กรมควบคุมโรคเผยผลสำรวจพฤติกรรมคนไทยในการป้องกันโรคโควิด-19 พบมาตรการล้างมือ สวมหน้ากากอนามัย และมีระยะห่างระหว่างบุคคลลดลงอย่างเห็นได้ชัด ห่วงการ์ดตกโรคผุด ส่วนอนุทินขอคนไทยมีวินัยช่วยชาติ

7 พ.ค. 2563 นพ.อนุพงศ์ สุจริยากุล ผู้ทรงคุณวุฒิกรมควบคุมโรค กล่าวว่า ในการแถลงข่าว ประจำวัน สถานการณ์โควิด-19 ว่า ขณะนี้กรมควบคุมโรคได้ทำการสำรวจพฤติกรรมคนไทย 3 ด้าน คือ 1.การล้างมือ 2.สวมหน้ากากอนามัยช่วงที่ป่วย และไม่ป่วย และ 3.การเว้นระยะห่างทางสังคม บุคคล อย่างน้อย 1-2 เมตร โดยสำรวจทั้งหมด 8 ครั้ง ครั้งล่าสุดมีการสรุปผลเมื่อวันที่ 5 พ.ค.ที่ผ่านมา พบว่า ก่อนหน้านี้ประชาชนให้ความร่วมมือในการล้างมือสูงสุดอยู่ที่ ร้อยละ 92 ปัจจุบันลดลงมาเหลือ ร้อยละ 78 การสวมหน้ากากอนามัยเมื่อป่วยลดลงจากร้อยละ 94 มาเป็น ร้อยละ 74 สวมหน้ากากผ้าหรือหน้ากากอนามัยตอนไม่ป่วยลดลงจาก ร้อยละ 94 เหลือร้อยละ 75 ส่วนการเว้นระยะห่าง 1-2 เมตรก็ลดลงจาก ร้อยละ 94 เหลือร้อยละ 72 

นพ.อนุพงศ์ ระบุว่า กรณีดังกล่าวเป็นเรื่องที่ต้องเตือน และขอความร่วมมือจากประชาชนให้คง 3 มาตรการนี้ให้สูงสุด เพราะสิ่งเหล่านี้จะป้องกันการแพร่ระบาดของโรค โควิด-19 ได้ การ์ดห้ามตก

วันเดียวกัน อนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข นพ.สุขุม กาญจนพิมาย ปลัดกระทรวงสาธารณสุข นำคณะผู้บริหารรับมอบการสนับสนุนจากภาคเอกชน ในการป้องกันโรคระบาดโควิด-19

อนุทิน กล่าวว่า สิ่งที่ทุกท่านทำถือเป็นกุศล เพราะท่านได้ช่วยแพทย์ พยาบาล และเจ้าหน้าที่ ในการปฏิบัติงานด้วยความอุ่นใจ อันจะมีผลต่อประสิทธิภาพในการทำงาน ช่วงเวลานี้ คนไข้ลดลงทุกวัน หวังว่าจะมีข่าวดีแบบนี้มาเรื่อยๆ สุดท้ายแล้ว ขอขอบคุณคนไทยที่ช่วยกัน ขอขอบคุณแพทย์ พยาบาล อาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.) และภาคส่วนต่างๆ ที่ทุ่มเททำงาน ขอขอบคุณน้ำใจคนไทยที่ร่วมกันในยามมีปัญหา 

“คนไทยไม่ทิ้งกัน ภาคเอกชน ที่ผ่านมาได้ให้การสนับสนุนการทำงานของทีมแพทย์พยาบาลมาโดยตลอด หากขาดความช่วยเหลือมากมายเหล่านี้ งานควบคุมโรค ก็จะยากขึ้นมาก สำหรับคนไทย ขอร้องว่าต้องตั้งการ์ดตลอดเวลา วินัยของทุกคนถือเป็นการช่วยเหลือชาติที่ดีที่สุดวิธีหนึ่ง” อนุทิน กล่าว

เรียบเรียงจาก: สำนักข่าวไทย 1 , 2