Skip to main content
sharethis

4 ธ.ค. จ.เชียงใหม่ ยืนยันพบผู้ติดเชื้อ COVID-19 เป็นรายที่ 45 ของจังหวัด เป็นชายอายุ 32 ทำอาชีพดีเจที่ โรงแรม 1G1 ท่าขี้เหล็ก ไทม์ไลน์เจอผู้สัมผัส 5 คน รู้ตัวหมดแล้ว ส่งรถตรวจเชื้อ COVID-19 สถานบันเทิงทั่วทั้งเชียงใหม่ ย้ำคนป่วยใหม่ทั้ง 4 ราย ไม่ได้ติดในพื้นที่เชียงใหม่ - กรมควบคุมโรคชี้ผู้ติดเชื้อที่ลักลอบเข้าไทยให้ข้อมูลแค่ 50% เพราะกลัวความผิด - 'เชียงราย' จัดรถตรวจเชื้อคัดกรองกลุ่มเสี่ยงทั้งจังหวัด

4 ธ.ค. 2563 ที่ห้องประชุม 3 ชั้น 3 อาคารอำนวยการ ศาลากลางจังหวัดเชียงใหม่ นายวีระพันธ์ ดีอ่อน รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดเชียงใหม่ ครั้งที่ 70/2563 โดยมี นพ.จตุชัย มณีรัตน์ นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดเชียงใหม่ เลขานุการคณะกรรมการฯ พร้อมด้วยคณะกรรมการร่วมครบองค์ประชุม

เสร็จสิ้นการประชุม นพ.จตุชัย มณีรัตน์ นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดเชียงใหม่ และ นพ.กิตติพันธุ์ ฉลอง ผู้ช่วยนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดเชียงใหม่ ให้รายละเอียดเกี่ยวกับคืบหน้าของการสอบสวนโรค กรณีผู้ป่วยติดเชื้อโควิด-19 รายที่ 43 และ 44 จังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งขณะนี้ผู้ป่วยทั้ง 2 ราย ไม่มีอาการปกติ ยังคงพักรักษาอยู่ที่ห้องแยกโรคความดันลบ โรงพยาบาลนครพิงค์ สำหรับการติดตามผู้สัมผัสใกล้ชิดเสี่ยงสูง จำนวน 7 ราย ตรวจแล้ว 3 ราย ผลตรวจเป็นลบทั้ง 3 ราย และผู้สัมผัสใกล้ชิดเสี่ยงต่ำ จำนวน 17 ราย โดยทั้งหมดจะถูกเก็บสิ่งส่งตรวจเมื่อครบ 5 วันหลังสัมผัสผุ้ติดเชื้อ ในวันที่ 6 ธ.ค.

ทั้งนี้ ได้กล่าวถึง กรณีพบผู้ป่วยติดเชื้อโควิด-19 รายใหม่ 1 ราย เป็นชายไทย อายุ 32 ปี ชาวเชียงใหม่ ทำงานในสถานบันเทิงเดียวกันกับที่พบการระบาดของโควิด-19  จ.ท่าขี้เหล็ก ประเทศเมียนมา 

นพ.กิตติพันธุ์ฯ กล่าวว่า จากการลงพื้นที่ของทีมสอบสวนโรคเจ้าหน้าที่สาธารณสุขจังหวัดเชียงใหม่ ร่วมกับ สำนักควบคุมโรคที่ 1 พบว่าผู้ป่วยรายนี้ เริ่มมีอาการในวันที่ วันที่ 30 พฤศจิกายน 2563 โดยมีอาการครั่นเนื้อครั่นตัว คัดจมูก การได้รับกลิ่นลดลง และได้เดินทางข้ามพรมแดนธรรมชาติมาในช่วงค่ำของวันที่ 30 พ.ย. พักที่ อ.แม่สาย 1 คืน และเดินทางเข้าพักใน อ.เมือง จ.เชียงรายอีก 1 คืน ก่อนที่จะเดินทางจังหวัดเชียงใหม่โดยรถจักรยานยนต์ส่วนตัว ในวันที่ 2 ธันวาคม 2563 เวลาประมาณ 15.00 น.  เข้าพักในโรงแรมแห่งหนึ่งในจังหวัดเชียงใหม่ (พักคนเดียว) ในเวลา 20.00 น. และได้ออกไปซื้ออาหารที่ 7-eleven ตลาดหน้า ป.พัน 7 ประมาณ 10 นาที เพื่อซื้ออาหารมารับประทาน โดยสวมหน้ากากตลอดเวลาที่ออกไปนอกที่พัก

โดยในวันที่ 3 ธันวาคม 2563 เวลา  09.45 น. เข้ารับการตรวจที่โรงพยาบาลนครพิงค์ และเวลา 14.00 น. ผลตรวจยืนยันพบเชื้อโควิด-19 พร้อมรับตัวเข้ารักษาในห้องแยกโรคความดันลบ โรงพยาบาลนครพิงค์ 
“จากการติดตามกล้องวงจรปิดจากสถานที่ 2 แห่ง ไม่พบผู้สัมผัสเสี่ยงสูง แต่พบผู้สัมผัสใกล้ชิดเสี่ยงต่ำ จำนวน 5 ราย (จากโรงแรม และร้าน 7-eleven) โดยจะนัดเก็บสิ่งส่งตรวจหาเชื้อโควิด-19 เมื่อครบ 5 วันหลังสัมผัส ในวันที่ 7 ธันวาคม 2563” ผช.สสจ.เชียงใหม่ กล่าว

นพ.จตุชัย มณีรัตน์ นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดเชียงใหม่ กล่าวว่า สำหรับประกาศของทางกระทรวงสาธารณสุข ได้ประกาศแจ้งประชาชน ดังนี้ 

1) ขอให้ประชาชนที่ไปร่วมงาน Farm fest ที่สิงห์ปาร์ค อ.เมือง จ.เชียงราย ในวันที่ 29 พฤศจิกายน 2563 เวลา 19.30 - 23.00 น. และเที่ยวในบริเวณงาน โดยเฉพาะ โชนลานเบียร์ หน้าเวที และห้องน้ำ ให้ท่านสังเกตอาการโรคระบบทางเดินหายใจ สวมหน้ากาก หลีกเลี่ยงที่ชุมชน และให้ติดต่อผู้จัด สิงห์ปาร์ค หรือ สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดที่ท่านอาศัยอยู่ เพื่อรับคำแนะนำในการเฝ้าระวัง และนัดสถานที่ตรวจหาเชื้อ ตั้งแต่วันที่ 4 ธันวาคม 2563

2) ท่านที่ลงทะเบียนไทยชนะ ท่านได้รับจากข้อความไทยชนะ ในการแจ้งให้ติดต่อ ผู้จัด สิงห์ปาร์ค หรือ สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดที่ท่านอาศัยอยู่ เพื่อรับคำแนะนำในการเฝ้าระวัง และนัดสถานที่ตรวจหาเชื้อ ตั้งแต่วันที่ 4 ธันวาคม 2563

3) ผู้โดยสารเที่ยวบิน DD8717 (สายการบินนกแอร์) เชียงราย-กรุงเทพฯ วันที่ 28 พ.ย. 2563 เวลา 13.40 น. เที่ยวบิน SL533 (สายการบิน Thai Lion Air) เชียงราย-กรุงเทพฯ วันที่ 29 พ.ย. 2563 เวลา 10.40 น. ให้ติดต่อรายงานตัวกับทางสำนักงานสาธารณสุขในจังหวัดของท่าน

นพ.จตุชัยฯ กล่าวเพิ่มเติมว่า คณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดเชียงใหม่ ได้เห็นความสำคัญในความปลอดภัยของประชาชนชาวเชียงใหม่ รวมถึงนักท่องเที่ยวที่เข้ามาท่องเที่ยว จึงได้ดำเนินมาตรการเชิงรุก จัดทีมเจ้าหน้าที่ พร้อมด้วยรถพระราชทานชีวนิรภัย ตรวจคัดกรองเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ในกลุ่มผู้ที่ประกอบอาชีพที่มีความเสี่ยงในสถานบันเทิง โดยจะตระเวนไปตามจุดต่าง ๆ ในจังหวัดเชียงใหม่ เพื่อเป็นการสร้างความเชื่อมั่นใจว่าจะไม่เกิดการระบาดขึ้นภายในจังหวัดเชียงใหม่ จึงขอประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนทราบ

ศบค.พบผู้ติดเชื้อโควิด-19 รายใหม่ 14 ราย มาจากตปท. 13 ราย-ใน ปท. 1 ราย

ศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 (ศบค.) รายงานสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ในประเทศวันนี้ว่า พบผู้ป่วยยืนยันติดเชื้อรายใหม่เพิ่ม 14 ราย โดยเป็นผู้เดินทางมาจากต่างประเทศและเข้าสถานกักกัน (Quarantine Facilities) 13 ราย จากยูเครน 1 ราย เนปาล 1 ราย เนเธอร์แลนด์ 1 ราย สาธารณรัฐเช็ก 1 ราย นอร์เวย์ 1 ราย เยอรมนี 2 ราย สหรัฐอเมริกา 3 ราย เมียนมา 3 ราย ส่วนอีก 1 ราย เป็นผู้ติดเชื้อในประเทศที่ จ.เชียงราย

รายที่ 1 เป็นหญิงไทย อายุ 45 ปี มาจากยูเครน เข้าพัก State Quarantine ใน จ.สมุทรปราการ

รายที่ 2 เป็นชายสัญชาติเนปาล อายุ 46 ปี อาชีพพนักงานบริษัท เข้าพัก Alternative State Quarantine ในกรุงเทพฯ

รายที่ 3 เป็นหญิงไทย อายุ 33 ปี มาจากเนเธอร์แลนด์ เข้าพัก State Quarantine ในกรุงเทพฯ

รายที่ 4 เป็นชายสัญชาติเช็ก อายุ 71 ปี เข้าพัก Alternative State Quarantine ใน จ.สมุทรปราการ

รายที่ 5 เป็นหญิงไทย อายุ 36 ปี อาชีพพนักงานนวด มาจากนอร์เวย์ เข้าพัก State Quarantine ใน จ.ชลบุรี

รายที่ 6 และ 7 มาจากเยอรมนี รายแรกเป็นหญิงสัญชาติเยอรมัน อายุ 68 ปี เข้าพัก Alternative State Quarantine ใน จ.สมุทรปราการ อีกรายเป็นหญิงไทย อาชีพ 41 ปี อาชีพแม่บ้าน เข้าพัก State Quarantine ใน จ.ชลบุรี

รายที่ 8, 9 และ 10 มาจากสหรัฐอเมริกา รายแรกเป็นชายสัญชาติอเมริกัน อายุ 31 ปี อาชีพพนักงานบริษัท และรายที่สองเป็นหญิงไทย อายุ 30 ปี อาชีพวิศวกร เข้าพัก Alternative State Quarantine ในกรุงเทพฯ อีกรายเป็นนักศึกษาชายไทย อายุ 32 ปี เข้าพัก State Quarantine ใน จ.ชลบุรี

รายที่ 11, 12 และ 13 เป็นหญิงไทย อายุ 23, 24 และ 25 ปี อาชีพพนักงานสถานบันเทิง มาจากเมียนมาเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลเชียงรายประชานุเคราะห์

รายที่ 14 เป็นชายไทย อายุ 28 ปี อาชีพพนักงานสถานบันเทิง มีประวัติสัมผัสกับผู้ป่วยหญิงไทยที่ จ.พะเยา ซึ่งกลับจาก จ.ท่าขี้เหล็ก ประเทศเมียนมา ก่อนหน้านี้ เข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลเชียงรายประชานุเคราะห์

สำหรับจำนวนผู้ป่วยยืนยันสะสมในประเทศ ล่าสุดอยู่ที่ 4,053 ราย เป็นผู้ป่วยที่ติดเชื้อภายในประเทศ 2,455 ราย และผู้ป่วยที่เดินทางมาจากต่างประเทศ 1,598 ราย ส่วนผู้ป่วยรักษาหายแล้วเพิ่มอีก 7 ราย รวมเป็น 3,839 ราย ยังมีผู้ป่วยรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาล 154 ราย ยอดผู้เสียชีวิตสะสมคงที่ 60 ราย

ขณะที่สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ทั่วโลกมีผู้ป่วยติดเชื้อรวม 65,527,498 ราย เสียชีวิตแล้ว 1,511,719 ราย โดยสหรัฐอเมริกามีผู้ป่วยสะสมสูงสุด 14,535,196 ราย ตามมาด้วยอินเดีย 9,571, 780 ราย บราซิล 2,375,546 ราย รัสเซีย 2,375,546 ราย และฝรั่งเศส 2,257,331 ราย ส่วนไทยอยู่อันดับที่ 151

สธ.เผยพบหญิงวัย 51 ปีในสิงห์บุรีเป็นผู้ติดเชื้อโควิดรายใหม่อยู่ระหว่างสอบสวนโรค

นพ.โสภณ เอี่ยมศิริถาวร ผู้อำนวยการกองโรคติดต่อทั่วไป กรมควบคุมโรค เปิดเผยว่า พบผู้ติดเชื้อโควิด-19 รายใหม่เป็นหญิงไทย อายุ 51 ปี ภูมิลำเนาอยู่ที่ จ.สิงห์บุรี เดินทางมาจาก จ.เชียงราย โดยเดินทางมาเที่ยวบินเดียวกับผู้ติดเชื้อโควิดก่อนหน้านี้ ถือว่ามีความเสี่ยงสัมผัสกับผู้ติดเชื้อ แต่รายนี้ข้อมูลยังไม่ครบถ้วน เนื่องจากเพิ่งได้รับแจ้งเมื่อเช้า อยู่ระหว่างการดำเนินการสอบสวนโรคว่าเป็นการติดเชื้อจากที่ใด และเดินทางข้ามไปประเทศเพื่อนบ้านหรือไม่ จึงยังไม่สามารถสรุปได้ว่าเป็นการติดเชื้อในประเทศหรือติดเชื้อมาจากต่างประเทศ

อย่างไรก็ตาม กระทรวงสาธารณสุขระบุว่าหากประชาชนเดินทางไปยัง จ.เชียงใหม่และ จ.เชียงราย เมื่อกลับมาภูมิลำเนาแล้วคงไม่ต้องกักตัว 14 วัน หากไม่ได้มีความเสี่ยงในการสัมผัสกับผู้ติดเชื้อ เพราะยังไม่มีความเสี่ยงการแพร่ระบาด

สธ.เตือนผู้เสี่ยงสัมผัสผู้ติดเชื้อโควิดจาก Farm Fest-เที่ยวบินเดียวกันรายงานตัวจนท.

กระทรวงสาธารณสุข ประกาศแจ้งให้ประชาชนที่ไปร่วมงาน Farm Fest ที่สิงห์ปาร์ค อ.เมือง จ.เชียงราย ในวันที่ 29 พ.ย.63 เวลา 19.30-23.00 น.และเที่ยวในบริเวณงาน โดยเฉพาะโซนลานเบียร์ หน้าเวที และห้องน้ำ ให้สังเกตอาการโรคระบบทางเดินหายใจ สวมหน้ากาก หลีกเสี่ยงที่ชุมชน และให้ติดต่อผู้จัดงาน หรือสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดที่อาศัยอยู่เพื่อรับคำแนะนำในการเฝ้าระวัง และนัดสถานที่ตรวจหาเชื้อ ตั้งแต่วันนี้

เนื่องจากพบว่าไทม์ไลน์ของหญิงผู้ติดเชื้อโควิด-19 จากเมียนมาที่ไปเที่ยวงาน Farm Fest นอกจากที่นั่งอยู่ในบริเวณที่นั่งโซน C แล้ว ยังเดินไปหลายจุดภายในงาน เช่น ไปซื้ออาหารและเบียร์ภายในงาน, เดินไปด้านหน้าเวที และไปที่ป่าหลังห้องน้ำ และขอให้ผู้โดยสารทั้งหมดในเที่ยวบินเดียวกับผู้ติดเชื้อโควิด-19 สายการบินนกแอร์เที่ยวบิน DD8717 วันที่ 28 พ.ย.63 เวลา 13.40 น. และสายการบินไทยไลออนแอร์เที่ยวบิน SL533 วันที่ 29 พ.ย.เวลา 10.40 น. รายงานตัวกับเจ้าหน้าที่สาธารณสุขในจังหวัดภูมิลำเนาด้วย

สธ.เปิดไทม์ไลน์ผู้ติดเชื้อโควิดรายใหม่ในเชียงรายจากการสัมผัสสาวพะเยา

นายวรวิทย์ ชัยสวัสดิ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย เปิดเผยว่า จากการตรวจพบผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 เพิ่มอีก 1 ราย เมื่อบ่ายวันที่ 3 ธ.ค.63 เป็นสาวประเภทสอง อายุ 28 ปี สัญชาติไทย อาชีพพนักงานเสิร์ฟสถานบันเทิงใน จ.เชียงราย มีประวัติคลุกคลีกับสาวพะเยาที่ติดเชื้อโควิด-19 ซึ่งเป็นผู้ลักลอบเข้าเมืองจากประเทศเมียนมาก่อนหน้านี้และเข้าเที่ยวงานฟาร์มเฟสติวัลด้วยกัน

สำหรับรายนี้เป็นเพื่อนที่ให้ที่พักแก่หญิงที่ติดเชื้อโควิด-19 ของจังหวัดพะเยา และเพื่อนหญิงอีกจำนวน 3 คน ที่ลักลอบเข้าเมืองจากประเทศเมียนมา โดยที่ไม่ได้เดินทางกลับมาจากประเทศเมียนมา

กระทรวงสาธารณสุข แจ้งไทม์ไลน์ผู้ป่วยรายดังกล่าว ดังนี้

วันที่ 28 พ.ย. ผู้ป่วยโควิด-19 จ.พะเยา และเพื่อนที่เดินทางมาจากท่าขี้เหล็ก 2 คนมาหา รับประทานอาหารร่วมกันและนอนเตียงเดียวกัน ช่วงเย็น 17.00-24.00 น.ไปทำงานที่ร้านอาหาร 8080 Cafe

วันที่ 29 พ.ย. กลับมาที่พักเวลา 01.00 น. และนอนด้วยกันกับผู้ป่วยโควิด-19 จ.พะเยา รับประทานอาหารร่วมกับผู้ป่วยโควิด-19 จ.พะเยา และเพื่อนที่มาจากท่าขี้เหล็กอีก 2 คน ช่วงเย็นไปเที่ยวงานฟาร์มเฟส ร่วมกับเพื่อนอีก 3 คน จากนั้นไปที่ร้านอาหารกึ่งผับ Library

วันที่ 30 พ.ย. เวลา 24.00-01.00 น. ไปผับแห่งหนึ่ง นั่งบริเวณด้านขวา และย้ายไปนั่งฝั่งด้านล่างซ้าย เวลา 01.00 น.รับประทานก๋วยเตี๋ยวที่ตลาด Expo หน้าร้านศิริบงกช จากนั้นกลับห้องพัก ดื่มเบียร์กับผู้ป่วยโควิด จ.พะเยา และเพื่อนจากท่าขี้เหล็กอีก 2 คน และเดินทางไปจ.เชียงใหม่ โดยรถยนต์ส่วนตัวกับผู้ป่วย และไปส่งผู้ป่วยตรวจโควิด-19 ที่รพ.เอกชนแห่งหนึ่ง หลังจากนั้นแยกไปนอนกับเพื่อนที่กลับจากท่าขี้เหล็กอีก 2 คน

วันที่ 1 ธ.ค. โดยสารรถกรีนบัส เชียงใหม่-เชียงราย นั่งแถวที่ 5 เดินทางกลับเชียงราย โดยใส่หน้ากากอนามัยตลอดเวลา จากนั้นไปทำงานที่ร้าย 8080 Cafe

วันที่ 2 ธ.ค. กลับหอพัก หลังเลิกงาน เริ่มมีอาการเจ็บคอ ไปตรวจหาเชื้อโควิด-19 ที่รพ.เกษมราษฎร์ศรีบุรินทร์ จ.เชียงราย ผลพบเชื้อ เข้ารับการรักษาที่รพ.เชียงรายประชานุเคราะห์ ในห้องแยกโรค

นายวรวิทย์ กล่าวว่า ขณะนี้จังหวัดเชียงรายมีผู้เข้าเกณฑ์สงสัยอยู่ใน Local quarantine จำนวน 84 ราย และได้มีการตรวจหาเชื้อในกลุ่มผู้เดินทางเข้ามาจากประเทศเมียนมาอย่างต่อเนื่อง โดยให้คนไทยที่อาศัยอยู่ในประเทศเมียนมา ที่ประสงค์จะกลับเข้าประเทศให้ลงทะเบียนกลับเข้ามาตามช่องทางปกติ เพื่อคัดกรองตรวจโรคตามกระบวนการสาธารณสุข นอกจากนี้ ยังให้ผู้ที่เคยลักลอบเข้ามาในประเทศในห้วงระยะเวลา 1 เดือนรีบไปรายงานตัวต่อเจ้าหน้าที่ เพื่อตรวจโรคที่อาจติดตัวมาด้วย

นายแพทย์ ทศเทพ บุญทอง นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดเชียงราย กล่าวว่า นับตั้งแต่วันที่ 28 พฤศจิกายน 2563 เป็นต้นมา ขณะนี้มีการตรวจพบผู้ติดเชื้อโควิด-19 แล้วจำนวน 7 รายใน จ.เชียงราย ซึ่งรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลเชียงรายประชานุเคราะห์ทั้งหมด โดยกรณีผู้ติดเชื้อรายที่ 1-3 นั้น มีผู้สัมผัสเกี่ยวข้องรวมจำนวนประมาณ 40 คน และสัมผัสเสี่ยงสูง 17 คน ซึ่งได้ติดตามตัวมาได้ครบทั้งหมดแล้ว ผลการตรวจหาเชื้อพบว่าส่วนใหญ่เป็นลบทั้งหมด

ส่วนรายที่ 4-6 พบโดยการตรวจหาเชื้อโดยรถชีวนิรภัย ที่จุดตรวจสะพานมิตรภาพแม่น้ำสายแห่งที่ 2 อำเภอแม่สาย จึงไม่มีไทม์ไลน์ ส่วนรายล่าสุดนี้อยู่ระหว่างการสอบสวนโรค

ด้านนายแพทย์ ไชยเวช ธนไพศาล ผู้อำนวยการโรงพยาบาลเชียงรายประชานุเคราะห์ กล่าวด้วยว่า ที่โรงพยาบาลฯ มีห้องรักษาแยกผู้ป่วยโควิด-19 ออกไปต่างหากจากผู้ป่วยในอย่างชัดเจน ซึ่งมั่นใจในความปลอดภัยได้จึงไม่ต้องกังวลใด ๆ แต่สิ่งที่กังวลมากกว่าคือ การที่มีผู้ลักลอบเข้ามาแล้วไม่แสดงตน ซึ่งไม่รู้ว่ามีมากหรือน้อยเพียงใดหรือไม่ จึงขอความร่วมมือให้บุคคลในกลุ่มนี้รีบไปแสดงตนต่อเจ้าหน้าที่เพื่อขอรับการตรวจโรคและสอบสวนรายละเอียดโดยด่วน

อย่างไรก็ตาม จังหวัดเชียงรายยังคงยืนยันและมั่นใจว่า ผู้ที่ไปเที่ยวงานฟาร์มเฟสติวัล ออนเดอะฮิล 2020 ในสิงห์ปาร์ค ยังถือว่ามีความเสี่ยงต่ำมากที่จะติดเชื้อโควิด-19 และในวันที่ 5 ธ.ค.63 นี้ เจ้าหน้าที่จะเข้าไปตรวจบุคคลที่สิงห์ปาร์ค และหอประชุมที่ว่าการอำเภอเมืองเชียงราย ผู้ที่มีความกังวลใจหรืออยู่ในกลุ่มเสี่ยงสูง สามารถไปขอรับการตรวจโรคได้

แจ้ง 2 ข้อหากลุ่มหญิงลอบเข้าไทยติด COVID-19 เป็นคดีตัวอย่าง

พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ลงนามหนังสือคำสั่ง กำชับตำรวจตรวจเข้าเมือง และตำรวจตระเวนชายแดน เพิ่มความเข้มงวดป้องกันการลักลอบเข้าเมืองผิดกฎหมาย ตามแนวชายแดน และให้เพิ่มกำลังตำรวจ ในการตั้งจุดตรวจ จุดสกัด ทุกจุดเสี่ยง พร้อมมอบหมายให้ตำรวจในพื้นที่รับผิดชอบ ดำเนินคดีกับผู้ติดเชื้อ COVID-19 ที่หลบหนีเข้าเมืองผิดกฎหมาย ทางชายแดนแม่สาย จ.เชียงราย

ด้าน พล.ต.ท.ประจวบ วงศ์สุข ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 5 เปิดเผยว่า หากคนไทยที่อยู่ต่างประเทศ ต้องการกลับเข้าประเทศ ขอให้มาพบเจ้าหน้าที่ที่ด่านชายแดนแบบถูกกฎหมาย เพื่อเข้าสู่กระบวนการคัดกรอง ป้องกันการแพร่ระบาดของโรค ไม่ใช่หลบหนีเข้ามา แล้วนำเชื้อมาแพร่ระบาด สร้างความเดือดร้อนให้กับสังคมของคนหมู่มาก

สำหรับกลุ่มหญิงที่หลบหนีเข้าเมือง แล้วนำเชื้อโรคมาแพร่จนระบาดอยู่ในขณะนี้ ตำรวจจะรอให้หายดีแล้ว จะดำเนินคดีข้อหาให้เป็นคดีตัวอย่าง

ผู้ติดเชื้อ COVID-19 ลักลอบเข้าไทยให้ข้อมูลแค่ 50%

รักษาราชการแทน อธิบดีกรมควบคุมโรค ขอให้คนไทยที่เหลืออยู่ในจังหวัดท่าขี้เหล็ก ประเทศเมียนมา ดำเนินการเข้าประเทศอย่างถูกต้อง เพื่อเข้าสู่กระบวนการกักตัวและควบคุมโรค เพราะกรณีของผู้ติดเชื้อ 10 คนที่ลักลอบเข้าเมือง ให้ข้อมูลกับเจ้าหน้าที่เพียงร้อยละ 50 เนื่องจากกลัวความผิด ทำให้การสอบสวนโรคค่อนข้างยาก

ส่วนข้อสังเกตว่า ผู้ที่เดินทางออกนอกประเทศโดยผิดกฎหมาย เกรงว่า การกลับเข้าประเทศทางช่องทางปกติ อาจจะถูกดำเนินคดี จึงทำให้เกิดการลักลอบเข้าเมืองในช่วงที่ผ่านมา

พล.ท.คงชีพ ตันตระวาณิชย์ โฆษกกระทรวงกลาโหม ระบุว่า เมื่อกลุ่มคนที่หลบหนีออกประเทศ ต้องถือว่า ทุกคนได้กระทำความผิดสำเร็จแล้ว จะแก้ไขกฎหมายให้กลุ่มคนเหล่านี้ คงไม่สามารถทำได้ ส่วนจะมีมาตรการผ่อนผัน เพื่อให้คนกลุ่มนี้เข้าประเทศโดยถูกกฎหมายได้หรือไม่นั้น จะต้องนำไปพิจารณา และหารือ กับหน่วยงานด้านความมั่นคงอีกครั้ง

'เชียงราย' จัดรถตรวจเชื้อคัดกรองกลุ่มเสี่ยงทั้งจังหวัด

ฝ่ายปกครอง เจ้าหน้าที่สาธารณสุขและทหารกองกำลังผาเมืองยังคงมีการตั้งด่านในพื้นที่จุดเสี่ยง ตลอดแนวชายแดนตั้งแต่ อ.แม่สาย ไปถึงเชียงแสน ของ จ.เชียงราย เพื่อสกัดกั้นกลุ่มบุคคลที่อาจลักลอบเข้ามาตามแนวชายแดนในระยะนี้

รวมทั้งมีการแนะนำให้ความรู้และตรวจวัดอุณหภูมิผู้ขับขี่และผู้โดยสารเพื่อคัดกรองบุคคลที่อาจเสี่ยงต่อการติดเชื้อ ภายหลังในพื้นที่ จ.เชียงราย มีการตรวจพบผู้ติดเชื้อที่เป็นบุคคลที่ทำงานใน จ.ท่าขี้เหล็ก ประเทศเมียนมาซึ่งอยู่ฝั่งตรงข้ามเพิ่มอีก 3 คน และตรวจพบผู้ติดเชื้อรายใหม่เป็นชายวัย 28 ปี ชาวจังหวัดเชียงรายเพิ่มอีก 1 คน รวมพบการติดเชื้อระลอกใหม่ในห้วง 1 สัปดาห์ พบผู้ติดเชื้อแล้ว 7 คน ไม่นับรวมผู้ติดเชื้อเก่าที่ติดเชื้อในระยะแรกอีก 9 คน

พ.อ.สัมฤทธิ์ ฉัตรวัฒนาสกุล ผู้บังคับการหน่วยเฉพาะกิจกรมทหารม้าที่ 3 กองกำลังผาเมือง กล่าวว่า ทหารกองกำลังผาเมืองมีหน้าที่ดูแลความมั่นคงของประเทศก่อนการแพร่ระบาดของไวรัส COVID-19 ก็จะมีการดูแลชายแดนอย่างเข้มงวดในการเรื่องการลักลอบเข้าเมืองและการทะลักของปัญหายาเสพติด ยิ่งช่วงการระบาดของ COVID-19 ยิ่งต้องดูแลเป็นพิเศษ

แต่เนื่องด้วยชายแดนระหว่าง จ.เชียงราย กับประเทศเมียนมามีแนวชายแดนยาวถึง 195 กม.และมีเพียงลำน้ำสายและลำน้ำรวกซึ่งเป็นแม่น้ำสายเล็ก ๆ กั้น ที่เหลือจะเป็นส่วนของสันเขาที่สามารถเดินข้ามไปมาโดยสะดวก ที่ผ่านมาทางทหารไม่ได้นิ่งเฉยหรือปล่อยปละละเลยมีการจัดวางกำลังตลอดแนวถึง 4 กองร้อย ออกลาดตระเวนตลอด 24 ชม.ทั้งกลางวันและกลางคืน

จากนี้ยังมีการติดตั้งไฟส่องสว่าง การสร้างสิ่งกีดขวาง ทำรั้วลวดหนามในจุดเสี่ยง ติดตั้งกล้องวงจรปิด เพื่อบล็อกแนวชายแดนทุกจุด แต่ด้วยมีช่องทางธรรมชาติอยู่ค่อนข้างมากทำให้เป็นจุดอ่อนที่การลักลอบข้ามแดนสามารถกระทำได้ ทั้งที่การจับกุมผู้ลักลอบก็ยังมีอย่างต่อเนื่องจับได้ตลอด แต่ก็ยังมีเล็ดลอดไปได้ช่วงนี้สถานการณ์ที่มีแนวโน้มรุนแรงมีผู้ติดเชื้อข้ามมาและยังมีผู้ลักลอบอยู่อีกมาก จึงมีการเสริมกำลังทหารนอกพื้นที่เข้ามาช่วยเหลือด้านกำลังพลอีก 10 ชุดกำลังทหารหว่า 100 นาย เพื่อไม่ให้เข้ามาได้

นอกจากเจ้าหน้าที่ทั้งหมดยังได้ออกตระเวนเดินทางไปให้ความรู้และแนะการปฏิบัติของผู้ประกอบการโรงแรมที่พัก และพนักงานของโรงแรมต่าง ๆ ในพื้นที่ อ.แม่สาย ซึ่งถือเป็นเสี่ยงที่กลุ่มผู้ลักลอบมักจะมาเช่าพักหลังหลบหนีข้ามประเทศเข้ามาแล้ว ขณะเดียวกันยังทำการฉีดพ่นน้ำยาฆ่าเชื้อภายในห้องพักและบริเวณโดยรอบเพื่อสร้างความมั่นใจแก่ผู้ใช้บริการแม้จะไม่มีกลุ่มบุคคลที่ติดเชื้อเข้ามาพักก็ตาม

ขณะที่บริเวณหน้าด่านพรมแดนวันนี้เจ้าหน้าที่ยังมีการนำรถตรวจโรคติดเชื้อชีวนิรภัย พระราชทาน ตั้งไว้บริเวณหน้าด่านจำนวน 1 คัน เพื่อตรวจเชื้อให้กับพนักงานขับรถขนส่งสินค้าข้ามแดนทั้งชาวไทยและชาวเมียนมา ตลอดจนเจ้าหน้าที่ที่ปฎิบัติงานอยู่แนวชายแดนและเพื่อรอรับการเดินทางข้ามกลับประเทศของกลุ่มคนที่ตกค้างในจังหวัดท่าขี้เหล็กซึ่งแสดงความประสงค์ของกลับประเทศผ่านข่องทางคณะกรรมการประสานงานชายแดนส่วนท้องถิ่นไทย-เมียนมา (ทีบีซี) และทางช่องทางของกระทรวงต่างประเทศ ที่มีการแจ้งความจำนงค์เข้ามาอีกกว่า 100 คน โดยในวันนี้มีรายงานว่าจะเดินทางกลับเข้ามาในประเทศอีกอย่างน้อย 80 คน หลังจากที่เดินทางกลับมาในห้วง 2 วันที่ผ่านมากว่า 100 คนแล้ว

นพ.ทศเทพ บุญทอง นายแพทย์สาธารณสุข จ.เชียงราย กล่าวว่า นอกจากการคัดกรองที่หน้าด่านพรมแดนแล้วในวันนี้ จะมีการโยกรถตรวจโรคติดเชื้อชีวนิรภัยพระราชทานที่เหลือเข้ามาตรวจในพื้นที่ชั้นในของประเทศ โดยเฉพาะบริเวณสิงห์ปาร์ค ซึ่งเป็นผู้ติดเชื้อ 2 คน คือหญิงสาวอายุ 28 ปี จ.พะเยา และชายวัย 28 ปี ชาว จ.เชียงราย ซึ่งเป็นเคสที่มีการติดเชื้อรายล่าสุดไปเที่ยวงานฟาร์มเฟสติวัล ออนเดอะฮิล 2020 ในคืนวันที่ 29 พ.ย.ที่่ผ่านมา เพื่อตรวจเชื้อให้กับเจ้าหน้าที่ พนักงานของสิงห์ปาร์ค ตลอดจนผู้ที่เดินทางไปร่วมงาน และประชาชนที่อยู่พื้นที่ข้างเคียง โดยผู้ที่ไม่มั่นใจว่าจะติดเชื้อหรือไม่ก็สามารถเข้าไปรับการตรวจหาเชื้อได้ แต่หากไม่มั่นใจก็สามารถเข้ารับคำปรึกษาหรือตรวจหาเชื้อสถานบริการทุกแห่งใกล้บ้านได้เช่นกัน

สำหรับการคัดกรองกลุ่มเสี่ยงสูงที่ใกล้ชิดกับผู้ติดเชื้อ 3 คนแรกที่ลักลอบข้ามพรมแดนมาช่วงแรกจำนวน 41 คน เจ้าหน้าที่สามารถติดตามตัวได้หมดแล้ว ซึ่งอยู่ระหว่างการตรวจหาเชื้อซึ่งพบว่าผลออกมาส่วนใหญ่ผลยังเป็นลบ อีก 3 คนที่พบในศูนย์กักดูอาการหรือ Local Qurantine นั้นไม่มีปัญหาเนื่องจากเป็นการขอข้ามพรมแดนตามช่องทางปกติ

หลังเดินทางข้ามพรมแดนมาก็มีการกักตัวและตรวจหาเชื้อทันทีไม่มีการแพร่กระจายของเชื้อ ส่วนรายสุดท้ายเป็นชายวัย 28 ปีชาว จ.เชียงราย พบไทม์ไลน์ไปท่องเที่ยวในหลายที่ทั้ง จ.เชียงราย และ จ.เชียงใหม่ ซึ่งทางเจ้าหน้าที่สาธารณสุขอยู่ระหว่างการคัดกรองและติดตามกลุ่มเสี่ยงซึ่งคาดว่าจะทราบกลุ่มและจำนวนทั้งหมดในวันนี้ โดยทางคณะกรรมการควบคุมโรคติดต่อ จ.เชียงราย จะมีการแถลงให้ทราบอีกครั้งหนึ่ง

ที่มาเรียบเรียงจาก: ข้อมูลข่าวสารเฉพาะกิจของจังหวัดเชียงใหม่ | สำนักข่าวอินโฟเควสท์ [1] [2] [3] [4] [5] | Thai PBS [1] [2] 






 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net