หลัง 'เจรจาข้อตกลง-เจรจาพิพาทแรงงาน' มาราธอนตั้งแต่เดือน ส.ค. 2558 ได้ข้อตกลงร่วมส่วนใหญ่แล้ว ส่วนข้อตกลงข้อสำคัญที่เป็นตัวเงินตั้งคนนอกเป็นคณะผู้ชี้ขาด รอกระทรวงแรงงานประสานวันชี้ขาดอีกครั้งหนึ่ง
19 เม.ย. 2559 สืบเนื่องมาจากการที่สหภาพแรงงานธนาคารกรุงเทพได้ยื่นข้อเรียกร้องเปลี่ยนแปลงสภาพการจ้างประจำปี 2558 ต่อธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) ตั้งแต่เดือน ส.ค. 2558 ซึ่งได้มีการเจรจาระหว่าง 2 ฝ่ายมาถึง 17 ครั้ง และต่อมาสหภาพแรงงานธนาคารกรุงเทพได้ทำหนังสือขอแจ้งพิพาทแรงงานต่อพนักงานประนอมข้อพิพาทแรงงาน และกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) เมื่อวันที่ 24 มี.ค. 2559 จากนั้นจึงได้มีการเจรจาข้อพิพาทแรงงานซึ่งเป็นการเจรจา 3 ฝ่ายประกอบไปด้วยสหภาพแรงงาน, ผู้แทนธนาคารกรุงเทพ และกระทรวงแรงงาน โดยมีการเจรจาข้อพิพาทแรงงานมาอย่างต่อเนื่องจนถึงวันที่ 18 เม.ย. 2559 ที่ผ่านมา ซึ่งทางสหภาพแรงงานกรุงเทพได้เปิดเผยว่าสหภาพและธนาคารกรุงเทพได้ข้อตกลงเบื้องต้นแล้ว
ทั้งนี้ข้อตกลงระหว่างธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) กับ สหภาพแรงงานธนาคารกรุงเทพ (ทำขึ้นตั้งแต่วันที่ 5 ส.ค. 2558 - 18 เม.ย. 2559) ระบุว่า ข้อ 1.) ทั้งสองฝ่ายตกลงตั้งคณะผู้ชี้ขาดโดยสมัครใจ 3 คน ประกอบด้วย นายปฐม เพชรมณี รองอธิบดีกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน นายบดินทร์ อูนากูล และนายชาลี ลอยสูง เป็นผู้พิจารณาชี้ขาดข้อเรียกร้องของสหภาพแรงงานกรุงเทพ ข้อ 1 ข้อ 3 และข้อ 5 ประจำปี 2558 (ข้อ 1. ขอให้ธนาคารจ่ายโบนัสให้แก่พนักงานทุกคนทุกระดับชั้น ปีละ 5 เท่าของเงินเดือน บวกด้วยเงินเพิ่มพิเศษคนละ 30,000 บาท โดยแบ่งจ่ายเป็น 2 งวดเท่า เท่ากันภายในเดือนมิถุนายนและธันวาคมในแต่ละปี และพิจารณาโบนัสพิเศษเพิ่มเติมให้กับพนักงานตามผลกำไรสุทธิของธนาคารที่มีอัตราเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องหลายปีที่ผ่านมา ทั้งนี้มีผลตั้งแต่งวดมกราคม-มิถุนายน 2558 เป็นต้นไป, ข้อ 3. ขอให้ธนาคารพิจารณาปรับขึ้นเงินเดือนให้กับพนักงานทุกคนในปีที่เกษียณอายุเป็นกรณีพิเศษ โดยปรับเพิ่มขึ้นตั้งแต่ในเกณฑ์มาตรฐานขึ้นไป เพื่อเป็นประโยชน์กับพนักงานที่เกษียณอายุในการคำนวณเงินชดเชยตามที่กฎหมายกำหนด, ข้อ 5. ขอให้ธนาคารจ่ายเงินสมทบเข้ากองทุนสำรองเลี้ยงชีพพนักงานธนาคารกรุงเทพ จำกัด ซึ่งจดทะเบียนแล้วให้กับพนักงานทุกคนทุกระดับในอัตราร้อยละ 15 ของเงินเดือนอัตราเดียวเท่ากันทุกคน รวมทั้งพนักงานที่ลาออกจากสมาชิกกองทุนฯ และสมัครกลับเข้ามาเป็นสมาชิกกองทุนฯ ใหม่) โดยการพิจารณาข้อชี้ขาดข้อเรียกร้องดังกล่าวใช้มติเสียงข้างมาก คำชี้ขาดให้มีผลตั้งแต่วันที่ชี้ขาดและผูกพันทั้งสองฝ่าย คณะผู้ชี้ขาดมีคำวินิจฉัยชี้ขาดอย่างไร ให้มีผลเป็นยุติ จะไม่มีการนำคำชี้ขาดไปฟ้องร้องคณะผู้ชี้ขาดไม่ว่ากรณีใด ๆ ทั้งสิ้น (ซึ่งจะมีการชี้ขาดในวันใดนั้นทางกระทรวงแรงงานจะเป็นผู้ประสานงานแจ้งให้ทราบอีกครั้งหนึ่ง)
ข้อ 2.) สำหรับข้อเรียกร้องประจำปี 2558 ข้อ 2 นั้น ทั้งสองฝ่ายตกลงตามประกาศของธนาคาร เรื่อง การจ่ายเงินช่วยเหลือพิเศษเฉพาะกาลจำนวน 200,000 บาท สำหรับพนักงานที่เข้าทำงานก่อนวันที่มีการจดทะเบียนจัดตั้งกองทุนสำรองเลี้ยงชีพพนักงานกรุงเทพ จำกัด ซึ่งจดทะเบียนแล้ว (ก่อนวันที่ 1 ม.ค. 2532) และเกษียณอายุในวันที่ 31 ธ.ค. 2558 แล้ว ทั้งนี้เพื่อดูแลและให้ความช่วยเหลือพนักงานผู้เกษียณอายุดังกล่าวเป็นกรณีพิเศษ
ข้อ 3.) สหภาพแรงงานธนาคารกรุงเทพขอถอนข้อเรียกร้องประจำปี 2558 ข้อ 6
ข้อ 4.) สำหรับข้อเรียกร้องประจำปี 2558 ข้อ 7 นั้น ธนาคารตกลงให้พนักงานสามารถยื่นคำขอกู้เงินฉุกเฉินได้ ภายใต้หลักเกณฑ์และเงื่อนไขที่เป็นสาระสำคัญ ดังนี้ (1) วงเงินกู้ไม่เกิน 50,000 บาท (2) ดอกเบี้ย MLR ตามประกาศของธนาคาร 0.25% ต่อปี (3) ไม่มีหลักประกัน (4) ชำระคืนเงินกู้ให้ครบถ้วนภายในระยะเวลาไม่เกิน 3 ปี (5) กู้ได้สูงสุดไม่เกิน 3 ครั้ง สำหรับหลักเกณฑ์และเงื่อนไขอื่น ๆ ให้เป็นไปตามคำสั่งระเบียบของธนาคารที่เกี่ยวข้องกับสวัสดิการเงินกู้ทั่วไป ทั้งนี้พนักงานสามารถยื่นคำขอกู้ฉุกเฉินได้ตั้งแต่วันที่ 1 ก.ค. 2559 เป็นต้นไป
ข้อ 5.) สำหรับข้อเรียกร้องประจำปี 2558 ข้อ 8 ในประเด็นเรื่องเงินค่าเสี่ยงของเจ้าหน้าอำนวยบริการ เจ้าหน้าที่การตลาด พนักงานการเงิน พนักงานโอนเงินต่างประเทศที่ทำหน้าที่แลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศนั้น ธนาคารรับไว้พิจารณาและจะแจ้งผลการพิจารณาให้สหภาพแรงงานทราบภายในเดือน มิ.ย. 2559
ข้อ 6.) สำหรับข้อเรียกร้องประจำปี 2558 ข้อ 9 นั้น ธนาคารตกลงและจะจ่ายเงินช่วยเหลือพิเศษให้แก่พนักงานที่ปฏิบัติงานในสำนักงานแลกเปลี่ยนเงินต่างประเทศ (Booth) นอกสถานที่ซึ่งเปิดให้บริการ 7 วัน และใช้ตารางการทำงานซึ่งธนาคารกำหนดขึ้นโดยใช้สูตรการทำงาน 4 วันหยุด 2 วัน ในอัตรา 3,500 บาทต่อเดือนแล้วเมื่อวันที่ 26 ก.พ. 2559
ข้อ 7.) สำหรับข้อเรียกร้องประจำปี 2558 ข้อ 10 นั้น ธนาคารตกลงปรับปรุงหลักเกณฑ์การกู้ศึกษาบุตรประจำปี 2559 เป็นอัตราเงินกู้ตามที่ระบุไว้ในระเบียบเงินกู้การศึกษาบุตร โดยวงเงินกู้สูงสุดจะต้องไม่เกิน 1.5 เท่าของเงินเดือน หลักเกณฑ์และเงื่อนไขอื่น ๆ ให้เป็นไปตามคำสั่งระเบียบของธนาคารที่เกี่ยวข้อง
ข้อ 8.) สำหรับข้อเรียกร้องประจำปี 2558 ข้อ 11 นั้น ธนาคารได้ดูแลให้ความช่วยเหลือพนักงานที่ปฏิบัติงานในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้และ 3 อำเภอใน จ.สงขลา โดยธนาคารได้จ่ายเงินบำรุงขวัญให้แก่พนักงานดังกล่าวในอัตรา 6,000 บาทต่อเดือนแล้ว
ข้อ 9.) สำหรับข้อเรียกร้องประจำปีข้อ 12 นั้น พนักงานที่ประสบอุบัติเหตุเจ็บป่วย สามารถเบิกค่ารักษาพยาบาลได้ตามหลักเกณฑ์และเงื่อนไขที่กำหนดไว้ในคำสั่งระเบียบงานของธนาคาร ทั้งนี้พนักงานที่ต้องรักษาตัวในโรงพยาบาลแต่ไม่สามารถทดรองจ่ายค่ารักษาพยาบาลไปก่อนได้ ธนาคารจะให้ความช่วยเหลือพนักงานดังกล่าวโดยออกหนังสือส่งตัวไปยังโรงพยาบาลที่พนักงานเข้ารับการรักษาเพื่อดูแลมิให้พนักงานต้องรับภาระค่าใช้จ่ายจนเกินควร ในกรณีที่พนักงานเสียชีวิต เจ็บป่วย หรือทุพพลภาพ จนเป็นเหตุให้ไม่สามารถปฏิบัติงานให้แก่ธนาคารต่อไปได้ ธนาคารได้ให้ความช่วยเหลือโดยจ่ายเงินสงเคราะห์ครอบครัวให้แก่ทายาทของพนักงานดังกล่าว หรือ พนักงานแล้วแต่กรณี ตามหลักเกณฑ์และเงื่อนไขที่กำหนดไว้ในคำสั่งระเบียบงานของธนาคารที่เกี่ยวข้อง
ข้อ 10.) สำหรับข้อเรียกร้องประจำปี 2558 ข้อ 13 นั้น พนักงานสามารถเบิกจ่ายค่ารักษาพยาบาลจากธนาคารได้ ตามหลักเกณฑ์และเงื่อนไขที่กำหนดไว้ในคำสั่งระเบียบงานของธนาคาร ทั้งนี้ธนาคารได้กำหนดหลักเกณฑ์ไว้ว่าหากมีการเบิกค่ารักษาพยาบาลมายังบริการสุขภาพ และบริการสุขภาพได้รับเอกสารประกอบการเบิกถูกต้องครบถ้วน พนักงานจะได้รับเงินค่ารักษาพยาบาลภายใน 10 วันทำการ
ข้อ 11.) สำหรับข้อเรียกร้องประจำปี 2558 ข้อ 14 นั้น ในปี 2559 ธนาคารตกลงจัดเครื่องแบบและเนคไทให้แก่พนักงาน ดังนี้ (1) พนักงานหญิง ให้เครื่องแบบครบทุกชุดทุกคนแก่พนักงานที่สังกัดสำนักงานใหญ่ (ไม่รวมสาขาสำนักงานใหญ่สีลม) คนละ 1 ชุด ได้แก่ เสื้อสูท 1 ตัว เสื้อเชิ๊ต 1 ตัว และกระโปรง 1 ตัว ในกรณีที่เป็นพนักงานสาขาที่เปิดให้บริการ 5 วัน ให้เสื้อสูท 1 ตัว เสื้อเชิ้ต 2 ตัว และกระโปรง 2 ตัว ในกรณีที่เป็นพนักงานสาขาที่เปิดให้บริการลูกค้า 7 วัน และสาขาสำนักงานใหญ่สีลม ให้เสื้อสูท 1 ตัว เสื้อเชิ้ต 3 ตัว และกระโปรง 3 ตัว (2) พนักงานชาย ให้เนคไททุกคน คนละ 2 เส้น อย่างไรก็ตามพนักงานใหม่ที่ธนาคารบรรจุตั้งแต่ 1 ม.ค. 2559 ไม่สามารถเบิกเครื่องแบบตามหลักเกณฑ์ดังกล่าวขั้นต้นได้ ทั้งนี้ธนาคารขอความร่วมมือพนักงานแต่งกายเครื่องแบบธนาคารในวันจันทร์ และวันพฤหัสบดี เว้นแต่สาชาที่เปิดให้บริการลูกค้า 7 วัน และสาขาสำนักงานใหญ่สีลม การขอความร่วมมือในการแต่งกายให้เป็นไปตามที่เคยปฏิบัติกันอยู่ หากหน่วยงาน/สาขาใดต้องการให้พนักงานแต่งกายเครื่องแบบธนาคารเกินกว่าหลักเกณฑ์ดังกล่าวข้างต้น ทำให้พนักงานต้องจัดหาเครื่องแบบเพิ่มเติม ให้หน่วยงาน/สาขานั้น ๆ นำเสนอขออนุมัติจ่ายเครื่องแบบให้พนักงานเพิ่มเติมเป็นกรณีไป
ข้อ 12.) สำหรับข้อเรียกร้องประจำปี 2558 ข้อ 15 นั้น ธนาคารตกลงจัดประชุมร่วมกันระหว่างธนาคารกับสหภาพแรงงานไตรมาสละ 1 ครั้ง เพื่อหารือแก้ไขปัญหาแรงงานสัมพันธ์และสร้างสรรค์แรงงานสัมพันธ์ที่ดีในองค์กร
ทั้งนี้ทั้งสองฝ่ายตกลงกันว่า คำสั่ง ระเบียบงาน ข้อบังคับการทำงาน ประกาศและคำสั่งต่าง ๆ ที่ให้สิทธิประโยชน์แก่พนักงานสมาชิกสหภาพแรงงานตามมาตรา 98 แห่ง พ.ร.บ. แรงงานสัมพันธ์ พ.ศ. 2518 ข้อตกลงร่วมที่มีอยู่ก่อนหน้าฉบับนี้ทุกฉบับเฉพาะส่วนที่ไม่ขัดหรือแย้งกับข้อตกลงร่วมฉบับนี้ให้คงมีผลบังคับต่อไปและธนาคารมีสิทธิที่จะปรับปรุง แก้ไข หรือเพิ่มเติม คำสั่งระเบียบงาน ข้อบังคับการทำงาน ประกาศ และคำสั่งต่าง ๆ ได้ แต่ต้องไม่ขัด หรือ แย้งกับข้อตกลงสภาพการจ้างที่มีอยู่เดิม โดยข้อตกลงใดที่กำหนดวันเริ่มบังคับใช้ให้เป็นไปตามนั้น ส่วนข้อตกลงที่มิได้กำหนดวันที่เริ่มใช้บังคับไว้ให้มีผลใช้บังคับตั้งแต่วันที่ 10 ก.ย. 2558 เป็นต้นไป
อนึ่งเมื่อเดือนมกราคม 2559 ที่ผ่านมาธนาคารกรุงเทพกรุงเทพได้เปิดเผยถึงผลประกอบการ โดยระบุว่าธนาคารกรุงเทพและบริษัทย่อยมีกำไรสุทธิสำหรับปี 2558 จำนวน 34,181 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 5.9 เมื่อเทียบกับปี 2557 โดยมีรายได้รวมจากการดำเนินงานจำนวน 102,729 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 6.1 และมีค่าใช้จ่ายจากการดำเนินงานจำนวน 45,045 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 4.5
ทั้งนี้ในการเจรจายื่นข้อเรียกร้องเปลี่ยนแปลงสภาพการจ้างประจำปี 2558 ทางสหภาพแรงงานธนาคารกรุงเทพได้ยื่นข้อเรียกร้อง 15 ข้อ โดยมีรายละเอียดดังนี้
1. ขอให้ธนาคารจ่ายโบนัสให้แก่พนักงานทุกคนทุกระดับชั้น ปีละ 5 เท่าของเงินเดือน บวกด้วยเงินเพิ่มพิเศษคนละ 30,000 บาท โดยแบ่งจ่ายเป็น 2 งวดเท่า เท่ากันภายในเดือนมิถุนายนและธันวาคมในแต่ละปี และพิจารณาโบนัสพิเศษเพิ่มเติมให้กับพนักงานตามผลกำไรสุทธิของธนาคารที่มีอัตราเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องหลายปีที่ผ่านมา ทั้งนี้มีผลตั้งแต่งวดมกราคม-มิถุนายน 2558 เป็นต้นไป
2. ขอให้ธนาคารกำหนดหลักเกณฑ์จ่ายเงินช่วยเหลือแก่พนักงานที่ทำงานกับธนาคารจนเกษียณอายุ สำหรับพนักงานที่เข้าทำงานกับธนาคารก่อนปี 2532 (ก่อนก่อตั้งกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ) ในอัตราคนละ 500,000 บาท หรืออายุงานคูณเงินเดือนเดือนสุดท้าย
3. ขอให้ธนาคารพิจารณาปรับขึ้นเงินเดือนให้กับพนักงานทุกคนในปีที่เกษียณอายุเป็นกรณีพิเศษ โดยปรับเพิ่มขึ้นตั้งแต่ในเกณฑ์มาตรฐานขึ้นไป เพื่อเป็นประโยชน์กับพนักงานที่เกษียณอายุในการคำนวณเงินชดเชยตามที่กฎหมายกำหนด
4. ขอให้ธนาคารจ่ายเงินช่วยเหลือค่าครองชีพให้กับพนักงานทุกคน ในอัตรา 3,500 บาท ต่อคน/ต่อเดือน
5. ขอให้ธนาคารจ่ายเงินสมทบเข้ากองทุนสำรองเลี้ยงชีพพนักงานธนาคารกรุงเทพ จำกัด ซึ่งจดทะเบียนแล้วให้กับพนักงานทุกคนทุกระดับในอัตราร้อยละ 15 ของเงินเดือนอัตราเดียวเท่ากันทุกคน รวมทั้งพนักงานที่ลาออกจากสมาชิกกองทุนฯ และสมัครกลับเข้ามาเป็นสมาชิกกองทุนฯ ใหม่
6. ขอให้ธนาคารนำเงินที่มีอยู่ในกองทุนสำรองเลี้ยงชีพของพนักงานเป็นหลักประกันในการกู้เงินสวัสดิการพนักงานได้ ทั้งนี้อยู่ภายใต้หลักเกณฑ์เงื่อนไขและวงเงินตามที่ธนาคารกำหนด
7. ขอให้ธนาคารจัดให้มีวงเงินกู้สวัสดิการพนักงาน เป็นสินเชื่อหมุนเวียนเอนกประสงค์ในวงเงิน 5 เท่าของเงินเดือน โดยไม่ต้องมีหลักประกัน
8. ขอให้ธนาคารจ่ายเงินค่าเสี่ยงให้กับพนักงานที่มีหน้าที่เกี่ยวกับการรับ-จ่ายหรือรับแลกเปลี่ยนเงิน เช่น CSO, FRO, MO, CPO หรือพนักงานที่ปฏิบัติงานในลักษณะเดียวกันภายในเดือนมีนาคมของทุกปี ในอัตรา 3,500 บาท/คน/ปี
9. ขอให้ธนาคารจ่ายเงินช่วยเหลือพิเศษให้กับพนักงานที่ปฏิบัติงานใน สาขา/หน่วยงาน ที่เปิดให้บริการลูกค้า 7 วัน หรือสาขาที่เปิดทำการในลักษณะเดียวกัน หรือพนักงานที่ต้องปฏิบัติงานในลักษณะเดียวกันในอัตราคนละ 5,000 บาท/คน/เดือน
10. ขอให้ธนาคารจ่ายเงินช่วยเหลือพนักงานทุกคนในด้านการศึกษาของบุตรที่กำลังศึกษาเป็นประจำทุกปี ตั้งแต่ระดับก่อนอนุบาลจนถึงระดับปริญญาตรี เฉพาะค่าบำรุงการศึกษาและค่าบำรุงอื่นที่เกี่ยวกับการศึกษา ตามจำนวนที่จ่ายจริงแต่ไม่เกินอัตราที่ทางราชการกำหนดของแต่ละสถานศึกษาดังนี้
ระดับการศึกษา
|
เงินช่วยเหลือไม่เกินปีละ
|
ก่อนอนุบาล
|
6,000 บาท
|
อนุบาล-ประถมปีที่ 6
|
9,900 บาท
|
มัธยมปีที่ 1-มัธยมปีที่ 3
|
11,000 บาท
|
มัธยมปีที่ 4-มัธยมปีที่ 6
|
12,000 บาท
|
ประกาศนียบัตรวิชาชีพ (ปวช.)
|
15,000 บาท
|
ประกาศนียบัตรวิชาชีพชั้นสูง (ปวส.) , วิชาชีพเทคนิค (ปวท.)
|
25,000 บาท
|
ปริญญาตรี
|
30,000 บาท
|
11. ขอให้ธนาคารพิจารณาจ่ายค่าเสี่ยงภัยให้กับพนักงานที่ต้องออกไปปฏิบัติหน้าที่ในพื้นที่เสี่ยงภัยให้ได้รับเงินค่าเสี่ยงภัยในอัตราที่เป็นมาตรฐานเดียวกัน คนละ 7,000 บาท/คน/เดือน ทุกตำแหน่ง ทุกพื้นที่ที่มีความเสี่ยงสูง
12. ขอให้ธนาคารซื้อกรมธรรม์ประกันอุบัติเหตุให้กับพนักงานทุกคนและสามารถเบิกเงินค่าทดแทนการประสบอุบัติเหตุ
13. ขอให้ธนาคารปรับอัตราเทียบสิทธิค่ารักษาพยาบาลจากอัตราเดิม 700 บาท เป็น 1,500 บาท โดยพนักงานสามารถเบิกจ่ายได้ที่ต้นสังกัด
14. ขอให้ธนาคารจ่ายเงินค่าเครื่องแบบให้กับพนักงานชายหญิงคนละ 3 ชุด ต่อคน/ต่อปี
15. ขอให้ธนาคารจัดให้มีการประชุมร่วมระหว่างกรรมการสหภาพแรงงานธนาคารกรุงเทพกับผู้บริหารหรือตัวแทนผู้บริหารของธนาคาร อย่างน้อยเดือนละ 1 ครั้ง เพื่อปรึกษาหารือร่วมกันในประเด็นปัญหาต่าง ๆ และเป็นการสร้างสรรค์แรงงานสัมพันธ์ที่ดีในสถานประกอบการ
เรื่องที่เกี่ยวข้อง: