Skip to main content
sharethis

รัฐบาลขออย่าตรวจ COVID-19 หากไม่เสี่ยง น้ำยาตรวจเชื้อโควิดไม่เพียงพอ ขอเก็บชุดตรวจให้ผู้ที่จำเป็นต้องใช้ - 'อนุทิน' ย้ำปิดสถานที่เสี่ยงพื้นที่ กทม. หยุดการแพร่ระบาด - คาดสัปดาห์หน้าชัดเจนให้ข้าราชการปฏิบัติงานนอกสถานที่

21 มี.ค. 2563 นางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่าอยากขอความร่วมมือประชาชนที่มีสุขภาพแข็งแรง ไม่อยู่ในกลุ่มเสี่ยง ไม่มีอาการไข้ ไม่มีประวัติสัมผัสใกล้ชิดกับผู้ป่วย ไม่เดินทางมาจากต่างประเทศที่ประกาศเป็นพื้นที่ติดโรคหรือพื้นที่ที่มีการระบาดอย่างต่อเนื่อง อย่าตัดสินใจไปโรงพยาบาลเองเพื่อตรวจหาเชื้อ COVID-19 เพราะขณะนี้มีคนจำนวนมากไปตรวจหาเชื้อ COVID-19 ทั้งที่โรงพยาบาลรัฐและโรงพยาบาลเอกชนจำนวนมาก ทำให้เจ้าหน้าที่ไม่สามารถให้บริการได้ และน้ำยาที่ใช้ในการตรวจเชื้อไม่เพียงพอ ซึ่งรัฐบาลกำลังเร่งจัดหาให้สถานพยาบาลเป็นการด่วน 

“หากคนปกติทั่วไป ไม่มีอาการไข้ ไม่ไปอยู่ร่วมหรือมีประวัติสัมผัสกับกลุ่มเสี่ยงหรือเดินทางมาจากพื้นที่เสี่ยง ไม่มีความจำเป็นต้องตรวจหาเชื้อ COVID-19 เพราะเมื่อไม่มีอาการอะไร ไม่มีไข้  ไปตรวจ เมื่อรู้ผล แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะปลอดภัย เพราะต้องกักตนเองอีก 14 วัน  จึงอยากขอให้เก็บน้ำยาให้สำหรับคนหรือผู้ป่วยที่แพทย์ประเมินว่ามีโอกาสสูงในการมีเชื้อโควิดดีกว่า  และในการป้องกัน ประชาชนทั่วไปที่มีสุขภาพแข็งแรง สามารถใช้หน้ากากผ้าแทนได้ เพื่อที่จะได้เก็บสำรองหน้ากากอนามัยให้หมอ พยาบาลและเจ้าหน้าที่ ที่ต้องทำงานในด่านหน้ากับผู้ป่วยจริงในโรงพยาบาลขณะนี้ได้มีไว้ใช้” นางนฤมลกล่าว

'อนุทิน' ย้ำปิดสถานที่เสี่ยงพื้นที่ กทม. หยุดการแพร่ระบาด

นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เสียงสั่นห่วงประชาชน ขอให้มั่นใจการทำงานของกระทรวงสาธารณสุข ย้ำการปิด 25 สถานที่เสี่ยงเพื่อหยุดการแพร่ระบาด COVID-19 จะเป็นโมเดลให้กับทุกจังหวัดในการปฏิบัติตาม เนื่องจากกรุงเทพฯ มีการพบคนป่วยถึงร้อยละ 80 และเชื่อแนวโน้มผู้ป่วยยังคงเพิ่มขึ้น และไม่ลดลงภายใน 3-4 วัน แต่หากประชาชนร่วมมือ ปฏิบัติตามคำแนะนำของกระทรวงสาธารณสุขอย่างจริงจัง การลดไปพื้นที่เสี่ยงแออัด หยุดเมื่อป่วย ภายใน 7 วัน ตัวเลขผู้ป่วยจะลดลงแน่นอน ขณะเดียวกันมีการเตรียมนำโรงแรมบางกอกพาเลสมาใช้ดูแลผู้ป่วยอาการไม่รุนแรงในการพักฟื้น เพื่อเปิดทางให้คนป่วยหนักได้อยู่รักษาในโรงพยาบาล

คาดสัปดาห์หน้าชัดเจนให้ข้าราชการปฏิบัติงานนอกสถานที่

นายธีรภัทร ประยูรสิทธิ ปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวภายหลังประชุมศูนย์ข้อมูลมาตรการแก้ไขปัญหาจากโรคโควิด-19 ที่ทำเนียบรัฐบาลว่า ได้มีการประชุมพิจารณาวาระมาตรการตามมติ ครม. เมื่อวันที่ 17 มีนาคม เรื่องการปฏิบัติหน้าที่ของราชการนอกและในสถานที่ตั้ง หลังสำนักงานข้าราชการพลเรือนได้หารือกับกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม และสํานักนายกรัฐมนตรี จัดทำระเบียบปฏิบัติให้สอดคล้องกับมาตรการดังกล่าว คาดว่าไม่เกินวันพุธที่ 25 มีนาคม จะสามารถแจ้งให้หน่วยงานปฏิบัติในระดับกระทรวงฯ รับไปดำเนินการได้ ซึ่งได้เน้นย้ำให้การทำงานต้องไม่ส่งผลกระทบต่อประสิทธิภาพงาน โดยเฉพาะงาน 3 ส่วน คือ บริการประชาชน สาธารณสุข และด้านความมั่นคงปลอดภัย

ผลตรวจเจ้าหน้าที่ กสม. ไม่พบเชื้อ

ตามที่สำนักงานคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ได้แจ้งเมื่อวันพุธที่ 18 มี.ค. 2563 ว่าเจ้าหน้าที่สำนักงาน กสม. รายหนึ่ง อยู่ในเกณฑ์ผู้ที่ต้องเฝ้าระวังการติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019  ตามประกาศกระทรวงสาธารณสุข และสำนักงาน กสม. ได้ให้เจ้าหน้าที่คนดังกล่าวหยุดงานและเข้ารับการตรวจหาเชื้อโรคโควิด 19 ตั้งแต่วันอังคารที่ 17 มีนาคม ขณะนี้สำนักงาน กสม. ได้รับแจ้งผลการตรวจดังกล่าวแล้ว ว่าไม่พบเชื้อโรคโควิด 19 อย่างไรก็ตาม ในสถานการณ์ปัจจุบัน เพื่อประโยชน์ของประเทศชาติ ประชาชน และสังคม สำนักงาน กสม. ยังคงให้ข้าราชการ พนักงานราชการ ลูกจ้าง และเจ้าหน้าที่ของสำนักงาน กสม. บางส่วนปฏิบัติงานที่บ้านพักตั้งแต่วันที่ 23 - 27 มีนาคม 2563 (รวมระยะเวลา 5 วัน)  

ในส่วนของบริการแก่ประชาชนนั้น  สำนักงาน กสม. ยังคงดำเนินการตามประกาศเดิม คือ การร้องเรียนปัญหาการละเมิดสิทธิมนุษยชน สามารถยื่นเรื่องร้องเรียนได้ด้วยตนเอง ที่สำนักงานคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ หรือยื่นร้องเรียนออนไลน์ได้ที่ระบบเรื่องร้องเรียน/บริการประชาชน ผ่านเว็บไซต์  หรือร้องเรียนทางโทรศัพท์ต่อผู้อำนวยการกลุ่มงานกลั่นกรองเรื่องร้องเรียนและประสานการการคุ้มครองสิทธิมนุษยชน หมายเลข 063 420 7448

ธ.กรุงไทย ปิดศูนย์บริหารและจัดการธนบัตรโคราช ฆ่าเชื้อ COVID-19

วันนี้ (21 มี.ค.2563) ธนาคารกรุงไทย ประกาศปิดศูนย์บริหารและจัดการธนบัตรนครราชสีมา และหยุดทุกธุรกรรมทั้งการรับ-ส่งเงินสด การคัดนับธนบัตร หลังจากได้รับการยืนยันว่า พนักงานของบริษัทรักษาความปลอดภัยกรุงไทยธุรกิจบริการ ปฏิบัติหน้าที่คัดนับธนบัตร ที่ศูนย์บริหารและจัดการธนบัตรนครราชสีมา มีอาการป่วย เมื่อวันที่ 11 มีนาคม 2563 หลังจากไปสนามมวยนนทบุรี เมื่อวันที่ 8 มีนาคม 2563 จึงได้หยุดปฏิบัติงานระหว่างวันที่ 11-13 มีนาคม 2563 และได้ไปพบแพทย์ในวันที่ 16 มีนาคม 2563 ติดเชื้อไวรัสโคโรนา (COVID-19) และได้เข้ารักษาตัวที่โรงพยาบาลแล้ว 

ธนาคารกรุงไทย จึงขอปิดศูนย์ดังกล่าวเพื่อทำความสะอาดและกำจัดเชื้อโรค ตามมาตรฐานโรงพยาบาล และให้พนักงานทุกคนหยุดปฏิบัติงานเละควบคุมตัวเองที่สถานที่พักอาศัย เป็นเวลา 14 วันอย่างเคร่งครัด พร้อมเฝ้าสังเกตอาการ หากมีอาการป่วยให้พบแพทย์โดยทันที

นอกจากนี้ ธนาคารกรุงไทยยังได้ปิดสาขาสามแยกปักธงชัย ซึ่งอยู่ใกล้กับศูนย์บริหารและจัดการธนบัตรนครราชสีมา ในวันที่ 20 มีนาคม 2563 เพื่อทำความสะอาดและกำจัดเชื้อโรค รวมทั้งให้พนักงานทุกคนที่สาขาใช้นโยบาย Social Distancing ในการให้บริการลูกค้าและทำงานร่วมกัน

สำหรับการปิดศูนย์บริหารและจัดการธนบัตรนครราชสีมาในครั้งนี้ สาขาต่างๆ สามารถใช้บริการจากศูนย์บริหารและจัดการธนบัตรอ่างทอง ศูนย์บริหารและจัดการธนบัตรขอนแก่น และศูนย์บริหารและจัดการธนบัตรอุบลราชธานี

ผู้ว่าฯ 5 จังหวัดรอบ กทม.ประกาศปิดชั่วคราวสถานที่เสี่ยง

วันนี้ (21 มี.ค.2563) มีรายงานว่าหลังจาก พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร แถลงประกาศปิดพื้นที่เสี่ยงในเขต กทม.ระหว่างวันที่ 22 มี.ค.- 12 เม.ย.นี้ เนื่องจากสถานการณ์ระบาดของไวรัสโคโรนา (COVID-19) ล่าสุด ผู้ว่าราชการ 5 จังหวัดปริมณฑล ได้แก่ นนทบุรี นครปฐม ปทุมธานี สมุทรปราการ และสมุทรสาคร ได้ประกาศปิดพื้นที่เสี่ยง ตามกรุงเทพมหานคร โดยเบื้องต้นอาจครอบคลุมประเภทสถานที่ตามประกาศของ กทม. ซึ่งมี 26 ประเภทสถานที่แล้ว 

โดยช่วงเย็นวันนี้ นายฉัตรชัย พรหมเลิศ ปลัดกระทรวงมหาดไทย มีคำสั่งเรื่องมาตรการป้องกันและควบคุมการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนา #COVID19 ถึงผู้ว่าราชการจังหวัด นนทบุรี ปทุมธานี สมุทรปราการ และสมุทรสาคร โดยให้พิจารณาพื้นที่ทุกแห่งและกิจกรรมทุกประเภทที่เสี่ยงการระบาดของโรค มีผลพรุ่งนี้ (22 มี.ค.) จนกว่าสถานการณ์จะคลี่คลาย

ที่มาเรียบเรียงจาก สำนักข่าวไทย [1] [2] [3] [4] Thai PBS

 

สแกน QR Code เพื่อร่วมบริจาคเงินให้กับประชาไท

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net