Skip to main content
ประชาไททำหน้าที่เป็นเวที เนื้อหาและท่าที ความคิดเห็นของผู้เขียน อาจไม่จำเป็นต้องเหมือนกองบรรณาธิการ
sharethis

 

ผมตกใจอยู่เล็กๆ เมื่ออ่านพบความเห็นประเภท

"ประท้วงทำไม รัฐประหาร ทำไมไม่กล้าบอกว่าเอาทักษิณคืนมา
เอายิ่งลักษณ์คืนมา เอาเสื้อแดงคืนมา น่าจะตรงประเด็นกว่า ".

ผมนั้นมีความเห็นชัดเจนว่า "ไม่เอาทักษิณ" มาก่อนมีกลุ่มพันธมิตรฯประชาชนเพื่อประชาธิปไตยด้วยซ้ำ และเคยไปแสดงความเห็นที่ท้องสนามหลวงด้วยความเห็นว่าทักษิณเป็น "ตัวปัญหา" มาตั้งแต่ก่อนปี 2549 อีกทั้งต่อมาก็ไม่ถือตัวเองว่าเป็น"แนวร่วม" หรือ sympathizer ของ นปช.ด้วย จะเรียกผมว่า "สลิ่ม" หรือ "โรตประจำศตวรรษ"ทีเห็นประชาชนในแต่ละฝั่งข้างต่างก็ถูกใช้เป็นเครื่องมือทางการเมือง หรือตกเป็นเหยื่อของทักษิณ และ "คนประเภททักษิณ" (คำของ นิธิ เอียวศรีวงศ์) ที่มีอยู่มากมายในแวดวงการเมืองไทยตลอดตั้งแต "คณะทหาร" ทำการรัฐประหารมาตั้งแต่ พ. ศ. 2490 ก็ว่าได้


พูดกันตรงไปตรงมาก็คือผมไม่ค่อยเชื่อในชัยชนะของประชาชนอย่างสมบูรณ์มาตั้งแต่นั้น และแม้จะเกิดเหตุการณ์ 14 ตุลาคม 2516 มันก็แทบไมไห้บทเรียนอะไรนัก นอกจากนั้นการเข้ามาของพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทยที่ทำตัวเหมือนเป็นสาขาของพรรคคอมมิวนิสต์จีนตั้งแต่่เมื่อ 40 ปีก่อนก็แทบไม่ได้ช่วยอะไรมากไปกว่าการทำตัวเป็นเหมือน "แนวร่วมด้านกลับ"ให้ทหาร ดังนั้นผมจึงไม่ไว้ใจ "อำนาจจากปากกระบอกปืน"" มาแต่ไหนแต่ไรแล้ว ไม่ว่าจะเป็นทหารฝ่ายไหนก็ตาม และในประวัติศาสตร์การเมืองของไทย ทหารก็มักอ้าง "จินตนาการสามบรรทัด" (ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์) มาอ้างเหตุเข้ามา "ล้างท่อ" ( คำของสุรชาติ บำรุงสุข) ทุกๆเวลา 8-9 ปืต่อครั้ง และทุกครั้งที่มีการ "ล้างท่อ"ด้วยความหวังดีใดๆก็ตาม ผมก็ไม่เคยเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับกิจกรรมทางการเมืองใดๆทั้งนั้น แม้ในช่วงกระอักเลือดหลังเหตุการณ์ 6 ตุลาคม 2519 ผมก็ตัดสินใจ"ไม่เข้าป่า"

ดังนั้น กิจกรรมทางการเมืองต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นการถูกชวนให้ "เข้าพรรคการเมือง" ตลอดรวมทั้งกิจกรรมทางการเมืองต่างๆในเวลาต่อมา ผมไม่เอาทั้งนั้น ไม่ว่าจะมีคนรู้จักชักชวนแบบไหนก็ตาม ผมเป็นเพียงคนทำหนังสือ เขียนหนังสือเล็กๆคนหนึ่งเท่านั้น ทั้ง นปช. และ กปปส. ผมก็มีคนรู้จักที่เลือกข้างมาชักชวนให้ไปขึ้นเวทีทั้งของ นปช. และ กปปส. แต่ผมยืนยันว่าผมไม่มีความทะเยอทะยานทางการเมือง ชักชวนยังไงผมก็ไม่ไป ฝ่ายเหลืองมาหา ผมก็บอกว่า "ผมไม่ไปเป็นแดง คุุณก็นำจะพอใจแล้ว" ฝ่ายแดงมาหา ผมก็บอกว่า "ผมไม่ไปเป็นเหลือง คุณก็นำจะพอใจแล้ว " เป็นตรรกะที่น่าเตะอยู่เหมืือนกัน

ล่าสุดก่อนหน้าทหารจะออกมา "ล้างท่อ " เล็กนัอย มีใครคนหนึ่งอยากขอเอาชื่อผมในฐานะ "ศิลปินแห่งชาติ" ไปปรากฏบนเวที กปปส.ร่วมกับ "ศิลปินแห่งชาติ" คนอื่นๆอีกหลายคน ผมก็บอกไปอย่างสุภาพว่า ผมเป็น "โรคประจำศตวรรษ" เขามองผมอย่างงงๆ แล้วคงคิดว่าผมพูดเล่น แต่เขาก็เข้าใจทันทีว่าผมปฎิเสษ หลังจากนั้นอีกไม่นานก็ยังมีเพื่อน กปปส.ติดต่อมาอีก คือเขาอยากขอภาพเขียนของผมไปประมูล "หาเงินช่วยลุงกำนัน" แต่ผมไม่ให้ ผมบอกเขาไปอย่างสุภาพอีกเช่นกันว่า งานของผมไม่ถึงระดับ "ศิษย์อาจารย์ศิลป" อย่าเอาไปเลย ชักแม่น้ำทั้งห้าว่าอย่าเลย จากนั้นเขาก็ไม่มาตอแยผมอีก

ที่เล่ามาทั้งหมดนี้นี้ก็เพื่อบอกว่า ผมเองไม่เอาทักษิณมานานแล้ว และก็ไม่ไว้ใจหมู่คณะของเขาบางคนเช่นกัน แม้บางคนจะเคยทำงานด้านหนังสือกันมาก่อนก็ตาม อย่างไรก็ตาม มันทำให้ผมมีพื้นที่ว่างเหลือไว้ไตร่ตรองเป็นเรื่องๆไปทั้งส่วนของ กปปส. และ นปช. ซึ่งส่วนใหญ่แล้วบางคนเคยเป็นเพื่อมกันมาทั้งรุ่นพี่รุ่นน้อง ผมมีที่ว่างเสมอสำหรับเพื่อน แม้หลายคนจะเต็มกลืน และเคยมีบาดแผลกันมาในอดีต แต่ปัจจุบันก็คือปัจจุบัน เราต้องดูกันเป็นเรื่องๆตามเหตตามปัจจัย การเมืองผ่านมา แล้วก็ผ่านไป แตคำว่า "เพื่อน" เราน่าจะคงรักษาระยะห่างไว้เพื่อฟังเสียงข้างในของพวกเขาแต่ละคนเมื่อเวลาผ่านเลย รวมทั้งผมก็ให้เวลากับทหารค้วย

ผมหวังว่าการศึกษาอย่างรอบด้านจะทำให้ "ทหาร"มีความสำนึกรู้มากขึ้น บางทีเขาอาจอยู่ในภาวะบางอย่างที่เราไม่เข้าใจ เขาอาจตกอยู่ในภาวะ"น้ำท่วมปาก"ก็ได้ เขาอาจมีเจตนาดีก็ได้ แต่หาทางออกไม่พบ เรื่องนี้ยังไม่มีรูปธรรมที่ชัดเจน นอกจาก wait and see ซึ่งในภาวะแบบนี้ ทหารก้ต้องเข้าใจความถูกต้องบางอย่างด้วย ดังนั้นก็ต้องดูกันต่อไป ไม่ใช่ด่วนไปยกย่องให้เป็นรัฐบุรุษ ทั้งที่ยังไม่มีผลงาน "เพื่อประชาชน" อย่างเห็นผล

ตรรกะที่มีเพื่อนคนหนึ่งเขียนว่า


"ประทัวงทำไม รัฐประหาร ..
ทำไมไม่กล้าบอกว่าเอาทักษิณคืนมา
เอายิ่งลักษณ์คืนมา
เอาเสื้อแดงคืนมา.."..

บอกตรงๆว่า ผมรับไม่ไหวจริงๆ แม้จะเป็นเพื่อนร่วมกลุ่มร่วมก๊วนกันมา ผมก็รับไม่ได้จริงๆ นอกจากนั้นก็ยังมีเพื่อนๆน้องๆบางคนไม่รักษาระยะห่างไว้เลย ทำให้ผมไม่สบายใจอยู่เหมือนกัน คือคล้ายๆจะสุดจิตสุดใจมีความเห็นไปทาง "เชียร์การยึดอำนาจ" ซึ่งมันไม่น่าเชื่อเพราะพวกเขาต่างก็เคยอยู่ในส่วนที่ "ก้าวหน้า"มาก่อน บางคนยังเคย "สั่งสอน"ผมมาก่อนด้วยซ้ำ แต่ผมไม่เอาด้วยกับวิธีลัดขั้นตอนแบบนี้ และก็ไม่เอาด้วยกับวิธี "เอาทักษิณกลับบ้าน" แบบสุดซอย

 แต่เมื่อเหตุออกมาแบบทหาร "ล้างท่อ" ผมก็ไม่เอาด้วยเช่นกัน อย่างน้อยก็ในทางหลักการและในทางสัญลักษณ์ การเชียร์รัฐประหารอย่างออกนอกหน้าของพวกเขาจึงทำให้ผมรู้สึกสะอิดสะเอียน พวกเราบางคนเคยร่วมอ้วกกันมาเมื่อตอนเป็นหนุ่มๆก็จริง และต่างเคยผ่านร้อนผ่านหนาวกันมาไม่นัอย บางคนเป็นศิลปินแห่งชาติ บางคนเป็นนักเขียนรางวัลศรีบูรพา บางคนเป็นกวีรัตนโกสินทร์ บางคนเป็น "..อาจารย์ใหญ่เพลงเพื่อชีวิต" บางคนเป็นผู้กำกับละครเวที ฯลฯ

ก็ไม่ทราบเหมือนกันว่าทำไมพวกเขาจึงไม่เก็บรับบทเรียน ทำไมพวกเราจึงต้องมาอ้วกรดกันตอนนี้ด้วย ไหนว่าชอบเมอร์โซจากเรื่อง "คนนอก" ของอัลแบร์ต์ กามูส์ เขาไม่รู้หรือไงว่า"แสงจากดวงอาทิตย์นั้นอาจทำให้ตาบอดได้"
 

วันนี้สินะที่เสรีภาพตาย เอ..หรือเมื่อวานก็ไม่รู้สินะ....

อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ทำให้ผมตกใจมากไปกว่านั้นก็คือมีผู้กด "ถูกใจ" จำนวนมาก และที่เห็นชื่อบางคนก็ล้วนเป็นเพื่อนๆน้องๆที่ผมรู้จักเป็นส่วนใหญ่ นี่พวกเขาเชียร์ทหารเรื่องการทำรัฐประหารจริงๆหรือ หรือว่าพวกเขาเป็นเพียงแฟนเพลง"เพื่อชีวิต"ที่ขึ้นเสียงใน "ผับเพื่อชีวิต"กันอย่างออกรสเมื่อถึงตอนที่บอกว่า " ...ทุนนิยมจักถูกทำลาย"
..
ผมใกล้กำลังใกล้จะอ้วกเต็มทีแล้ว..ช่วยหยิบกระโถนแห่งกระโถนมาให้ผมหน่อย !

 

 

ที่มา: เฟซบุ๊กของ สุชาติ สวัสดิ์ศรี

สแกน QR Code เพื่อร่วมบริจาคเงินให้กับประชาไท

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net