องค์กรฟอร์ตี้ฟายไรต์เรียกร้อง บ.ธรรมเกษตร จํากัด ถอนฟ้องข้อหาหมิ่นประมาทต่อ 14 คนงานข้ามชาติเมียนมาทันที หลังกลุ่มคนงานฟ้อง กสม.ปมละเมิดสิทธิ แนะทางการไทยควรลดการเอาผิด ทางอาญากับการหมิ่นประมาท
ภาพกลุ่มคนงานดังกล่าวเข้ายื่นหนังสือร้องเรียนต่อคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ เมื่อวันที่ 7 ก.ค.59
6 ก.พ.2561 องค์กรฟอร์ตี้ฟายไรต์ออกแถลงการณ์เรียกร้องบริษัท ธรรมเกษตร จํากัด ควรถอนฟ้องข้อหาหมิ่นประมาททางอาญาต่อคนงานข้ามชาติ 14 คนจากเมียนมาทันที และเสนอให้ทางการไทยควรลดการเอาผิด ทางอาญากับการหมิ่นประมาท ทั้งนี้ศาลแขวงดอนเมืองที่ กรุงเทพฯ มีกําหนดเริ่มพิจารณาในคดีนี้ตั้งแต่ วันพรุ่งนี้ (7 ก.พ.61) และคาดว่าจะใช้เวลาสามวัน หากศาลตัดสินว่ามีความผิดคนงานเหล่านี้อาจได้ รับโทษจําคุกไม่เกินหนึ่งปี
“ประเทศไทยควรคุ้มครองคนงานข้ามชาติและนักปกป้องสิทธิ ซึ้งออกมาร้องเรียนเกี่ยวกับการปฏิบัติมิชอบและให้ลดการเอาผิดทางอาญากับการหมิ่นประมาทโดยเร่งด่วน” เอมี สมิธ (Amy Smith) ผู้อํานวยการบริหารฟอร์ตี้ฟายไรต์ กล่าว พร้อมระบุว่า คดีลักษณะนี้เกิดขึ้นทั่วไปในประเทศไทย ถือเป็นสัญญาณบ่งบอกต้นทุนราคาแพงที่ผู้แจ้งข้อมูลและผู้บอกเล่าความจริงต้องจ่ายเพียงเพราะการใช้สิทธิของตน
ฟอร์ตี้ฟายไรต์อธิบายถึงที่มาของกรณีดังกล่าวว่า ในวันที่ 7 ก.ค.2559 คนงาน 14 คนยื่นจดหมายร้องเรียนต่อคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.) กล่าวหาว่า บริษัทธรรมเกษตร จํากัด บริษัทเลี้ยงไก่ของคนไทยใน จ.ลพบุรี ละเมิด พ.ร.บ.คุ้มครองแรงงาน โดยมีการจ่ายค่าแรงให้คนงานต่ำกว่าที่กฎหมายกำหนด ไม่มีการจ่ายค่าล่วงเวลาและมีการยึดเอกสารประจําตัวของพวกเขา รวมทั้งหนังสือเดินทาง ในวันที่ 6 ต.ค.2559 บริษัทธรรมเกษตร จํากัด แจ้งข้อหาหมิ่นประมาททางอาญาตามมาตรา 137 และ 326 ของประมวลกฎหมายอาญาต่อคนงาน 14 คน กล่าวหาว่าการร้องเรียนของพวกเขากับ กสม.ทำลายชื่อเสียงของ บริษัท คนงานทั้ง 14 คนซึ่งประกอบด้วยชาย 9 คนและหญิง 5 คน มีภูมิ ลําเนาอยู่ที่ภาคพะโค เมียนมา
สำหรับมาตรา 137 ของประมวลกฎหมายอาญากําหนดเป็นความผิดอาญาฐาน “แจ้งข้ อความอันเป็นเท็จแก่เจ้าพนักงาน” ซึ่ง “อาจทําให้ผู้อื่นหรือประชาชนเสียหาย” และกําหนดโทษจําคุกไม่ เกินหกเดือน และ/หรือปรับไม่เกินหนึ่งหมื่นบาท ในทํานองเดียวกัน มาตรา 326 กําหนดเป็นความผิดอาญาฐาน “ใส่ความ” ผู้อื่น “ต่อบุคคลที่สาม โดยประการที่น่าจะ ทําให้ ผู้อื่นนั้นเสีย ชื่อเสียง ถูกดูหมิ่นหรือถูกเกลียดชัง” และกําหนดโทษจําคุกไม่เกินหนึ่งปี และ/หรือ ปรับไม่เกินสองหมื่นบาทหรือทั้งจําทั้งปรับ
ในวันที่ 19 ก.ย.2560 ภาคประชาสังคม กลุ่มธุรกิจ และสมาชิกรัฐสภา 87 คนและกลุ่ม ได้ ยื่นจดหมายร่วมถึง นายกรัฐมนตรี กระตุ้นให้ทางการคุ้มครองสิทธิที่จะมีเสรีภาพในการแสดงออกของคนงานและนักเคลื่อนไหวด้านแรงงาน และประกันให้มีการคุ้มครองสิทธิด้านแรงงาน
“รัฐบาลและภาคธุรกิจมีความรับผิดชอบต้องเคารพและคุ้มครองสิทธิมนุษยชน ทั้งนี้รวมถึงหน้าที่ในการสอบสวนข้อกล่าวหาว่ามีการละเมิดสิทธิมนุษยชน” เอมี สมิธกล่าว และเสนอด้วยว่า ทางการควรยุติอุปสรรคขัดขวางที่ไม่เป็นธรรมนี้และประกันให้คนงานได้รับความยุติธรรม
นอกจากนี้แถลงขององค์กรฟอร์ตี้ฟายไรต์ ยังระบุด้วยว่า ในวันที่ 4 พ.ย. 2559 บริษัท ธรรมเกษตร จํากัดยังฟ้องคดี ต่ออานดี้ ฮอลล์ (Andy Hall) นักปกป้องสิทธิมนุษยชนชาวอังกฤษ โดยกล่าวหาว่าเขาได้ทําความผิดฐานหมิ่นประมาททางอาญา และละเมิด พ.ร.บ.ว่าด้ วยการกระทําความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ.2550 เนื่องจากการใช้ โซเชียลมีเดียเรียกร้องให้เกิดความเป็นธรรมและให้มีการชดเชยอย่างเพียงพอต่อคนงานข้ามชาติ 14 คน โดยศาลอาญากรุงเทพใต้มีกําหนดนัดพร้อมในวันที่ 4 มิ.ย.นี้
ในวันที่ 24 ต.ค. 2560 บริษัทธรรมเกษตร จํากัด ยังได้แจ้งข้อหาลักทรัพย์ต่อคนงานสองคนคือ ยินยินและโซยาง และสุธาสินี แก้วเหล็กไหล ผู้ประสานงานโครงการของเครือข่ายเพื่อสิทธิแรงงานข้ามชาติ (MWRN) ซึ่งเป็นหน่วยงานที่มีฐานสมาชิกและทํางานกับคนงานข้ามชาติจากเมียนมาที่อาศัยและทํางานในประเทศไทยโดย บริษัท ธรรมเกษตร จํากัด ฟ้องคดีกับศาลจังหวัดลพบุรี กล่าวหาว่าคนงานข้ามชาติและเจ้าหน้าที่ MWRN “ลักทรัพย์” โดยเป็นบัตรตอกลงเวลาของคนงาน หลังจาก คนงานได้ แสดงบัตรดังกล่าวให้ กับเจ้าพนักงานตรวจแรงงานจากสํานักงานสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน จังหวัดลพบุรีดูเพื่อเป็นหลักฐานสนับสนุนข้อร้องเรียนว่าต้ องทํางานติดต่อกันเป็นเวลานาน ศาลจังหวัดลพบุรีจะเริ่มไต่สวนมูลฟ้องในวันที่ 19 ก.พ. 2561 เพื่อพิจารณาว่าจะรับฟ้องคดีหรือไม่
ฟอร์ตี้ฟายไรต์ อธิบายว่า สิทธิที่จะมีเสรีภาพในการแสดงออกได้ รับการคุ้มมครองตามข้อ 19 ของกติการะหว่างประเทศว่าด้วยสิทธิพลเมืองและสิทธิทางการเมือง (International Covenant on Civil and Political Rights-ICCPR) ซึ่งไทยเป็นรัฐภาคี ตามกฎหมายระหว่างประเทศ การจํากัดเสรีภาพในการแสดงออกอาจกระทําได้เมื่อมีการกํ าหนดเป็นการเฉพาะในกฎหมาย เมื่อได้สัดส่วน และเมื่อจําเป็นเพื่อบรรลุเป้าประสงค์ที่ชอบธรรม โทษอาญาสําหรับการหมิ่นประมาทซึ่งรวมถึงโทษจําคุกถื อเป็นการลงโทษที่ไม่ได้ สัดส่วน ซึ่งละเมิดสิทธิที่จะมี เสรีภาพในการแสดงออก
ในวันที่ 31 พ.ค.2560 ทางการไทยและภาคธุรกิจแสดงพันธกิจที่จะดําเนินการตามหลักการชี้นําแห่ง สหประชาชาติว่าด้วยธุรกิจและสิทธิมนุษยชน หรือ หลักการชี้นำ (U.N. Guiding Principles on Business and Human Rights) โดยในบรรดาพันธกรณีข้อต่างๆ หลักการชี้นํากําหนดให้รัฐควร“คุ้มครองไม่ให้เกิดการปฏิบัติมิชอบด้านสิทธิมนุษยชน ในเขตแดนและ/หรือเขตอํานาจศาลของบุคคลที่สาม รวมทั้งในหน่วยงานธุรกิจ” และประกันว่า “จะไม่มีการขัดขวางการปฏิบัติหน้าที่ที่ชอบธรรมด้วยความสงบของนักปกป้องสิทธิมนุษยชน”
คณะทํางานแห่งสหประชาชาติว่าด้วยประเด็นสิทธิมนุษยชนและบรรษัทข้ามชาติและหน่วยงานธุรกิจอื่นๆ (คณะทํางานฯ) ซึ่งเป็นกลุ่มของผู้เชี่ยวชาญอิสระจะเดินทางมาเยือนประเทศไทยอย่างเป็นทางการระหว่างเดือน มี.ค. และ เม.ย. 2561 เพื่อประเมิ นการดําเนินงานของประเทศไทยตามหลักการชี้นํา คณะทํางานฯจะนําเสนอข้อสรุปของ คณะทํางานฯ ในที่ประชุมของคณะมนตรีสิทธิมนุษยชนหลังจากเสร็จภารกิจการเยือน
บริษัท ธรรมเกษตร จํากัด ควรถอนฟ้องข้อหาหมิ่นประมาททางอาญาต่อคนงานข้ามชาติ 14 คน และอานดี้ ฮอลล์ และข้อหาลักทรัพย์ต่อยินยิน โซยาง และสุธาสินี แก้ วเหล็กไหล โดยทันที ฟอร์ตี้ฟายไรต์ กล่าว พร้อมเสนอในรัฐบาลไทยยังควรลดการเอาผิดทางอาญากับการหมิ่นประมาทโดยทันที เพื่อแก้ไขให้กฎหมายไทยสอดคล้องกับกฎหมายและมาตรฐานระหว่างประเทศ
“ในฐานะผู้หญิงและนักเคลื่อนไหวด้านสิทธิแรงงาน ดิฉันคิดว่าถ้ารัฐบาลไทยยังคงปล่อยให้ ภาคธุรกิจฟ้องคดีอาญากับคนงาน จะทําให้แรงงานจะไม่กล้าพูดถึงความจริงในการถูกละเมิดสิทธิแรงงาน” สุธาสินี แก้วเหล็กไหล ผู้ประสานงาน เครือข่ายเพื่อสิทธิแรงงานข้ามชาติ (MWRN) กล่าว พร้อมย้ำด้วยว่า “ถ้าแรงงานไม่สามารถพูดความจริงได้ จะไม่สามารถปกป้องสิทธิของตนเองได้”
ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)