Skip to main content
sharethis

ร.อ.ธรรมนัส ชี้ฝีมือกลุ่มการเมืองฝ่ายตรงข้าม พร้อมโต้ด้วยข้อกฎหมาย หลัง 'ซิดนีย์มอร์นิงเฮรัลด์' สื่อออสเตรเลียแฉเคยโดนคดียาเสพติดปี 36 พร้อมอ้างกับตำรวจออสเตรเลียว่าทำงานเป็นบอดี้การ์ดให้กับมกุฎราชกุมารไทย ขณะที่ บ.ก.หนังสือพิมพ์ดังกล่าว ยันความถูกต้องของเรื่องที่ตีพิมพ์ออกไปแล้ว

 

ภาพจากเพจ ธรรมนัส พรหมเผ่า

9 ก.ย.2562 จากกรณี หนังสือพิมพ์ซิดนีย์มอร์นิงเฮรัลด์(The Sydney Morning Herald)ของออสเตรเลีย ได้ตีพิมพ์รายงานลงในเว็บไซต์ข่าวชื่อ 'From sinister to minister: politician's drug trafficking jail time revealed' เกี่ยวกับ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ขณะนี้กลายเป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ในรัฐบาลชุดปัจจุบันของไทย รวมทั้งแกนนำคนสำคัญของพรรคพลังประชารัฐ ซึ่งระบุว่า เคยเกี่ยวพันกับคดียาเสพติดในออสเตรเลีย เคยถูกจับเมื่อปี 2536 ซึ่งไม่ได้เป็นคดีเล็กๆตามที่กล่าวอ้าง ในรายงานข่าวดังกล่าวยังระบุด้วยว่า ระหว่างที่รอการตัดสินติดคุกอยู่ที่พารามัตตานั้น มนัส (หรือ ร.อ.ธรรมนัส) บอกกับเจ้าหน้าที่ตำรวจว่า เขาได้ทำงานเป็นบอดี้การ์ดให้กับมกุฎราชกุมารของประเทศไทย (หรือตามคำแปลของบีบีซีไทย ที่ระบุว่า มนัส ให้ปากคำกับตำรวจว่า เคยทำหน้าที่ ราชองครักษ์ในสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร) นั้น

ผู้จัดการออนไลน์ รายงานว่า ร.อ.ธรรมนัส กล่าวว่า ตนรู้หมดแล้ว ซัดกันมา 3-4 วันแล้ว พวกนี้แสบ เป็นแก๊งเดิมๆ อย่าไปใส่ใจ เอาเรื่องเดิมๆมาเขียน ตนจัดการเรียบร้อยหมดแล้ว เรานิ่งๆไว้ ถ้าเราไปต่อความกับคนเหล่านี้ก็จะเป็นประเด็นขึ้นมา ไม่ไปต่อความยาวด้วย ตนหวดด้วยข้อกฎหมายกับคนพวกนี้ไปก่อนหน้านี้แล้ว เรื่องนี้ไม่มีผู้ใหญ่ในรัฐบาลสอบถามอะไรตน เพราะเป็นเรื่องเก่า เป็นกลุ่มการเมืองฝ่ายตรงข้าม เป็นพวกอวตาร ตนไปสืบมารู้ตัวหมดแล้ว เห็นตัวจริงทั้งหมด อย่าไปใส่ใจ ตนไม่ให้ความสำคัญ

ก่อนหน้านี้ ประเด็นคดีค้ายาของ ร.อ.ธรรมนัส ถูกยกมาเป็นประเด็นวิพากษ์วิจารณ์และต่อมา 11 ก.ค.2562  ร.อ.ธรรมนัส  ออกมาแถลงข่าว ยืนยันว่าตนไม่ใช่คนนำเฮโรอีนเข้าออสเตรเลีย ไม่ได้เป็นผู้ผลิตยาเสพติด และไม่ได้เป็นผู้จำหน่ายแต่อย่างใด 

"การจัดตั้งรัฐบาลชุดนี้ ผมถือว่าเป็นกำลังหลักสำคัญ ในการขับเคลื่อน ในการประสาน ดังนั้นถ้าล้มผมได้ รัฐบาลก็สั่นคลอน เพราะว่าในหลายๆ พรรค ในหลายๆ ส่วนที่ผมประสานไว้ มันเป็นความลับที่อยู่ในตัวผมคนเดียว ดังนั้นเขาก็รู้ว่าผมคือเส้นเลือดใหญ่ ที่จะเอาเลือดไปหล่อเลี้ยงในหัวใจของรัฐบาล" ร.อ. ธรรมนัส กล่าวถึงความสำคัญของตนเองในการจัดตั้งรัฐบาลนี้เมื่อครั้งแถลงข่าววันที่ 11 ก.ค.ที่ผ่านมา

ขณะที่ ซิดนีย์มอร์นิงเฮรัลด์ (ตามคำแปลของวอยส์ออนไลน์) สืบค้นข้อมูลเกี่ยวกับการจับกุมและการดำเนินคดียาเสพติดในซิดนีย์ ช่วงปี 1993 (หรือปี 2536) กล่าวอ้างว่า ร.อ.ธรรมนัส ใช้ชื่อในขณะนั้นว่า 'มนัส โพธิ์พรหม' (Manat Bophlom) โดยเปรียบเทียบจากสัญชาติ อายุ วัน-เดือน-ปีเกิด ช่วงเวลาที่เดินทางเข้าและออกจากประเทศออสเตรเลีย รวมถึงระยะเวลา 4 ปีที่ ร.อ.ธรรมนัส (ชื่อและยศปัจจุบัน) ระบุว่าใช้ชีวิตตามปกติอยู่ในออสเตรเลียก่อนจะเดินทางกลับประเทศไทย สอดคล้องกับผู้ต้องหาชายรายนี้ที่ปรากฏในรายงานข่าวของสื่อออสเตรเลีย โดยชายคนดังกล่าวถูกตัดสินจำคุก 4 ปี ที่เรือนจำพาร์คลีย์ของนครซิดนีย์ ในข้อหาร่วมกันลักลอบขนเฮโรอีนเข้าประเทศ

รายละเอียดเพิ่มเติมของคดีระบุว่า 'มนัส' วัย 27 ปี เป็นทหารยศร้อยตรีจากกรุงเทพฯ ถูกนำตัวขึ้นศาลแขวงรัฐนิวเซาท์เวลส์เมื่อวันที่ 16 เม.ย.1993 พร้อมกับ 'ศรศาสตร์ เทียมทัศน์' ชายวัย 39 ปี สัญชาติไทย นายแซม แคลาบรีส ชาวออสเตรเลียจากบอนไดบีช และนายมาริโอ คอนสแตนติโน จากร็อกเดล ในคดีที่พวกเขาถูกจับกุม ข้อหาร่วมกันลักลอบขนยาเสพติดเข้าออสเตรเลีย และพบของกลางเป็นเฮโรอีน 3.2 กิโลกรัม มูลค่าราว 4.2 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ในห้องพักโรงแรมแห่งหนึ่งที่ซิดนีย์

ในที่สุด ศาลพิพากษาจำคุก ร.ต.มนัสและนายศรศาสตร์เป็นเวลา 6 ปี โดยกำหนดให้จำคุกแบบห้ามปล่อยตัวก่อนกำหนดเป็นเวลา 4 ปี ขณะที่คอนสแตนติโนถูกลงโทษจำคุก 2 ปี 6 เดือน แต่แคลาบรีสพ้นข้อกล่าวหา เพราะให้การที่เป็นประโยชน์ต่อการสอบสวนคดี แม้ว่า ร.ต.มนัสกับนายศรศาสตร์จะพยายามยื่นเรื่องอุทธรณ์คำตัดสินลงโทษดังกล่าว แต่ศาลอุทธรณ์ยกคำร้อง โดยให้เหตุผลว่ามีหลักฐานบ่งชี้ชัดเจนว่าจำเลยมีบทบาทในการขนเฮโรอีน และเป็นผู้จัดหาหลักในประเทศไทย หลังจากจำคุกได้ 4 ปี ทั้งสองคนก็ได้รับการปล่อยตัวออกจากเรือนจำพาร์คลีย์เมื่อวันที่ 14 เม.ย.1997 และทางการออสเตรเลียสั่งเนรเทศออกนอกประเทศโดยทันที

บีบีซีไทย ติดต่อไปที่ ซิดนีย์มอร์นิงเฮรัลด์ เพื่อให้ชี้แจงถึงข้อวิจารณ์ของ ร.อ. ธรรมนัส ว่า รายงานข่าวที่ออกมา ไม่ถูกต้อง และขู่ว่าจะดำเนินคดีทางกฎมาย ลิซ่า เดวีส์ บรรณาธิการของหนังสือพิมพ์ ตอบสั้น ๆ ว่า "เรายืนยันความถูกต้องของเรื่องที่ตีพิมพ์ออกไปแล้ว"

สแกน QR Code เพื่อร่วมบริจาคเงินให้กับประชาไท

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net