พวกคุณอาจจะคิดว่า นี่เป็นวิธีเดียวที่จะขจัดความชั่วร้ายออกไปจากสังคมไทยได้ ขจัดระบอบทักษิณให้สิ้นซากได้ ซึ่งนั่นไม่เป็นความจริงเลย เพราะระบอบทักษิณไม่ใช่ตัวทักษิณและครอบครัววงศ์ตระกูลเขา และเครือข่ายการเมืองเขาเพียงเท่านั้น แต่เป็นสังคมไทยแบบใหม่ที่เกิดขึ้นมาในช่วงที่เขามีอำนาจ จดหมายฉบับนี้ไม่ได้จะเขียนอธิบายเรื่องนั้น เพราะเรื่องนั้นยืดยาวและคงยุ่งยากเกินกว่าที่พวกคุณจะทำความเข้าใจได้ง่ายๆ

หากแต่ที่ผมจะเขียนนี้คือ ผมอยากจะถามหามโนธรรมสำนึกจากพวกคุณ พวกคุณที่ยึดมั่นคุณธรรมความดีเป็นสรณะ ว่าคุณยังยินดีกับการรัฐประหารครั้งนี้อยู่จริงๆ หรือ

ขณะนี้มีการเรียกตัวผู้คนจำนวนมากเข้าไปรายงานตัว นอกเหนือจากนั้นยังมีการไล่ล่าคนเห็นต่างจากแนวทางของคณะรัฐประหารอีกจำนวนมาก จนทำให้คนเหล่านั้นต้องถูกพราก หรือไม่ก็ต้องหลบหนีไปจากสังคม จากครอบครัว จากพี่น้อง จากคนที่รักใคร่พวกเขา นอกจากนั้น ในการชุมนุมเพื่อต่อต้านการรัฐประหารอันเป็นสิทธิอันชอบธรรมของประชาชน ก็ยังมีการจับกุมคนที่ต่อต้านการรัฐประหารโดยสงบ

คนที่ถูกจับไปแล้วหรือเข้าไปรายงานตัวเหล่านี้ก็ไม่ได้รับสิทธิที่จะให้ญาติพี่น้องเขาติดต่อ ไม่มีใครรู้ชะตากรรมของพวกเขา พวกเขาไม่ใช่นักการเมืองใหญ่ที่ทหารเองก็เกรงกลัวอยู่เหมือนกัน เพราะถึงที่สุดแล้วทหารก็มีโยงใยทางอำนาจและสังคมอยู่กับคนเหล่านั้น พวกเขาจึงอาจจะไม่ได้รับการปฏิบัติต่ออย่างดีเหมือนคนเหล่านั้น พวกเขาอาจไม่ได้รับการปล่อยตัวอย่างรวดเร็วอย่างนักการเมืองที่มีแนวทางเดียวกับพวกเขา

แต่กับประชาชนทั่วไป ที่บางคนเป็นนักคิด นักเขียน นักกิจกรรมทางการเมือง หรือบางคนคือประชาชนที่รักความเป็นธรรมเล่า กับประชาชนที่เข้าร่วมชุมนุมทางการเมืองที่ถูกเรียกตัวหรือถูกจับไปเล่า พวกเขามีชะตากรรมอย่างไร ไม่มีใครรู้ ไม่มีใครรับรองความปลอดภัยได้ พวกเขาจะถูกซ้อมทรมานหรือไม่ พวกเขาจะได้รับสิทธิตามกฎหมายหรือไม่ ลำพังกฎอัยการศึกไม่มีหลักประกันต่อสวัสดิภาพ สิทธิขั้นพื้นฐานอะไร เนื่องจากการใช้กฎอัยการศึกและการยึดอำนาจรัฐด้วยการรัฐประหารเองก็ละเมิดสิทธิขั้นพื้นฐานและทำลายสวัสดิภาพของประชาชนไปแล้ว

คุณอาจจะไม่ยินดียินร้ายกับบรรดานักการเมือง นักกิจกรรมทางการเมือง นักวิชาการ ที่ถูกจับถูกไล่ล่า เนื่องเพราะคุณคงคิดว่า "ก็ไอ้พวกนั้นมันรับใช้ทักษิณ เป็นควายแดงทาสทักษิณ" หรือกับคนที่ออกมาประท้วงต่อต้านรัฐประหาร คุณอาจคิดว่า "ก็ไอ้พวกนั้นมันแส่หาเรื่องให้เขาจับเองทำไมล่ะ" "ก็ไอ้พวกนั้นทำไมมันไม่เชื่อฟังเขาล่ะ จะไปประท้วงทำไม"

แต่อย่าลืมว่าความขัดแย้งครั้งนี้ครอบคลุมทุกอณูของสังคม ความขัดแย้งครั้งนี้ไม่ได้เป็นเพียงความขัดแย้งระหว่างนักการเมืองหรือระหว่างชนชั้นนำส่วนน้อย แต่เป็นความขัดแย้งที่แผ่กว้างและต่อเนื่องยาวนาน ข้ามรุ่น ข้ามวัย ข้ามพื้นที่ ข้ามชนชั้น กลายมาเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตประจำวันคนไทยมาเกือบสิบปี แม้แต่คุณเองก็ยังมีส่วนอยู่ข้างใดข้างหนึ่งเลย แล้วทำไมจะไม่มีคนใกล้ชิด ลูกหลาน เพื่อนสนิทมิตรสหายอยู่ในคู่ขัดแย้งทางการเมืองกับคุณบ้างเล่า

คุณจะยังดีใจไหมหากว่าลูกคุณถูกคณะรัฐประหารที่คุณชื่นชมยินดีอยู่ขณะนี้จับตัวไปโดยที่คุณไม่สามารถติดต่อเข้าเยี่ยมได้ คุณจะยังยินดีไหมที่เพื่อนสนิทคุณถูกจับตัวไปโดยไม่รู้ชะตากรรม คุณจะยังยินดีไหมหากพวกเขาถูกซ้อมทรมานอยู่ที่ไหนในประเทศนี้ แล้วหากเขาชะตาขาดแต่ถูกหลงลืมไป คุณจะแซ่ซ้องสรรเสริญว่า นี่คือการเสียสละอันยิ่งใหญ่ของทหารหาญที่เข้ามารับภารกิจนี้ไหม

จะรอให้ถึงคราวที่ใครเหล่านั้นเป็นญาติพี่น้องคุณบ้าง เป็นลูกเป็นหลานคุณบ้าง แล้วมโนธรรมสำนึกต่อความเป็นมนุษย์ของคุณจึงจะทำงานอย่างนั้นหรือ