Skip to main content
sharethis

ระบุเหตุจับกุมเจ้าหน้าที่มูลนิธิข้าวขวัญอาจมีเบื้องหลังเอื้อประโยชน์กลุ่มทุน ชี้รัฐต้องไม่ผูกขาดอำนาจ ต้องให้ประชาชนมีส่วนร่วม ต้องให้กัญชาเป็นพืชสมุนไพรทุกบ้านปลูกได้  

 


เครือข่ายต่างๆ ร่วมแถลง (ภาพจากเพจ สมาคมผู้บริโภคจังหวัดขอนแก่น)

 

18 เม.ย. 2562 วานนี้ สมาคมผู้บริโภคจังหวัดขอนแก่นรายงานว่า ที่ห้องประดิษฐ์มนูธรรม ๒ คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยชอนแก่น จัดเวที “ปลดล็อก กัญชาสู่ยารักษาโรค”ซึ่งเป็นองค์กรภาคประชาชน จากศูนย์ศึกษาและประสานงานด้านสิทธิมนุษยชนภาคตะวันออกเฉียงเหนือ คณะกรรมการประสานงาน องค์กรพัฒนาเอกชนภาคอีสาน (กป.อพช.) สมาคมผู้บริโภคจังหวัดขอนแก่น สมาคมไทสิกขา เครือข่ายเกษตรกรรมทางเลือกภาคอีสาน เครือข่ายผู้ป่วยเรื้อรัง สภาองค์กรชุมชนจังหวัดขอนแก่น มีวัตถุประสงค์ในการจัดครั้งนี้เพื่อแลกเปลี่ยนข้อมูล แนวทางการเคลื่อนให้พืชยากัญชาใช้ทางการแพทย์ที่ให้ประชาชนเข้าถึงยาได้จริง ในเวทีมีผู้สนใจเข้าร่วมจำนวน ๗๐ คน หลังจากนี้คณะทำงานจะมีการจัดประชุมเพื่อขับเคลื่อนเรื่องนี้ต่อไป 

ผศ.ดร.นพ.ปัตพงษ์ เกษสมบูรณ์ ภาควิชาเวชศาสตร์ชุมชน คณะแพทยศาสตร์มหาวิทยาลัยขอนแก่น บรรยายพิเศษในประเด็น ปลดล็อก กัญชาสู่ยารักษาโรค และวงเสวนาปลดล็อก กัญชาสู่ยารักษาโรคและสิทธิการเข้าถึงยาจากพืชยากัญชา มีผู้ร่วมเสวนา อาจารย์ดารณี ราชภูเขียว ประธานศูนย์ศึกษาและประสานงานด้านสิทธิมนุษยชนภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภญ.วีรยา ถาอุปชิต สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดขอนแก่น ช่วงท้ายรายการมีการแถลงข่าวต่อสื่อมวลชน โดยนายปฏิวัติ เฉลิมชาติ ได้อ่านแถลงการณ์เครือข่ายพลเมืองขอนแก่น สนับสนุนการใช้พืชยาทางการแพทย์ มีรายละเอียดดังนี้

กัญชา (Cannabis sativa Linn.) เป็นพืชยาหรือสมุนไพรชนิดหนึ่งที่มนุษย์รู้จักเมื่อหลายพันปีก่อน ในสังคมไทยตั้งแต่สมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราชมีการใช้กัญชาในการรักษาโรค กล่าวได้ว่าเป็นส่วนหนึ่งของวิถีชีวิตความเป็นอยู่ วัฒนธรรม ศาสนา และมีการกระจายตัวไปทั่วโลก แต่ด้วยการเปลี่ยนแปลงของการเวลา ยุคสมัยสภาพทางสังคมการปกครองและระบบทุนนิยมครอบครองผูกขาด กลับทำให้บทบาทของพืชยากัญชาในสังคมเปลี่ยนแปลงไป จากพืชที่มีประโยชน์กลายเป็นสิ่งเสพติด ผิดกฎหมายทำลายสังคม โดยใช้วิธีการหลากหลายทั้งการออกกฎหมายจัดการ รณรงค์โฆษณาประชาสัมพันธ์ถึงความเลวร้ายของกัญชา เช่น กัญชาคือฆาตกรหรือเป็นต้นตอของอาชญากรรม เป็นต้น ล่วงเลยจนถึงปัจจุบัน 

จากเหตุการณ์ที่เจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าตรวจค้นและยึดพืชยากัญชาจำนวนกว่า ๒๐๐ ต้นที่มูลนิธิข้าวขวัญจังหวัดสุพรรณบุรีเมื่อวันที่ ๓ เมษายน ๒๕๖๒ ที่ผ่านมา โดยมีการจับตัวเจ้าหน้าที่มูลนิธิ ๑ คน ในข้อหามีกัญชาไว้ในครอบครอง ทางเจ้าหน้าที่แจ้งว่ามีไว้ใช้สำหรับผลิตยารักษาโรคมะเร็ง อยู่ระหว่างการทดลองและมีการแจกจ่ายให้กับผู้ป่วยนำไปใช้ การบุกตรวจค้นและจับผู้เกี่ยวข้องดังกล่าว อาจมีเบื้องหลังที่เอื้อประโยชน์ให้กับกลุ่มทุน ที่ต้องการจำหน่ายยาและเป็นเจ้าของสิทธิบัตรในการใช้กัญชารักษาโรค ทางเครือข่ายพลเมืองขอนแก่นเห็นว่า การดำเนินการของเจ้าหน้าที่ดังกล่าวอาจทำไม่เหมาะสมเหตุ เพราะ พ.ร.บ.ยาเสพติดให้โทษ ฉบับที่ ๗ พ.ศ.๒๕๖๒ ประกาศอยู่ในช่วงเวลานิรโทษกรรม ๙๐ วัน จากวันที่ ๑๗ ก.พ.๒๕๖๒ ถึงวันที่ ๑๙ พ.ค.๒๕๖๒ 

เครือข่ายพลเมืองขอนแก่น ที่มาประชุมหารือกันในวันที่ ๑๗ เมษายน ๒๕๖๒ นี้ ซึ่งมีคณะทำงานที่ติดตามสนับสนุนให้ใช้กัญชาทางการแพทย์ที่จะเป็นทางเลือกของผู้ป่วยที่ต้องการใช้สารสกัดจากกัญชา จึงเรียกร้องให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อเดินหน้า ปลดล็อกกัญชาเพื่อใช้ทางการแพทย์อย่างแท้จริง ดังนี้ 

1. นำกัญชาออกจากบัญชียาเสพติดเป็นกฎหมายเฉพาะที่เป็นพืชยา เปิดโอกาสให้มีการใช้และการศึกษาวิจัยทั้งทางการแพทย์แผนไทยและการแพทย์แผนปัจจุบัน อย่างกว้างขวาง
2. หน่วยงานรัฐต้องไม่รวมศูนย์ ผูกขาดอำนาจการจัดการ โดยให้ประชาชนมีส่วนร่วมในการดำเนินการและมีการบูรณาการของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อความร่วมมือในการแก้ไขกฎระเบียบ และเอื้อให้องค์กรภาคประชาชนที่มีองค์ความรู้ด้านนี้ร่วมพัฒนา ต่อยอดขยายผลต่อไป 
3. ให้กัญชาเป็นพืชยาสมุนไพร ที่ทุกครัวเรือนสามารถปลูกได้เข้าถึงได้ โดยรัฐส่งเสริม สนับสนุน การปลูก แปรรูป จำหน่าย และส่งออกยังต่างประเทศ เพื่อเป็นรายได้ครัวเรือน
4. ให้รัฐสนับสนุนเปิดโอกาสให้ทุกคนที่เป็นผู้ป่วย คนใช้ประโยชน์จากกัญชาเพื่อทางการแพทย์ให้สามารถทำได้ ซึ่งเป็นสิทธิขั้นพื้นฐานที่มนุษย์พึงมีและรัฐที่ดีควรเปิดโอกาสให้ทำได้ 
5. ให้มีการผลิตและใช้กัญชาในการรักษาโรค ที่มีคุณภาพ สะดวก ราคาถูก และปลอดภัย ที่ประชาชนสามารถเข้าถึงได้อย่างแท้จริง

ไบร์ททีวีรายงานว่า ผศ.ดร.นพ.ปัตพงษ์ เกษสมบูรณ์ ให้สัมภาษณ์ว่า 4 กลุ่มโรคที่จะนำกัญชามาใช้ในทางการแพทย์ ซึ่งทางกระทรวงสาธารณสุขกำหนด ประกอบด้วย กลุ่มผู้ป่วยที่มีอาการคลื่นไส้อาเจียนจากเคมีบำบัดในการรักษามะเร็ง, กลุ่มผู้ป่วยที่มีอาการเกร็งจากปลอกหุ้มประสาทอักเสบ, กลุ่มผู้ป่วยที่มีอาการลมชักรักษายาก, กลุ่มผู้ป่วยที่มีอาการปวดระบบประสาทเรื้อรังไม่สามารถบรรเทาเบาบางด้วยการรักษาในปัจจุบัน

ซึ่งในการกำหนด 4 กลุ่มโรคนี้ได้อิงจากการศึกษาวิจัยจากในหลายประเทศ แต่ทางสหประชาชาติยังกำหนดให้เป็นยาเสพติด ทำให้การศึกษาทำได้ไม่เต็มที่ เพราะประชาชนแต่ละประเทศมีการใช้กัญชารักษากันเอง การสั่งจ่ายยากัญชามีขอบเขต เช่น ในโรคพากินสัน อัลไซเมอร์ วิตกกังวง นอนไม่หลับ มีความเครียด เบาหวาน ความดันโลหิตสูง ทำให้การรักษาจะต้องมีการศึกษาวิจัยที่แท้จริงและเป็นไปอย่างกว้างขวาง เพราะการศึกษาในระดับนานาชาติมีการวิจัยยืนยันว่า พืชยากัญชาสามารถใช้ในทางการแพทย์ได้จริง

 

 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net