Skip to main content
sharethis

คณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญแก้ที่มานายกฯ คนนอกกำหนดต้องใช้ 2 ใน 3 ของ ส.ส. พร้อมปรับที่มา ส.ว. กำหนดให้มี 3 กลุ่ม เลือกตั้ง-เลือกกันเอง-สรรหา


1 เม.ย. 2558 เว็บสถานีวิทยุกระจายเสียงและวิทยุโทรทัศน์รัฐสภา รายงานว่า  พล.อ.เลิศรัตน์ รัตนวานิช โฆษกคณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ แถลงผลพิจารณาทบทวนร่างรัฐธรรมนูญ ว่า ในการประชุมคณะกรรมาธิการฯ ได้พิจารณาปรับแก้ไข 2 ประเด็นหลักคือที่มานายกรัฐมนตรี และที่มาสมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.)

โดยเรื่องที่มานายกรัฐมนตรี ในมาตรา 182 ที่จากเดิมจะใช้เสียงของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) เกินกึ่งหนึ่งของจำนวนสมาชิกสภาที่มีอยู่ทั้งหมด กรรมาธิการมีมติให้เปลี่ยนเป็นสองกรณี คือหากผู้ได้รับเลือกเป็นนายกรัฐมนตรีที่มาจาก ส.ส.แล้ว จะใช้เสียงเกินกึ่งหนึ่งของจำนวนสมาชิกสภาที่มีอยู่ทั้งหมด แต่หากเป็นนายกรัฐมนตรีที่มาจากบุคคลภายนอก จะต้องใช้เสียง 2 ใน 3 ของจำนวนสมาชิกสภาที่มีอยู่ทั้งหมด ซึ่งสาเหตุของการปรับแก้ไขเพื่อต้องการเปิดช่องในยามวิกฤติที่สภาต้องการคนนอกมาทำหน้าที่ เช่น ในเหตุการณ์ก่อนวันที่ 22 พ.ค.57 ที่บ้านเมืองไม่มีทางออกจนนำมาสู่การรัฐประหาร

พล.อ.เลิศรัตน์ กล่าวถึงเรื่องที่มา ส.ว. ตามมาตรา 121 ว่า ที่ประชุมได้มีการปรับแก้ไขที่มา ส.ว.โดยกำหนดให้ วุฒิสภามี 200 คน มาจาก 3 กลุ่ม ดังนี้ กลุ่มแรก มาจากการเลือกตั้ง 77 จังหวัด จังหวัดละ 1 คน โดยจะมีการตั้งคณะกรรมการสรรหาเพื่อมาตรวจสอบคุณสมบัติผู้สมัครในแต่ละด้านและคัดให้เหลือผู้สมัคร 10 คน จาก 10 ด้าน เพื่อให้ประชาชนเลือกตั้งจังหวัดละ 1 คน โดยรายละเอียดคณะกรรมการและคุณสมบัติของผู้สมัครจะบัญญัติในกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญที่จะพิจารณาในสัปดาห์หน้า

กลุ่มที่สอง มาจากการเลือกตั้งกันเอง จำนวน 65 คน  คือ อดีตข้าราชการพลเรือน ซึ่งดำรงตำแหน่งปลัดกระทรวงหรือเทียบเท่า ซึ่งเป็นตำแหน่งบริหารจำนวนไม่เกิน 10 คน  ข้าราชการฝ่ายทหารที่ดำรงตำแหน่งปลัดกระทรวงกลาโหม ผู้บัญชาการทหารสูงสุดหรือผู้บัญชาการเหล่าทัพที่เลือกตั้งกันเองในแต่ละประเภท จำนวนไม่เกิน 10 คน  ผู้แทนสภาวิชาชีพ องค์กรวิชาชีพ หรืออาชีพที่มีกฎหมายจัดตั้งไม่เกิน 15 คน และจากการเลือกตั้งกันเองของผู้แทนองค์กรด้านเกษตร ด้านแรงงาน ด้านวิชาการ ด้านชุมชนและท้องถิ่น จำนวนไม่เกิน 30 คน

ส่วนกลุ่มที่สาม คือการสรรหาจากผู้ทรงคุณวุฒิ จำนวน 58 คน ประกอบด้วย ผู้ทรงคุณวุฒิและคุณธรรมด้านการเมือง ความมั่นคง การบริหารราชการแผ่นดิน  กฎหมายและกระบวนการยุติธรรม การปกครองท้องถิ่น การศึกษา การสาธารณสุข การเศรษฐกิจ สิ่งแวดล้อม ผังเมือง ทรัพยากรธรรมชาติ พลังงาน วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี สังคม ชาติพันธุ์ ศาสนา ศิลปะ วัฒนธรรม คุ้มครองผุ้บริโภค ด้านเด็กและเยาวชน สตรี ผู้พิการ ผู้ด้อยโอกาส ปราชญ์ชาวบ้าน ผู้ประกอบวิชาชีพอิสระ และด้านอื่นๆ โดยจะมีการตั้งคณะกรรมการสรรหาขึ้นมาอีกชุดหนึ่งเช่นกัน

พล.อ.เลิศรัตน์ กล่าวต่อว่า ส่วนวาระการดำรงตำแหน่ง ส.ว. อยู่ได้ถึง 6 ปี แต่ใน 3 ปีแรกจะให้พ้นจากตำแหน่งจำนวน 100 คน โดยไม่เกี่ยวกับ ส.ว. เลือกตั้ง 77 คน รวมถึง กลุ่ม ส.ว.จากการเลือกตั้งกันเอง จำนวน 65 คน ให้พ้นจากตำแหน่งทั้งหมดเช่นกัน ขณะที่ ส.ว.จากการสรรหา 58 คนนั้น จะใช้วิธีจับสลากออกจากตำแหน่ง 35 คน รวมเป็น 100 คน แต่ไม่ตัดสิทธิผู้ที่พ้นจากตำแหน่ง สามารถกลับมาใช้สิทธิลงสมัครเป็น ส.ว. ได้อีกโดยจะอยู่ในวาระ 6 ปี  เพื่อให้การทำงานเป็นไปอย่างต่อเนื่อง

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net