ผลการเลือกตั้งประธานาธิบดีในบราซิลครั้งล่าสุด ดิลมา รุสเซฟฟ์ จากพรรคซ้ายกลางชนะคู่แข่งอันดับสอง 3.5 ล้านเสียง ประกาศเน้น 'การหารือแลกเปลี่ยน' เพื่อแก้ไขปัญหา และมุ่งแก้ปัญหาเศรษฐกิจตกต่ำรวมถึงปฏิรูปเพื่อขจัดปัญหาคอร์รัปชัน

27 ต.ค. 2557 ดิลมา รุสเซฟฟ์ ชนะการเลือกตั้งประธานาธิบดีในบราซิลทำให้เธอได้ดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีต่อในสมัยที่ 2 โดยในการนับคะแนนรอบตัดสิน รุสเซฟฟ์ได้คะแนนเสียงร้อยละ 51.6 หรือราว 54 ล้านคะแนนเสียง ขณะที่อะเอซิว เนเวส คู่แข่งของเธอได้รับคะแนนเสียงร้อยละ 48.4 หรือราว 51 ล้านคะแนนเสียง

ดิลมา รุสเซฟฟ์ อายุ 66 ปี เคยชนะการเลือกตั้งก่อนหน้านี้ในปี 2553 โดยได้รับคะแนนเสียงราว 55 ล้านคะแนน รุสเซฟฟ์เคยเข้าร่วมขบวนการกบฏติดอาวุธฝ่ายซ้ายที่ต่อสู้กับเผด็จการในช่วงปี 2507-2528 จนถูกจับขังคุกและถูกทารุณกรรม หลังจากถูกปล่อยตัว เธอเป็นหนึ่งในผู้ก่อตั้งพรรคการเมืองพีดีทีซึ่งต่อมาถูกยุบรวมเข้ากับพรรคแรงงานหรือพีทีซึ่งเป็นพรรคแนวทางซ้ายกลางซึ่งส่งรุสเซฟฟ์เข้าชิงตำแหน่งประธานาธิบดีในการเลือกตั้งล่าสุด

ทางด้านเนเวสซึ่งเป็นคู่แข่งมาจากพรรคสังคมนิยมประชาธิปไตยบราซิลหรือพีเอสดีบี เขาเป็นนักเศรษฐศาสตร์และนักการเมืองที่เคยมีผลงานการปฏิรูปการใช้งบประมาณและส่งเสริมการลงทุนในช่วงที่เขาเป็นผู้ว่าการรัฐมีนาส เจไรส์ และพรรคพีเอสดีบีก็ได้รับความนิยมจากผู้มีฐานะในภาคใต้ที่พัฒนามากกว่า

สำนักข่าวอัลจาซีราระบุว่าการเลือกตั้งในบราซิลมีขึ้นในช่วงที่คนในประเทศมีความเห็นแตกต่างกันระหว่างคนแถบภาคเหนือที่ยากจนและภาคใต้ที่มีความมั่งคั่งมากกว่า นอกจากนี้ยังมีปัญหาเรื่องการเติบโตทางเศรษฐกิจที่เป็นไปอย่างเชื่องช้าจนกระทั่งเกิดภาวะเศรษฐกิจตกต่ำในปีนี้ ซึ่งรุสเซฟฟ์กล่าวในการปราศรัยหลังประกาศผลคะแนนยอมรับว่าเธอยังต้องปรับปรุงตัวให้ดีขึ้น

"ฉันอยากเป็นประธานาธิบดีที่ดียิ่งกว่าเดิม มากกว่าตอนที่เคยเป็นก่อนหน้านี้" รุสเซฟฟ์กล่าว

ในช่วงปีที่แล้ว (2556) รุสเซฟฟ์ต้องเผชิญกับการประท้วงอย่างหนักในบราซิลเรื่องการขึ้นค่าโดยสารขนส่งมวลชนสาธารณะ การใช้จ่ายฟุ่มเฟือยในการจัดฟุตบอลโลกและประเด็นอื่นๆ รวมถึงข้อกล่าวหาเรื่องการทุจริตคอร์รัปชันและการขาดส่วนร่วมของประชาชน อย่างไรก็ตาม สำนักข่าวบีบีซีระบุว่ารุสเซฟฟ์ยังคงได้รับความนิยมจากกลุ่มคนจนเนื่องจากโครงการสวัสดิการของรัฐ ซึ่งรุสเซฟฟ์กล่าวภายหลังได้รับชัยชนะว่าสิ่งที่ต้องทำเป็นอันดับแรกคือการเปิดให้มี "การหารือแลกเปลี่ยนกัน"

"มันเป็นความหวังของฉันหรือยิ่งกว่านั้นคือเป็นสิ่งที่ฉันแน่ใจว่าการปะทะสังสรรค์กันของแนวความคิดจะเปิดพื้นที่ให้กับการสร้างฉันทามติร่วมกันได้ และสิ่งแรกที่ฉันต้องการเรียกร้องคือสันติภาพและความกลมเกลียว แทนที่จะทำให้ความแตกต่างผลักกันออกห่างมากขึ้นและสร้างความร้าวฉาน ฉันมีความหวังอย่างยิ่งว่าพวกเราจะใช้พลังไปกับการสร้างสะพานเชื่อมกัน" รุสเซฟฟ์กล่าวในการปราศรัย

รุสเซฟฟ์ยังได้กล่าวขอบคุณอดีตประธานาธิบดีลุลา ดา ซิลวา ผู้เป็นครูทางการเมืองให้เธอและกล่าวให้คำมั่นว่าจะมีการปฏิรูประบบเพื่อต่อสู้กับการคอร์รัปชันด้วย

หลังประกาศผล เนเวสกล่าวปราศรัยยอมรับในความพ่ายแพ้ต่อหน้าผู้สนับสนุนของเขาและแสดงความยินดีต่อรุสเซฟฟ์ เนเวสกล่าวอีกว่าสิ่งแรกที่รุสเซฟฟ์ควรทำคือการทำให้บราซิลสามัคคีกัน แต่ก็ยังมีผู้สนับสนุนพรรคพีเอสดีบีที่ผิดหวังพากันตะโกนไล่พรรคพีที ขณะที่ผู้สนับสนุนพรรคพีทีพากันโบกธงและเฉลิมฉลองบนท้องถนน

อัลจาซีราระบุว่า การเลือกตั้งในครั้งนี้ยังเป็นเสมือนการสำรวจประชามติต่อการทำงานของรัฐบาลพรรคพีทีซึ่งได้เป็นพรรครัฐบาลมาโดยตลอดช่วง 12 ปีที่ผ่านมา โดยพรรคพีทีเคยมีผลงานช่วยให้ชาวบราซิล 40 ล้านคนพ้นจากความยากจน มีนโยบายขึ้นค่าจ้าง รวมถึงลดจำนวนอัตราการว่างงานลงไปที่ร้อยละ 4.9 แต่จากผลการลงคะแนนล่าสุดเริ่มแสดงให้เห็นว่าเสียงส่วนหนึ่งเอียงไปทางเนเวสผู้ที่ให้สัญญาว่าจะฟื้นฟูเศรษฐกิจบราซิล

กาเบรียล เอลิซอนโด นักข่าวอัลจาซีราวิเคราะห์ว่าในการโหวตที่มีผลคะแนนแตกต่างกัน 3.5 ล้านเสียง มีชาวบราซิลมากถึง 37 ล้านเสียงที่ไม่ได้ลงคะแนนหรือลงคะแนนไม่เลือกผู้สมัครคนใดเลย ซึ่งถ้าหากพรรคฝ่ายค้านสามารถดึงคะแนนเสียงจากส่วนนี้มาได้ก็เอาชนะได้ไม่ยาก


เรียบเรียงจาก

Dilma Rousseff re-elected Brazil president, Aljazeera, 27-10-2014
http://www.aljazeera.com/news/americas/2014/10/dilma-rousseff-re-elected-brazil-president-2014102621945179938.html

Brazil elections: Dilma Rousseff promises reform after poll win, BBC, 27-10-2014
http://www.bbc.com/news/world-latin-america-29782073

ข้อมูลเพิ่มเติมจาก
http://en.wikipedia.org/wiki/Brazilian_general_election,_2014
http://en.wikipedia.org/wiki/Dilma_Rousseff
http://en.wikipedia.org/wiki/A%C3%A9cio_Neves