รมช.เกษตรและสหกรณ์ จาก พรรคพลังประชารัฐ เปิดใจหลังโดนโจมตีว่าขนเฮโรอีนเข้าออสเตรเลีย แจงยิบฝ่ายตรงข้ามหวังโจมตีเส้นเลือดใหญ่และกุมความลับตั้งรัฐบาล ขณะที่ วิษณุ ยันคุณสมบัติ ร.อ.ธรรมนัสไม่กระทบนั่ง รมต. 

ภาพจากเพจ ธรรมนัส พรหมเผ่า

11 ก.ค.2562 สื่อหลายสำนักรายงานถึง กรณีที่ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ส.ส.พะเยา พรรคพลังประชารัฐ และรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ออกมาชี้แจงถูกวิจารณ์เรื่องคดีค้ายาที่โดนจับในประเทศออสเตรเลีย ซึ่ง ร.อ.ธรรมนัส ยืนยันว่าตนไม่ใช่คนนำเฮโรอีนเข้าออสเตรเลีย ไม่ได้เป็นผู้ผลิตยาเสพติด และไม่ได้เป็นผู้จำหน่ายแต่อย่างใด เหตุการณ์เกิดขึ้นเมื่อหลายปีก่อน เริ่มจากตนเดินทางไปเที่ยวซิดนีย์ โดยได้รับคำเชิญจากพี่คนหนึ่งที่ทำงานอยู่ป.ป.ส.ของสหรัฐฯ ตนเดินทางเข้าออสเตรเลียโดยผ่านการตรวจค้นถูกต้องทุกขั้นตอน ไม่เป็นไปอย่างที่สื่อมวลชนได้รับทราบข้อมูลจากสื่ออวตารที่พยายามโจมตี

"ผมไม่เคยมีคดีค้างในชั้นศาล ผมได้ใช้กระบวนการยุติธรรมพิสูจน์ตัวเองมาทุกเรื่องทุกสถานการณ์ และผมไม่เคยละเมิดกฎหมายรัฐธรรมนูญไทยทุกฉบับ และชีวิตของผมผ่าน พ.ร.บ.ล้างมลทินมาหลายฉบับแล้ว ผมเคยสมัครส.ส.รายชื่อกับพรรคการเมืองหนึ่ง หากไม่มีการรัฐประหารครั้งที่แล้วก็คงได้เป็นส.ส.ทำไมถึงไม่มีปัญหา แต่ทำไมถึงมีปัญหาในครั้งนี้ และไม่ถูกโจมตีอะไรเลย" ร.อ.ธรรมนัส กล่าว

อย่างไรก็ตามท่ามกลางคำชี้แจงนั้น ร.อ.ธรรมนัส กล่าวถึงความสำคัญของตัวเองที่ถูกโจมตีว่า ตนเป็นกำลังหลักในการจัดตั้งรัฐบาล  มีบทบาทขับเคลื่อนและประสานงาน หากล้มตนได้ รัฐบาลก็สั่นคลอน เพราะหลายเรื่องที่ได้ประสานงานไว้นั้น เป็นความลับที่ตนรู้เพียงคนเดียว

"การจัดตั้งรัฐบาลชุดนี้ ผมถือว่าเป็นกำลังหลักสำคัญ ในการขับเคลื่อน ในการประสาน ดังนั้นถ้าล้มผมได้ รัฐบาลก็สั่นคลอน เพราะว่าในหลายๆ พรรค ในหลายๆ ส่วนที่ผมประสานไว้ มันเป็นความลับที่อยู่ในตัวผมคนเดียว ดังนั้นเขาก็รู้ว่าผมคือเส้นเลือดใหญ่ ที่จะเอาเลือดไปหล่อเลี้ยงในหัวใจของรัฐบาล" ร.อ. ธรรมนัส กล่าวถึงความสำคัญของตนเองในการจัดตั้งรัฐบาลนี้

ส่วนกรณีที่เคยถูกถอดยศมาก่อนนั้น ร.อ.ธรรมนัสได้โชว์หนังสือการเลื่อนยศโดยกล่าวว่า เมื่อวันที่ 1 มิ.ย. 2541 กระทรวงกลาโหมได้เลื่อนยศให้ตนขึ้นเป็นร้อยเอก ไม่ใช่ใช้ยศร้อยเอกนำหน้าโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย

ต่อกรณีคำถามที่ว่ารู้สึกอย่างไรที่มีคนปรามาสว่ากระทรวงเกษตรฯ ยุคใหม่เป็นกระทรวงมาเฟียนั้น ร.อ.ธรรมนัสกล่าวว่า คนเราอยากถามว่าสามารถทำอดีตให้เป็นปัจจุบันได้หรือไม่ แต่สิ่งที่จะพิสูจน์คือในอนาคตตนจะทำอะไรให้แผ่นดินบ้าง ไม่ใช่เอะอะก็กล่าวหากันว่ามาเพีย นักเลง คนใจนักเลงอย่างตน ลองให้ได้ทำงานดูก่อน หากทำไม่ได้เรื่องแล้วจะพิจารณาตัวเอง ที่ผ่านมาพูดมาตลอดว่า ไม่จำเป็นต้องรับตำแหน่งรัฐมนตรี เพราะหลังจากประสบความสำเร็จทางธุรกิจก็ทำงานเพื่อสังคมมาตลอด แต่คนพะเยาให้ความไว้วางใจตน และตนในฐานะประธานยุทธศาสตร์ภาคเหนือของพรรคพลังประชารัฐ ก็รับปากประชาชนไว้มากมาย เมื่อนายให้มาเป็นรัฐมนตรีก็ต้องทำให้ดีที่สุด

วิษณุชี้คุณสมบัติร.อ.ธรรมนัสไม่กระทบนั่ง รมต. 

ขณะที่ วิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ฝ่ายกฎหมาย กล่าวถึงกรณีนี้ด้วยว่า ข้อกฎหมายเป็นเรื่องหนึ่ง ความเหมาะสมความควรเป็นอีกเรื่องหนึ่ง ส่วนกรณีพรรคฝ่ายค้านเตรียมยื่นเรื่องตรวจสอบจริยธรรมในตัวรัฐมนตรี สามารถทำได้เพราะถือเป็นสิทธิ ทั้งนี้ หากไล่ดูรัฐธรรมนูญ มาตรา 98 เรื่องลักษณะต้องห้ามการสมัคร ส.ส. มาตรา 101เรื่องการสิ้นสุดสมาชิกภาพของส.ส.และมาตรา 160 คุณสมบัติของรัฐมนตรี ถือว่าไม่กระทบ

“ส่วนการมองว่าควรหรือไม่ควร เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นได้กับทุกคน เช่น กรณีนายอุตตม สาวนายน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังที่ก่อนหน้านี้มีข้อวิพากษ์วิจารณ์ว่ามีส่วนร่วมอนุมัติเงินกู้กรุงไทย 9,900 ล้านบาทให้กลุ่มกฤษดามหานคร ซึ่งถือเป็นเรื่องของนายกฯที่จะตัดสินใจ และชั้นเจ้าหน้าที่ไม่สามารถตรวจสอบตรงนั้นได้ แต่ถ้ามีปัญหาเจ้าหน้าที่จะทำเป็นข้อสังเกต เป็นสองช่องคือช่องตามกฎหมาย และกรณีที่เป็นปัญหาในสังคม เช่น มีคดีค้างอยู่ที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ(ป.ป.ช.)  แต่ยังไม่ถูกชี้มูล ไม่ถือว่าขาดคุณสมบัติ แต่ให้รู้ว่ามีคดีค้างอยู่ ซึ่งรัฐมนตรีคนไหนมีคดีค้างไว้ ทำส่งไปหมดเลย เพื่อให้รู้ไว้ หากถูกชี้มูลจะได้รู้ล่วงหน้า ซึ่งนายกรัฐมนตรีทราบดีว่ารัฐมนตรีทั้ง 35 คนมีคุณสมบัติอย่างไร” วิษณุ กล่าว

ที่มา : ข่าวสดออนไลน์ โพสต์ทูเดย์ สำนักข่าวไทยและเพจ ธรรมนัส พรหมเผ่า