขยายเสียงฯ มาตรา 4)
  8. ร่วมกันจัดกิจกรรมซึ่งมีผู้เข้าร่วมเป็นจำนวนมากในลักษณะมั่วสุมประชุมกัน หรือมีโอกาสติดต่อสัมผัสกันได้ง่าย (ข้อกำหนดตาม พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ)

บอยให้การปฏิเสธทุกข้อกล่าวหาและจะยื่นคำให้การเป็นหนังสือในวันที่ 1 ก.พ. 2564

รุ้ง #2ธันวาไปห้าแยกลาดพร้าว

ส่วน รุ้ง ปนัสยา’ ในคดีของ ถูกเรียกไปที่ สน.พหลโยธิน อีก 1 คดี จากการชุมนุม #2ธันวาไปห้าแยกลาดพร้าว บริเวณห้าแยกลาดพร้าว เมื่อวันที่ 2 ธ.ค. 63 ซึ่งเหตุแห่งคดีเป็นคนละเหตุการณ์กับการมารับทราบข้อกล่าวหาตามหมายเรียกในวันนี้ 

มีขึ้นหลังศาลรัฐธรรมนูญมีมติเอกฉันท์ว่า ความเป็นรัฐมนตรีของ พล.อ. ประยุทธ์ ไม่สิ้นสุดลงเฉพาะตัว และไม่มีพฤติกรรมอันเป็นการฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรงแต่อย่างใดจากการที่ พล.อ.ประยุทธ์ ซึ่งเกษียณอายุราชการแล้ว แต่ยังคงพักอาศัยอยู่ในบ้านพักรับรองของกองทัพบกและได้รับสวัสดิการที่เกี่ยวเนื่อง ทั้งนี้ คดีการชุมนุม #2ธันวาคมไปห้าแยกลาดพร้าว นี้ตำรวจยังไม่มีการออกหมายเรียก แต่ผู้ถูกกล่าวหามาปรากฎตัวต่อพนักงานสอบสวนแล้ว และผู้ถูกกล่าวหาทั้งสี่ยินยอมเข้ารับทราบข้อกล่าวหาเพื่อความสะดวกของทุกฝ่าย

พนักงานสอบสวนบรรยายพฤติการณ์ที่ถูกกล่าวหาว่า ผู้ต้องหาได้มีการตกลง สมคบคิด และแบ่งหน้าที่กันทำ โดยชักชวนคนมาร่วมชุมนุม ทำการปราศรัย ในกิจกรรมเรียกร้องให้นายกออกไป ปฏิรูปสถาบันกษัตริย์ ร่างรัฐธรรมนูญใหม่ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อร่วมกันใส่ร้ายสถาบันพระมหากษัตริย์ และรัชกาลที่ 10 ในประเด็นเกี่ยวกับการมุ่งทำลายสถาบันหลักของชาติ โดยเจตนาจะทำให้ประชาชนเสื่อมศรัทธา ไม่เคารพต่อองค์พระมหากษัตริย์ มีการทำให้ปรากฏแก่ประชาชนด้วยวาจา หรือวิธีอื่นใด อันไม่ใช่เป็นการกระทำภายในความมุ่งหมายของรัฐธรรมนูญ มีการปิดถนนพหลโยธินขาเข้าและขาออก ถนนวิภาวดีรังสิตขาเข้าและขาออกที่บริเวณห้าแยกลาดพร้าว มีการใช้เครื่องขยายเสียง มีการเขียนตัวอักษรและภาพวาดไปที่พื้นถนนพหลโยธิน ประกอบกับการชุมนุมในครั้งนี้มีคนเข้าร่วมเป็นจำนวนมากมีโอกาสเสี่ยงต่อการติดโรคระบาด ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้มีการแจ้งให้เลิกการชุมนุมแล้วแต่ผู้ต้องหาไม่ปฏิบัติตาม

โดยพนักงานสอบสวนได้ยกเนื้อหาคำปราศรัยบางตอนขึ้นมาบรรยาย ระบุว่า มีบริบทในเนื้อหาสาระให้ประชาชนทั่วไปฟังแล้วดูหมิ่น เกลียดชังในสถาบันพระมหากษัตริย์ โดยให้เชื่อตามคำปราศรัยของผู้ต้องหา

พนักงานสอบสวนแจ้งข้อกล่าวหารุ้งรวม 8  ข้อหาเช่นเดียวกับคดีของบอย โดยรุ้งให้การปฏิเสธทุกข้อกล่าวหาและไม่ได้ลงลายมือชื่อแต่เขียนข้อความลงในบันทึกแจ้งข้อกล่าวหาว่า ‘ยิ่งใช้112 คนยิ่งเสื่อมศรัทธา’ โดยจะยื่นคำให้การเป็นหนังสือในวันที่ 3 ก.พ. 2564  

ทั้งนี้ ในคดี #2ธันวาคมไปห้าแยกลาดพร้าว ตามบันทึกการแจ้งข้อกล่าวหามีผู้ต้องหาทั้งสิ้น 6 ราย
ซึ่ง อานนท์, พริษฐ์, ชินวัตร และภาณุพงศ์ ได้ถูกแจ้งข้อหาไปก่อนหน้านี้แล้วเมื่อวันที่ 22 ธ.ค. 63 ในคดีนี้ยังมี จิรฐิตา (สงวนนามสกุล) อีกหนึ่งคนซึ่งยังไม่ได้เดินทางมารับทราบข้อกล่าวหา

ตร.ส่งสำนวนคดี 'นิว-หมอทศพร' ชุมนุมแยกเกษตรฯให้อัยการ กล่าวหาทั้งพ.ร.ก.ฉุกเฉิน-พ.ร.บ.ชุมนุม

วันเดียวกัน ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน รายงานอีกคดีคือตำรวจสน.บางเขนส่งสำนวนคดีของ จ่านิว สิรวิชญ์ เสรีธิวัฒน์ และ ทศพร เสรีรักษ์ หรือ "หมอทศพร" กรณีร่วมชุมนุม #ม็อบ19ตุลา บริเวณสี่แยกเกษตรศาสตร์ เมื่อวันที่ 19 ต.ค. 63 ในช่วงที่มีการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินร้ายแรงในพื้นที่กรุงเทพฯ ให้กับอัยการพิเศษฝ่ายคดีศาลแขวง 1

คดีนี้ ทั้งสองคนถูกกล่าวหาทั้งในข้อหาฝ่าฝืนข้อกำหนดตามพ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ และไม่แจ้งการชุมนุมตามพ.ร.บ.ชุมนุมฯ ทั้งที่ตามมาตรา 3 (6) ของพ.ร.บ.ชุมนุมฯ กำหนดให้ไม่ใช้บังคับแก่การชุมนุมสาธารณะในระหว่างเวลาที่มีประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินฯ ทำให้การแจ้งข้อกล่าวหาสองข้อหานี้พร้อมกัน เป็นไปโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net