Skip to main content
sharethis

ศาลนัดฟังคำสั่งว่าจะรับสำนวนคำฟ้องไว้เพื่อไต่สวนมูลฟ้องโจทก์หรือไม่ ในวันที่ 12 มิ.ย.นี้ เหตุ 'ครูแขก' ฟ้องกลับ 'ศรีวราห์และพวก' หลังศาลยกฟ้องคดีระเบิดสมานเมตตาแมนชั่น ด้าน 'ศรีวราห์' ฟ้องหมิ่นฯ กับ ทนายความทันที หลังให้ข่าวว่าจะไปฟ้องกลับ

6 มิ.ย.2561 หลังจากเมื่อวันที่ 28 พ.ค.ที่ผ่านมา อัมพร ใจก้อน หรือครูแขก อายุ 59 ปี ที่ศาลอุทธรณ์เพิ่งยกฟ้องคดีระเบิดสมานเมตตาแมนชั่นปี 53 ไปเมื่อไม่นานมานี้ พร้อมด้วย เบญจรัตน์ มีเทียน ทนายความของอัมพร เดินทางมาที่ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง ยื่นฟ้อง คณะตำรวจซึ่งเคยดำเนินคดี รวม 12 คน เป็นจำเลย ในความผิดฐานร่วมกันเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่หรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบฯ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 และข้อหาอื่นเกี่ยวกับความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการ ซึ่งศาลรับเอกสารคำฟ้องไว้สารบบคดีหมายเลขดำ อท.121/2561 เพื่อตรวจคำฟ้องว่าถูกต้องสมบูรณ์ตามกฎหมายแล้วหรือไม่ ซึ่งศาลนัดฟังคำสั่งว่าจะรับสำนวนคำฟ้องไว้เพื่อไต่สวนมูลฟ้องโจทก์หรือไม่ ในวันที่ 12 มิ.ย.นี้ เวลา 09.00 น.

เบญจรัตน์ กล่าวกับประชาไทด้วยว่า หลังจากที่ตนให้ข่าวไปวันที่ 24 พ.ค.61 ว่าจะไปฟ้อง พล.ต.อ.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (รอง ผบ.ตร.) เขาก็ไปแจ้งความ;ตนทันทีวันเดียวกันในข้อหาหมิ่นประมาทด้วยการโฆษณากับตน ที่ สน.คลองสาน

จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เบญจรัตน์ มองว่าเป็นการคุกคามข่มขู่โดยใช้กฎหมายนี้แจ้งความกลับ โดยการเล่นงานทนายความ ไม่ได้เล่นงานลูกความ เพื่อทำลายขวัญและกำลังใจของลูกความ 

สำหรับคดีของอัมพร หรือครูแขก 10 เม.ย.ที่ผ่านมา สำนักข่าวไทย รายงานว่า ศาลอ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์คดีที่พนักงานอัยการฝ่ายคดีพิเศษ 4 ฟ้องในความผิดฐานมีวัตถุระเบิดชนิดแสวงเครื่อง และกระสุนปืนไว้ในครอบครอง โดยไม่ได้รับอนุญาต โดยศาลอุทธรณ์ตรวจสำนวนประชุมปรึกษาหารือแล้วเห็นว่า พยานหลักฐานโจทก์ไม่ปรากฏว่าจำเลยกระทำความผิดตามฟ้อง ที่ศาลชั้นต้นพิพากษามานั้น ศาลอุทธรณ์เห็นพ้องด้วย พิพากษายืนยกฟ้อง
 
ส่วนศาลชั้นต้นพิพากษาเมื่อวันที่ 17 พ.ย.2559 พิพากษายกฟ้อง โดยให้เหตุผลว่าฝ่ายโจทก์มีนายตำรวจ 2 ราย เป็นพยานโจทก์เบิกความเกี่ยวกับข้อเท็จจริงว่า เมื่อช่วงปี 2553 ได้เกิดเหตุที่สมานเมตตาแมนชั่นและมีผู้เสียชีวิต โดยโจทก์มีเจ้าหน้าที่ตำรวจอีกนายเบิกความถึงการสอบสวน ด้วยการไปสังเกตการณ์ในที่เกิดเหตุ ขณะที่กองพิสูจน์หลักฐานเข้าตรวจ แต่โจทก์ไม่มีพยานที่รู้เห็นขณะเกิดเหตุ และก่อนเกิดเหตุการณ์ที่ไม่ได้เห็นจำเลยได้ร่วมนำวัตถุระเบิดไปไว้ในห้องเกิดเหตุ ซึ่งข้อเท็จจริงที่ได้จากผู้ดูแลอพาร์ทเมนท์ก็ระบุเพียงว่าได้ดูแลอาคารโกมลอพาร์ทเม้นท์ที่ให้เช่าเท่านั้น แต่ไม่ได้ดูแลอาคารสมานเมตตาแมนชั่น พยานโจทก์ที่นำสืบมาจึงไม่มีน้ำหนักให้รับฟังได้ ประกอบกับจำเลยให้การปฏิเสธมาโดยตลอด ข้อเท็จจริงจึงฟังไม่ได้ว่าจำเลยกระทำผิดจริงตามโจทก์ฟ้อง

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net