Skip to main content
ประชาไททำหน้าที่เป็นเวที เนื้อหาและท่าที ความคิดเห็นของผู้เขียน อาจไม่จำเป็นต้องเหมือนกองบรรณาธิการ
sharethis



เกือบทุกสัปดาห์เราจะเห็นความโหดร้ายป่าเถื่อนของรัฐบาลอิสราเอล ที่ใช้ความรุนแรงสุดขั้วในการถล่มชาวปาเลสไตน์ที่กาซา คาดว่าระหว่างมีนาคม 2018 ถึง มกราคม 2019 อิสราเอลใช้สไนเปอร์และกระสุนจริงฆ่าชาวปาเลสไตน์ที่ประท้วงโดยไร้อาวุธตรงจุดชายแดน จนมีคนเสียชีวิตถึง 250 คน และมีผู้บาดเจ็บเป็นหมื่น นอกจากนี้มีหลักฐานชัดเจนว่าทหารอิสราเอลตั้งเป้าจงใจฆ่า เด็ก คนพิการ และนักข่าวอีกด้วย ในกรณีหนึ่งเด็กอายุ 11 ถูกยิงตายเพราะแค่ตะโกนเรียกร้องเสรีภาพ

กาซาถูกอิสราเอลปิดล้อมมา 12 ปี โดยที่ประชาชนปาเลสไตน์ 2 ล้านคนถูกขังไว้ในพื้นที่ที่ขาดแคลนเชื้อเพลิง ยารักษาโรค ที่อยู่อาศัย และสาธารณูปโภคพื้นฐาน ในขณะเดียวกันพวก”ไซออนนิสต์”สุดขั้ว ก็ขยายการยึดพื้นที่ของชาวบ้านปาเลสไตน์อย่างต่อเนื่อง โดยที่รัฐบาลอิสราเอลคอยสนับสนุนตลอดเวลา

ล่าสุดรัฐบาลฝ่ายขวาของอิสราเอลประกาศใช้ “กฏหมายแห่งชาติ” ที่ทำให้คนปาเลสไตน์ที่อาศัยอยู่ในอิสราเอลกลายเป็นพลเมืองชั้นสอง และนายกรัฐมนตรี เนทันยาฮู ประกาศว่า “อิสราเอลคือชาติของชาวยิวเท่านั้น”

ทุกอย่างที่อิสราเอลทำ ได้รับการสนับสนุนอย่างชัดเจนจากรัฐบาลสหรัฐอเมริกาของดอนัลด์ ทรัมป์ โดยที่ ทรัมป์ ประกาศย้ายสถานทูตสหรัฐไปที่เมืองเยรูซาเลม ในขณะที่สหประชาชาติและชาวโลกมองว่าเยรูซาเลมเป็นเมืองที่ต้องถูกแบ่งเป็นดินแดนของปาเลสไตน์และอิสราเอลคนละครึ่ง การย้ายสถานทูตครั้งนี้เป็นการส่งสัญญาณว่าสหรัฐสนับสนุนการกลืนดินแดนปาเลสไตน์โดยรัฐบาล “ไซออนนิสต์”

สหรัฐและชาติตะวันตกสนับสนุนอิสราเอลเพื่อเป็น “หมาดุเฝ้าพื้นที่ตะวันออกกลาง” โดยมีวัตถุประสงค์ที่จะคอยปกป้องผลประโยชน์จักรวรรดินิยมตะวันตกในพื้นที่ที่เต็มไปด้วยน้ำมัน หน้าที่ของอิสราเอลในการรับใช้ตะวันตกคือการทำลายขบวนการชาตินิยมของชาวอาหรับอย่างต่อเนื่อง มันไม่ใช่ว่าอิสราเอลหรือชาวยิวมีอำนาจเหนือรัฐบาลตะวันตกแต่อย่างใด

เราต้องเข้าใจว่ารัฐบาลอิสราเอลไม่ใช่ตัวแทนของชาวยิวทั้งหมดในโลก และลัทธิ “ไซออนนิสต์” ซึ่งเป็นลัทธิคลั่งชาติเหยียดเชื้อชาติปาเลสไตน์ ไม่ใช่สิ่งเดียวกับการเป็นยิว มันเพียงแต่เป็นแนวความคิดหนึ่งเท่านั้น ดังนั้นเราไม่ควรประณามคนยิว แต่ควรประณามรัฐบาลอิสราเอลและพวก”ไซออนนิสต์” แทน

ก่อนสงครามโลกครั้งที่สองและการฆ่าล้างเผ่าพันธ์ชาวยิวโดยพวกนาซีในเยอรมัน ซึ่งทำให้ชาวยิวกว่า 6 ล้านคนถูกเข่นฆ่าอย่างโหดร้ายป่าเถื่อน แนวคิดคลั่งเชื้อชาติแบบ “ไซออนนิสต์” ไม่ค่อยเป็นที่นิยมในแวดวงชาวยิวนัก กระแสหลักในหมู่คนยิวยุโรปคือแนวสังคมนิยมและแนวมาร์คซิสต์ ส่วนยิวสาย “ไซออนนิสต์” คือพวกฝ่ายขวาชาตินิยมจัด พวกนี้ต่อต้านการต่อสู้ทางชนชั้นของกรรมาชีพ และมองว่ายิวอยู่กับคนอื่นอย่างสันติไม่ได้เพราะเขาเชื่อว่าเชื้อชาติที่ต่างกันย่อมฆ่ากันหรือขัดแย้งกันเสมอ ดังนั้นเขาเสนอว่าวิธีการปกป้องชาวยิวคือต้องสร้างชาติ “บริสุทธิ์” ของตนเองขึ้นมา สิ่งที่น่าเสียดายอย่างยิ่งคือความพ่ายแพ้ของฝ่ายซ้ายและกรรมาชีพในเยอรมัน นำไปสู่ชัยชนะของนาซีในยุค ฮิตเลอร์ และการสังหารชาวยิวถึง 6 ล้านคน เหตุการณ์นี้มีผลในการหนุนกระแสฝ่ายขวา “ไซออนนิสต์” แทนแนวมาร์คซิสต์ จนมีการก่อตั้งประเทศอิสราเอ็ลหลังสงครามโลก ปัญหาสำคัญคือ รัฐอิสราเอ็ลถูกสร้างขึ้นบนพื้นที่ที่มีคนอื่นอาศัยอยู่ คือพื้นที่ที่ชาวปาเลสไตน์และชาวยิวเคยอาศัยร่วมกันอย่างสันติมาเป็นพันๆ ปี ดังนั้นรัฐเชื้อชาติเดียวที่ถูกสร้างขึ้นต้องอาศัยการขับไล่ชาวปาเลสไตน์ 850,000 คนออกจากบ้านเกิดในเหตุการณ์ “นักบา” ในปี 1948


อินติฟาดาห์

เสรีภาพของชาวปาเลสไตน์จะเกิดขึ้นได้ ก็ต่อเมื่อมีการลุกฮือของคนชั้นล่าง เช่นใน “อินติฟาดาห์” บวกกับการสร้างแนวร่วมการต่อสู้ของคนชั้นล่างและกรรมาชีพในระดับรากหญ้าในพื้นที่ตะวันออกกลาง การปฏิวัติของมวลชนในอียิปต์ใน “อาหรับสปริง” เคยเปิดทางให้มีการช่วยเหลือชาวปาเลสไตน์ในกาซาอย่างจริงจัง ก่อนที่กองทัพอียิปต์จะทำลายการปฏิวัติดังกล่าว ตอนนี้ขบวนการปฏิวัติในซูดานและแอลจีเรีย อาจเป็นความหวังใหม่ในการปลุกกระแสเสรีภาพ

ชาวปาเลสไตน์ต้องร่วมสู้กับกรรมาชีพและคนชั้นล่างในตะวันออกกลาง เพราะกรรมาชีพปาเลสไตน์ไม่มีพลังพอ มีจำนวนน้อยและส่วนใหญ่ไม่มีงานทำ และคนชั้นล่างในพื้นที่ตะวัยออกกลางมีผลประโยชน์ร่วมกันในการล้มเผด็จการที่กดขี่ตนเองในประเทศต่างๆ


แกนนำ ฟะตะห์ จับมือกับอิสราเอลและสหรัฐ


ฮะมาส

อย่างไรก็ตามแกนนำทางการเมืองในปาเลสไตน์ โดยเฉพาะองค์กร “ฟะตะห์” จะหันหลังให้มวลชนชั้นล่างเสมอ และทำแนวร่วมกับชนชั้นปกครองปฏิกิริยาในตะวันออกกลางแทน และทุกครั้งที่มีวิกฤต ชนชั้นปกครองเผด็จการพวกนี้ก็จะหักหลังชาวปาเลสไตน์และไปจับมือกับสหรัฐหรืออิสราเอล ในที่สุด“ฟะตะห์” ก็ไปทำข้อตกลงยอมจำนนต่ออิสราเอล ส่วนองค์กร “ฮะมาส” ที่ดูเหมือนจะต้องการสู้กับอิสราเอลอย่างจริงจัง ก็ใช้แนวเดียวกับ “ฟะตะห์” คือเน้นคุยกับชนชั้นปกครองรอบข้าง แทนที่จะปลุกระดมการปฏิวัติรากหญ้า

ถ้าจะมีการสร้างสันติภาพและสิทธิเสรีภาพประชาธิปไตยในดินแดนปาเลสไตน์ รัฐอิสราเอลต้องถูกรื้อถอน เพื่อสร้างรัฐใหม่ที่เคารพความหลากหลาย และเปิดโอกาสให้ช่าวปาเลสไตน์กับชาวยิวอาศัยร่วมกันอย่างสงบโดยเป็นพลเมืองที่เท่าเทียมกัน สภาพเช่นนี้เคยมีก่อนสงครามโลกครั้งที่สองและการแทรกแซงของจักรวรรดินิยมตะวันตก

แต่ถ้าจะเกิดขึ้นจริง ต้องมีกระแสการเมืองใหม่ในหมู่ชาวปาเลสไตน์ที่เน้นการต่อสู้จากระดับรากหญ้า และการสมานฉันท์กับการปฏิวัติของมวลชนในประเทศรอบข้าง

 

เผยแพร่ครั้งแรกใน: https://turnleftthai.wordpress.com/2019/06/23/

 

 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net