Skip to main content
sharethis

 

 

15 พ.ค.56   ขบวนการประชาชนเพื่อสังคมที่เป็นธรรม(ขปส.) ซึ่งปักหลักชุมนุมอยู่ข้างกระทรวงศึกษาธิการเพื่อเรียกร้องให้รัฐบาลแก้ปัญหาของชาวบ้านในหลายพ้นที่ ได้ออกแถลงการณ์แสดงความผิดหวังอย่างรุนแรง หลังจากรัฐบาลรับปากว่าจะนำเรื่องความเดือดร้อนต่างๆ เข้าสู่การพิจารณาของคณะรัฐมนตรี (ครม.) ในวันที่ 14 พ.ค.ที่ผ่านมา แต่ปรากฏว่าไม่มีการพิจารณาใดๆ ตามที่รับปากไว้ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการแก้ปัญหากรณีเขื่อนปากมูล โฉนดชุมชนภาคเหนือ ข้อเรียกร้องเครือข่ายสลัมสี่ภาค และกรณีพิพาทเรื่องที่ดิน โดยพีมูฟสะท้อนความผิดหวังอย่างมากและยืนยันจะชุมนุมต่อเนื่องอย่างมีวุฒิภาวะ เรียกร้องให้รัฐบาลรักษาสัญญาแก้ปัญหาชาวบ้าน และสาธารณชนสนับสนุนกระบวนการของพีมูฟ (อ่านแถลงการณ์ด้านล่าง)

วันเดียวกัน เวลาประมาณ 13.30 น.นายประชา ประสพดี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย เข้าพบกลุ่มผู้ชุมนุมพีมูฟ เพื่อรับฟังปัญหาที่ดินของพีมูฟ โดยมีข้อสรุปจะมีการนัดประชุมคณะอนุกรรมการแก้ไขปัญหาที่ดินสาธารณประโยชน์และที่ดินเอกชนปล่อยทิ้งร้างในวันที่ 17 พ.ค.นี้ ที่ตึกบัญชาการ 1 กระทรวงมหาดไทย เวลา 13.30 น. ซึ่งนายประชายืนยันจะนั่งเป็นประธานในที่ประชุมเอง พร้อมทั้งรับปากว่าจะนำทุกกรณีปัญหาของพีมูฟเข้าสู่การพิจารณาของคณะอนุกรรมการในวันดังกล่าว หากประเด็นใดสามารถแก้ปัญหาได้โดยคณะอนุกรรมการจะมีมติทันที  สำหรับประเด็นที่ยังไม่สามารถแก้ได้ในอนุกรรมการจะนำเรื่องไปรายงานต่อนายกรัฐมนตรี 

นอกจากนั้นนายประชา ประสพดียังได้ยืนยันว่ากรณีการขออนุญาตก่อสร้างบ้านมั่นคง ที่จะพีมูฟได้ผลักให้นำเข้าสู่การพิจารณาของครม.แต่ไม่ได้นำเข้าเมื่อวันที่ 14 พ.ค.ที่ผ่านมานั้น ไม่ใช่เรื่องยาก โดยจะให้มีการประชุมกลุ่มย่อยแก้ปัญหาเรื่องนี้ในวันที่ 17 พ.ค. ร่วมกับอธิบดีกรมที่ดิน 

 

======================

 

แถลงการณ์ฉบับที่ ๒๖

วันที่ ๑๕ พฤษภาคม ๒๕๕๖

 

สืบเนื่องจากการประสานงานร่วมกันระหว่างรัฐบาลโดยรองนายกฯ เฉลิม อยู่บำรุง กับ ขบวนการประชาชนเพื่อสังคมที่เป็นธรรม (ขปส.) เมื่อวันที่ ๗ พ.ค.๒๕๕๖ ได้มีข้อตกลงที่สำคัญในการแก้ไขปัญหาของ ขปส.ไว้ ๓ ขั้นตอนคือเบื้องต้น จะนำ 4 เรื่องที่มีความเห็นร่วมกันแล้วจากการประชุมระดับต่างๆ เข้าครม.ในวันที่ ๑๔ พ.ค.๒๕๕๖ ทั้ง 4 เรื่องประกอบด้วย

๑. นำผลการเจรจาแก้ไขปัญหาเขื่อนปากมูล ระหว่างสมัชชาคนจนกรณีเขื่อนปากมูลกับรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี(นายนิวัฒน์ธำรง บุญทรงไพศาล) เมื่อวันที่ ๒๕ มกราคม ๒๕๕๖ และมติที่ประชุมคณะกรรมการการแก้ไขปัญหาของขบวนการประชาชนเพื่อสังคมที่เป็นธรรม เมื่อวันที่ ๒๒ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๖ เข้าพิจารณาในการประชุมคณะรัฐมนตรีเพื่อให้ความเห็นชอบ

๒. นำผลการเจรจาแก้ไขปัญหาที่ดิน กรณีโครงการนำร่องธนาคารที่ดิน ๕ ชุมชนภาคเหนือ เมื่อวันที่ ๒๗ มีนาคม ๒๕๕๖ เข้าพิจารณาในการประชุมคณะรัฐมนตรีเพื่อให้ความเห็นชอบ

๓. นำผลการเจรจาการแก้ไขปัญหาของเครือข่ายสลัมสี่ภาค กรณีการขออนุญาตก่อสร้างอาคาร ของชุมชนที่ดำเนินโครงการบ้านมั่นคง เมื่อวันที่ ๔ เมษายน ๒๕๕๖ เข้าสู่การพิจารณาในการประชุมคณะรัฐมนตรีเพื่อให้ความเห็นชอบในการก่อสร้างอาคาร ตามกฎกระทรวงของ พ.ร.บ.ควบคุมอาคาร ที่ประกาศใช้เมื่อวันที่ ๕ มกราคม ๒๕๕๐

๔. การแก้ไขปัญหาที่ดินพิพาท กรณีพื้นที่ที่ผ่านความเห็นชอบของคณะกรรมการประสานงานจัดให้มีโฉนดชุมชนแล้ว เพื่อให้คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบ ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องส่งมอบพื้นที่ และในระหว่างการส่งมอบพื้นที่ให้มีการคุ้มครองพื้นที่ให้สามารถอยู่อาศัยตามวิถีดั้งเดิมได้ และเข้าถึงการบริการสาธารณูปโภคขั้นพื้นฐานของรัฐ

จากนั้น ในวันที่ ๒๐ พ.ค.๒๕๕๖ ก็จะจัดให้มีการประชุมกรรมการโฉนดชุมชนที่รองฯ เฉลิมเองเป็นประธาน และขั้นตอนสุดท้ายคือการนำเรื่องทั้งหมดที่ผ่านการประชุมอนุกรรมการทั้ง ๑๐ ชุด ที่จะจัดให้มีการประชุมขึ้นระหว่างวันที่ ๑๕-๒๕ พ.ค.นี้ เข้าประชุมหาข้อยุติของกรรมการอำนวยการฯ ชุดใหญ่ วันที่ ๒๗ พฤษภาคม ๒๕๕๖ ที่รองฯ เฉลิมเป็นประธานเช่นกัน ซึ่งทั้งหมดนี้ รองนายกฯ เฉลิมเป็นผู้ปรึกษาทำข้อตกลงกับขบวนการประชาชนเพื่อสังคมที่เป็นธรรม ( ขปส.) ด้วยตัวเองในห้องทำเนียบรัฐบาลเมื่อบ่ายวันที่ ๗ พ.ค.๕๖

เมื่อมีข้อตกลงเป็นมั่นเหมาะดังกล่าว รัฐบาลได้ประสานงานให้ขบวนการประชาชนเพื่อสังคมที่เป็นธรรม (ขปส.) ย้ายที่ชุมนุมจากหน้าทำเนียบไปอยู่ในจุดอื่นเพื่อความเหมาะสม

ซึ่งขบวนการประชาชนเพื่อสังคมที่เป็นธรรม (ขปส.) ได้ให้ความร่วมมือโดยการย้ายที่ตั้งชุมนุมไปอยู่ด้านริมคลองรั้วกระทรวงศึกษาธิการอย่างสงบ และรอคอยความคืบหน้าอย่างมีความหวัง ด้วยความมั่นใจในคำสัญญาจากรองนายกฯ ที่ได้ขอโทษจากการดำเนินการล่าช้าใน 3 เดือนที่แล้ว แต่ได้รับบัญชาอีกครั้งจากนายกฯ ในการประชุม ครม.เช้าวันที่๗ พ.ค.๕๖

แต่แล้วรัฐบาลก็ได้ผิดสัญญากับขบวนการประชาชนเพื่อสังคมที่เป็นธรรม (ขปส.) อีกครั้งหนึ่ง เพราะไม่มีการนำเรื่องใดๆ ของขบวนการประชาชนเพื่อสังคมที่เป็นธรรม (ขปส.) เข้า ครม.วันอังคารที่ ๑๔ พ.ค.แม้แต่เรื่องเดียว ซึ่งแน่นอนว่าได้สร้างความผิดหวังอย่างสาหัสต่อประชาชนขบวนการประชาชนเพื่อสังคมที่เป็นธรรม (ขปส.) เพราะไม่มีวี่แววใดๆ มาก่อนว่าจะเกิดเหตุการณ์เช่นนี้ขึ้น

อย่างไรก็ตาม แม้ว่าการผิดสัญญาของรัฐบาลครั้งนี้จะส่งผลต่อความเชื่อมั่นในการแก้ปัญหาประชาชน ของขบวนการประชาชนเพื่อสังคมที่เป็นธรรม (ขปส.) อย่างใหญ่หลวงนักก็ตาม แต่ขบวนการประชาชนเพื่อสังคมที่เป็นธรรม (ขปส.) ก็ยังเห็นว่า กระบวนการโดยรวมของการแก้ปัญหาที่จะเกิดขึ้นในการประชุมอนุกรรมการทั้ง ๑๐ ชุด จะเป็นบทพิสูจน์ความจริงใจอีกครั้งหนึ่ง

ซึ่งจากนี้ไป ขบวนการประชาชนเพื่อสังคมที่เป็นธรรม (ขปส.) จะยังคงปักหลักร่วมกันแก้ปัญหากับรัฐบาลต่อไป โดยที่มีเป้าหมายการมุ่งแก้ปัญหาความยากจน โดยไม่มีวาระซ่อนเร้นอื่นใดทั้งสิ้น ขบวนการประชาชนเพื่อสังคมที่เป็นธรรม (ขปส.) จะมองไปที่อนาคตอย่างมีวุฒิภาวะที่จะไม่ก่อให้เกิดการเผชิญหน้าและอุปสรรคใดๆ มาเป็นอุปสรรคขัดขวาง การเจรจาหาข้อยุติต่างๆ ดังนั้น ขบวนการประชาชนเพื่อสังคมที่เป็นธรรม (ขปส.) จึงมีข้อเสนอดังนี้

๑.ขปส.จะยังคงปักหลักชุมนุมต่อไปจนกว่ากระบวนการแก้ปัญหาร่วมกับรัฐบาลทุกขั้นตอนตามที่ได้ตกลงไว้

๒.ขปส.ขอให้รัฐบาลต้องมีความรับผิดชอบต่อสัญญาประชาคมที่ตกลงไว้ให้ครบถ้วนกระบวนการ และต้องไม่ให้มีข้อผิดพลาดเกิดขึ้นอีกต่อการแก้ปัญหาคนจน

๓.ขปส.ขอเรียกร้องให้สังคม สาธารณะชนทุกภาคส่วน ร่วมสนับสนุนกระบวนการเจรจาของ ขบวนการประชาชนเพื่อสังคมที่เป็นธรรม (ขปส.) กับรัฐบาลในครั้งนี้ เพื่อให้เกิดรูปธรรมการแก้ปัญหา นำสู่รูปธรรมลดความเหลื่อมล้ำในสังคมไทย

ขอยืนยันอีกครั้งว่า ขบวนการประชาชนเพื่อสังคมที่เป็นธรรม (ขปส.) และรัฐบาลก็อยู่ร่วมกันในกระบวนการประชาธิปไตย ที่ทุกฝ่ายจะสามารถใช้สิทธิในวิถีทางประชาธิปไตยอย่างมีเสรีภาพตามรัฐธรรมนูญ วิถีทางที่ได้มาซึ่งอำนาจประชาธิปไตยของรัฐบาล ก็ได้ผ่านกิจกรรมกระบวนการเคลื่อนไหวทุกรูปแบบ จนนำไปสู่การประกาศเป็นแนวทางการเคลื่อนไหวมวลชนตามระบบประชาธิปไตย ซึ่งไม่ต่างกับการเคลื่อนไหวของขบวนการประชาชนเพื่อสังคมที่เป็นธรรม (ขปส.) เพียงแต่ ขบวนการประชาชนเพื่อสังคมที่เป็นธรรม (ขปส.) มีจุดมุ่งหมายเพื่อแก้ปัญหาความยากจนเท่านั้น ไม่ใช่เพื่อจุดมุ่งหมายเพื่อมีอำนาจทางการเมือง

จึงหวังว่ารัฐบาลที่ประกาศตน “ว่าตัวเองมาจากวิถีประชาธิปไตย” จะยอมรับและ เปิดพื้นที่การเคลื่อนไหวเพื่อความเป็นธรรมของประชาชน และยึดมั่นในคำมั่นสัญญา ข้อตกลงที่เกิดขึ้นร่วมกัน และนั่นคือหนทางที่จะนาไปสู่ความสงบสุขและความเป็นธรรมของสังคมในที่สุด

ด้วยความเชื่อมั่นในวิถีทางประชาธิปไตย

ขบวนการประชาชนเพื่อสังคมที่เป็นธรรม

 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net