Skip to main content
sharethis

เอกชัย หงส์กังวาน แจ้งความ ม.113 ข้อหา ‘กบฎ’ เอาผิด ผบ.ทบ. หลังให้สัมภาษณ์สื่อว่า “หากการเมืองไม่เป็นเหตุให้เกิดจลาจล ก็จะไม่มีอะไรเกิดขึ้น” เผยกว่าจะได้แจ้งความใช้เวลาชั่วโมงกว่า ถูกตำรวจถามเป็นผู้เสียหายเหรอ หลังแจ้งความเสร็จถูกชายสองคนอ้างตัวเป็นหน่วยงานความั่นคงเรียกไปซักประวัติส่วนตัวอีก ด้านอภิรัชต์บอก ก็ว่ากันไป

19 ต.ค. 2561 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ เวลา 10.00 น. เอกชัย หงส์กังวาน และโชคชัย ไพบูลย์รัชตะ สองนักกิจกรรมทางการเมือง ซึ่งค่อยติดตามทวงถามหาความรับผิดชอบเรื่องนาฬิกาหรูของพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ มาตั้งแต่ช่วงปลายปี 2560 ได้เดินทางไปยังสถานนีตำรวจนครบาลลาดพร้าว เพื่อเข้าแจ้งความกับ พล.อ.อภิรัชตะ คงสมพงษ์ ในข้อหา ‘กบฎ’ ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 113 หลังจากให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชน ตั้งแต่วันที่ 17 ต.ค. ที่ถามว่าในอนาคตจะมีการทำรัฐประหารอีกหรือไม่ ว่า “หากการเมืองไม่เป็นเหตุให้เกิดจลาจล ก็จะไม่มีอะไรเกิดขึ้น”

เอกชัย ให้ข้อมูลว่า เขาและโขคชัยเดินทางไปถึงสถานีตำรวจนครบาลลาดพร้าวตั้งแต่ 10.00 น. แต่กว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจจับยอมรับแจ้งความต้องใช้เวลาในการพูดคุยชั่วโมงกว่า โดยผู้บังคับบัญชากองบังคับการตำรวจนครบาลที่ 4 พล.ต.ต.ธีระพงษ์ วงษ์รัฐพิทักษ์ เป็นผู้รับเรื่องแจ้งความด้วยตัวเอง

“ยึกยักพอสมควรนะ ตอนแรกที่ไปถึงเขาก็ถามว่า คุณเป็นผู้เสียหายเหรอ ผมก็บอกว่า ม.113 เป็นอาญาแผ่นดิน ประชาชนทุกคนแจ้งความได้ ต่อมาเขาก็ถามข้อมูลว่า คุณอภิรัชต์เขาพูดที่ไหน ผมก็บอกว่ารู้สึกว่าจะเป็นกองบัญชาการกองทัพ เขาก็บอกว่าผมต้องไปแจ้ง สน. ในพื้นที่ ผมก็บอกว่ามันไม่เกี่ยวกันมันเป็นอาญาแผ่นดิน ผมรับข่าวจากที่บ้านมันก็แจ้งที่ สน. พื้นที่บ้านผมได้ ไม่จำเป็นต้องไปแจ้ง สน. ที่เกิดเหตุ... เขาก็อ้างอีกว่าเนื้อหาอาจจะไม่เข้าข่าย ม.113 ผมก็ชี้แจงโดยเอาข่าวที่คุณวาสนา นาน่วมโพสต์ในเฟสบุ๊กไปยืนยันว่า เขาพาดหัวว่า ไม่รับประกันว่าจะไม่รัฐประหารอีก ตำรวจเขาก็ถามผมอีกว่าพออ่านดูแล้วคิดว่าผิดเหรอ ผมก็บอกเขาว่า ในเมื่อกฎหมาย ม.113 มันเขียนว่า ขู่เข็ญว่าจะใช้กำลังปะทุษร้าย อำนาจนิติบัญญัติ อำนาจบริหาร แบบนี้เขาก็ขู่ว่า ถ้าไม่เกิดเหตุการณ์จลาจลก็จะไม่ทำ มันก็เป็นลักษณะของการขู่เข็ญ” เอกชัยกล่าว

เอกชัย กล่าวต่อว่า พล.ต.ต.ธีระพงษ์ ยังระบุว่า เขาคิดไปเองว่าคำพูดของ พล.อ.อภิรัชต์ เป็นการขู่เข็ญว่าจะยึดอำนาจ เอกชัยจึงตอบว่า ตอนนี้คนทั่วไปก็ตีความสิ่งที่พล.อ.อภิรัชต์ พูดไปในทางเดียวกันว่า ถ้ามีความวุนวาย ก็จะมีการรัฐประหารอีก ซึ่งถือเป็นเรื่องที่แปลกประหลาด เพราะเป็นการพูดที่ทำให้การรัฐประหารเป็นเรื่องปกติ ทั้งที่การทำรัฐประหารเป็นความผิด เป็นอาญาแผ่นดิน จนที่สุดแล้วเจ้าหน้าที่ตำรวจได้รับแจ้งความ ทว่าหลังจากแจ้งความเสร็จเรียบร้อยแล้ว กลับมีเจ้าหน้าที่ซึ่งอ้างตัวว่ามาจากหน่วยงานความมั่นคงเข้ามาเชิญเอกชัยเข้าไปพูดคุยด้วย เนื่องจากต้องการข้อมูลเพิมเติ่ม

“ตอนแจ้งความเสร็จแล้วก็มีอีกสองคน อ้างว่าเป็นหน่วยงานความมั่นคง เขาไม่ยอมบอกสังกัดว่ามาจากไหน ผมก็เดาว่าน่าจะเป็นคนจาก คสช. เรียกผมไปสอบถามเพิ่มเติ่ม ตอนแรกก็คิดว่าจะมาถามเรื่องที่มาแจ้งความ แต่กลับมาถามอะไรเรื่อยเปื่อย ถามว่าบ้านอยู่ไหน ทำงานอะไร อายุเท่าไหร่ ถามแต่เรื่องส่วนตัว จนเรารำคาญ เราก็บอกทำไมถามแต่เรื่องส่วนตัว เราก็ไม่อยากจะคุยด้วยเท่าไหร่ เสียเวลาเปล่าๆ เพราะเราเสียเวลามาเยอะแล้วกว่าจะได้แจ้งความ ตำรวจก็พูดเองก็จะรับแจ้งความว่า คุณไม่รู้เหรอว่า เขา(พล.อ.อภิรัชต์) เป็นทหารจากสายใคร คุณไม่กลัวเหรอที่มาแจ้งความแบบนี้ ต้องระวังตัวนะ เราก็บอกว่ามันไม่เกี่ยวเลย เพราะถ้าผิดก็ว่าไปตามผิด สุดท้ายกว่าจะเสร็จก็ปาไปเกือบบ่ายสอง” เอกชัย กล่าว

ดูคำตอบ ผบ.ทบ.ในอดีต เมื่อถูกถามจะรัฐประหารหรือไม่? หลัง 'อภิรัชต์' ไม่รับประกัน

ผบ.ทอ. ชี้ไม่มีใครอยากรัฐประหาร ย้ำถ้าทุกคนอยู่ในกติกา จะไม่มีอะไรเกิดขึ้น

ผบ.ทสส.เชื่อไม่มีเหตุจลาจลอีก ชี้ 'ผบ.ทบ.-ผบ.ทอ.' พูดเป็นแผนเผชิญเหตุขั้นสุดท้าย

สำหรับการเข้าแจ้งความครั้งนี้ เอกชัยระบุว่า มีความคาดหวังในกระบวนการยุติธรรมอยู่บ้าง แต่ก็ไม่แน่ใจนักว่าจะหวังได้มากน้อยแค่ไหน สิ่งที่ทำไปนี้ทำไปเพราะต้องการสร้างบรรทัดฐานว่า การพูดในลักษณะที่ว่าการทำรัฐประหารเป็นเรื่องปกตินั้น ถือเป็นสิ่งที่ไม่ถูกต้องตามระบอบประชาธิปไตย

“มันเป็นความคิดผิดๆ ของพวกทหารที่มองว่ารัฐประหารมันทำได้ แต่ที่แย่ยิ่งกว่าความคิดของทหารคือ ความคิดของพวกนักการเมืองที่ทำได้แค่โต้ไปโต้มา พูดอยู่ได้ว่ารัฐประหารผิดกฎหมายอย่างนั้นอย่างนี้ แต่ก็ไม่เห็นออกมาทำอะไรกันเลย ตอนปี 49 ตอนปี 57 พอมีรัฐประหารขึ้นมาก็เงียบกริบแกนนำหายหมด นักการเมืองหายเรียบ แทนที่จะมาคิดว่าจะทำอย่างไรที่จะล้มล้าง ต่อสู้การรัฐประหาร แต่ก็ทำได้แค่สงครามน้ำลาย ไม่มีอะไรที่เป็นรูปธรรม พูดง่ายๆ มันเก่งแต่ปาก จนถึงวันนี้ก็มีคนออกมาขู่อีก เรารำคาญ คนเสื้อแดงเองก็เหมือนกัน แทนที่จะคิดหาวิธีว่าจะทำไงไม่ให้อภิรัชต์ทำรัฐประหาร อย่างที่ผมทำวันนี้ก็คือการออกมาแจ้งความ ทำไปตามกระบวนการ และถ้ามันเป็นไปตามกระบวนการเขาก็จะถูกดำเนินคดี มันก็อาจจะนำไปสู่การปลดออกจากตำแหน่ง นี่แหละเป็นวิธีหนึ่งที่จะป้องกัน แต่คนเสื้อแดงไม่มีอะไรเลยมีแต่สงครามน้ำลายไปวันๆ” เอกชัย กล่าว

วันเดียวกัน มติชนออนไลน์ รายงานด้วยว่า ผู้สื่อข่าว ได้สอบถามกรณีที่เอกชัย เข้าแจ้งความข้อหากบฎ กับพล.อ.อภิรัชต์ หลังเสร็จสิ้นการประชุมผู้นำเหล่าทัพที่กองบัญชาการกองทัพไทย โดยพล.อ.อภิรัชต์ ให้ความเห็นในเรื่องนี้สั้นๆ ว่า ก็ว่ากันไป และหลังจากเสร็จการสัมภาษณ์พล.อ.อภิรัชต์ ได้เดินเข้าไปไหว้ชื่อของ พล.อ.สุนทร คงสมพงษ์ ผู้เป็นพ่อ ซึ่งเคยดำรงตำแหน่งผู้บัญชาการทหารสูงสุด และหัวหน้าคณะรัฐประหารในปี 2535 หรือคณะรักษาความสงบเรียบร้อยแห่งชาติ(รสช.) ซึ่งติดอยู่บนผนังรายชื่อผู้เคยดำรงตำแหน่งผู้บัญชาการทหารสูงสุด นอกจากนี้ก่อนเข้าประชุม พล.อ.อภิรัชต์ ยังได้เดินเข้าไปดูรูป พล.อ.สุนทร ในห้องรับรองนเรศวรอีกด้วย

‘เอกชัย-โชคชัย-วรัญชัย’ รำลึก 12 ปี รหป.49 ขอ ผบ.ทบ.คนใหม่อย่าดูตัวอย่างเลวๆ แล้วทำรัฐประหารอีก

ผู้สื่อข่าวประชาไท รายงานเพิ่มเติ่มว่า เมื่อวันที่ 19 ก.ย. 2561 เอกชัย และโชคชัย ได้เดินทางไปบริเวณด้านหน้าทำเนียบรัฐบาล เพื่อทำกิจกรรมรำลึก 12 ปี รัฐประหารปี 2549 โดยในวันนั้นโชคชัยให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าวว่า อยากฝากถึงว่าที่ ผบ.ทบ. คนใหม่คือ พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ว่าเมื่อได้เป็น ผบ.ทบ.แล้วอยากได้คิดทำรัฐประหารอีก

“เมื่อท่านได้เป็น ผบ.ทบ. แล้วอย่านำตัวอย่างเลวๆ ของผบ.ทบ. คนก่อน มาทำรัฐประหารอีก ไม่ว่าจะเป็นพ่อของท่านเองพล.อ.สุนทร คงสมพงษ์ พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน และพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา สิ่งเหล่านี้คือตัวอย่างที่เลวสสำหรับคนเป็น ผบ.ทบ. เพราะการรัฐประหารไม่เคยแก้ไขปัญหาทางการเมืองได้” โชคชัย กล่าว

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net