Skip to main content
sharethis

2 ก.ย.2557 ขบวนการประชาชนเพื่อสังคมที่เป็นธรรม (ขปส.-พีมูฟ) ออกแถลงการณ์ถึงกรณีชาวบ้านใน อ.คอนสาร และ อ.เกษตรสมบูรณ์ จ.ชัยภูมิ ได้รับผลกระทบหลังปิดประกาศตาม คำสั่ง คสช.ที่ 64 และ 66 เรื่องการปราบปรามและหยุดยั้งการทำลายทรัพยากรป่าไม้

ในแถลงการณ์กล่าวว่า หน่วยงานในระดับพื้นที่โดยเฉพาะทหารและฝ่ายปกครองตีความและบิดเบือนคำสั่ง คสช.ในการคุกคามชาวบ้าน โดยแถลงการณ์อ้างถึง คำสั่ง คสช.ที่ 64/2557 ข้อ 3 ที่ระบุว่าหน่วยงานที่รับผิดชอบคืนสภาพป่าที่สมบูรณ์  โดยประสานกับทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งภาคประชาชนและองค์กรชุมชนได้เข้ามีส่วนรวมในการดำเนินการดังกล่าวอย่างจริงจัง และข้อ 2.1 ของคำสั่ง คสช.ที่ 66/2557 ซึ่งระบุว่า การดำเนินการใดๆ ต้องไม่ส่งผลกระทบต่อประชาชนผู้ยากไร้ ผู้ที่มีรายได้น้อย และผู้ไร้ที่ดินทำกิน ซึ่งได้อาศัยอยู่ในพื้นที่เดิมนั้นๆ ก่อนคำสั่งนี้มีผลบังคับใช้ ยกเว้นผู้ที่บุกรุกใหม่

ในแถลงการณ์ยืนยันว่าว่า กรณีชาวบ้านโคกยาว ตำบลทุ่งลุยลาย และชาวบ้านบ่อแก้ว ตำบลทุ่งพระ อำเภอคอนสาร จังหวัดชัยภูมิ ล้วนเป็นพื้นที่ที่ชาวบ้านอยู่มาก่อน และที่สำคัญทุกพื้นที่ได้มีกระบวนการแก้ไขปัญหามาเป็นขั้นตอนอย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้แล้ว พื้นที่ทุ่งซำเสี้ยว ตำบลสระโพนทอง อำเภอเกษตรสมบูรณ์ จังหวัดชัยภูมิ ซึ่งเป็นพื้นที่ที่ผ่านการเห็นชอบให้ดำเนินการจัดทำโฉนดชุมชนแล้ว

สำหรับข้อเสนอที่ ขปส.เรียกร้องต่อคณะรักษาความสงบแห่งชาติ หรือ คสช. มี 3 ประการ 1) เร่งดำเนินการให้จังหวัดชัยภูมิ ยกเลิกประกาศทั้ง 2 ฉบับ และยุติการดำเนินการใดใดในทันที 2) ให้ คสช. ยกเลิกคำสั่ง คสช.ที่ 64 และ 66 เพื่อยุติปัญหาเฉพาะหน้า และ 3) ให้ คสช. เดินหน้านโยบายโฉนดชุมชน โดยแต่งตั้งคณะกรรมการประสานงานเพื่อจัดให้มีโฉนดชุมชน (ปจช.) โดยเร่งด่วน

ขปส.ระบุว่าจะให้เวลา คสช.และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการตามข้อเรียกร้องภายใน 7 วัน ซึ่งหากไม่มีความคืบหน้า ก็มีความจำเป็นที่จะต้องดำเนินการปกป้องชุมชนด้วยตัวเอง

ก่อนหน้านี้ เมื่อวันที่ 29 ส.ค.ที่ผ่านมา คณะกรรมการประสานงานองค์กรพัฒนาเอกชน (กป.อพช.) ภาคอีสาน ได้ออกแถลงการณ์ถึงกรณีที่เกิดขึ้นลักษณะเดียวกันนี้ในหลายจังหวัดของภาคอีสาน โดยระบุว่ามีที่เจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง เจ้าหน้าที่ป่าไม้ ตำรวจ และทหาร เข้ารื้อถอนบ้าน พืชผลการเกษตร ขับไล่ชาวบ้านออกจากพื้นที่ และดำเนินคดีกับชาวบ้าน

โดย กป.อพช.ภาคอีสาน เรียกร้องให้
1. ยุติการขับไล่ชาวบ้านออกจากพื้นที่ทำกินในปัจจุบัน โดยเฉพาะที่ จ.ชัยภูมิ
2. จำแนกคนจนที่ทำกินออกจากนายทุนที่บุกรุกป่า และดำเนินการเพิ่มพื้นที่ป่า
3. ออกเอกสารสิทธิ์รวม โดยให้ชาวบ้านมีส่วนร่วมในการดำเนินการ
4. ยุติการส่งเรื่องดำเนินคดีกับชาวบ้านที่ทำกินในเขตป่าที่ประกาศทับที่ดินทำกิน
5. จัดทำแผนแม่บทป่าไม้ใหม่ โดยให้ชาวบ้านและภาคประชาชนมีส่วนร่วมในการจัดทำ

สำหรับรายละเอียดของแถลงการณ์ ขปส. มีดังนี้

 


แถลงการณ์ฉบับที่ 3
จังหวัดชัยภูมิแปลงสาร คำสั่ง คสช. (64,66) ต้อนคนจนให้ลุกชน คสช.

 

ตามที่ คสช. ได้มีคำสั่งที่ 64 และ คำสั่งที่ 66 เรื่องการปราบปรามและหยุดยั้งการทำลายทรัพยากรป่าไม้ นั้น ภายหลังการออกคำสั่ง คสช. ดังกล่าว หน่วยงานในระดับพื้นโดยเฉพาะ ทหาร ฝ่ายปกครองได้ฉวยโอกาส ช่องว่างและตีความคำสั่ง (ซึ่งชัดเจนอยู่แล้ว) ให้บิดเบือนจากความจริง เพื่อใช้ในการคุกคามคนจน

ขบวนการประชาชนเพื่อสังคมที่เป็นธรรม (ขปส.) เห็นว่า ในคำสั่งที่ 64 ข้อ 3 ที่ระบุชัดเจนว่า.....โดยประสานงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และภาคประชาชน และองค์กรชุมชนได้เข้ามามีส่วนร่วม.... และในคำสั่งที่ 66 ข้อ 2.1 การดำเนินการใดๆ ต้องไม่ส่งผลกระทบต่อประชาชนผู้ยากไร้ ผู้มีรายได้น้อย และผู้ไร้ที่ดินทำกิน ซึ่งได้อาศัยอยู่ในพื้นที่เดิมๆ นั้น ก่อนคำสั่งนี้มีผลบังคับใช้....ซึ่งกรณีประกาศของจังหวัดชัยภูมิ ลงวันที่ 21 สิงหาคม 2557 และประกาศจังหวัดชัยภูมิลงวันที่ 25 สิงหาคม 2557 นั้น ไม่เป็นไปตามคำสั่ง คสช. ทั้งคำสั่งที่ 64 และ คำสั่งที่ 66 เพราะกรณีชาวบ้านโคกยาว ตำบลทุ่งลุยลาย และชาวบ้านบ่อแก้ว ตำบลทุ่งพระ อำเภอคอนสาร จังหวัดชัยภูมิ ล้วนเป็นพื้นที่ ที่ชาวบ้านอยู่มาก่อน และที่สำคัญทุกพื้นที่ได้มีกระบวนการแก้ไขปัญหามาเป็นขั้นตอนอย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้แล้ว พื้นที่ทุ่งซำเสี้ยว ตำบลสระโพนทอง อำเภอเกษตรสมบูรณ์ จังหวัดชัยภูมิ ซึ่งเป็นพื้นที่ที่ผ่านการเห็นชอบให้ดำเนินการจัดทำโฉนดชุมชนแล้ว แต่ก็กำลังถูกคุกคามจาก ทหารและฝ่ายปกครอง

ต่อสถานการณ์ดังกล่าวนี้ ขบวนการประชาชนเพื่อสังคมที่เป็นธรรม (ขปส.) ยืนยันว่า อุปสรรคสำคัญที่กำลังจะนำมาสู่ชนวนความขัดแย้ง มีสาเหตุหลัก ดังนี้

1. คสช. ไม่มีข้อมูลอย่างเพียงพอ รอบด้าน จึงทำให้เกิดความเข้าใจต่อปัญหาความขัดแย้งระหว่างคนกับป่า ผิดเพี้ยนไป อันเป็นผลมาจากการหน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้อง ให้ข้อมูลที่บิดเบือนความเป็นจริงอันเป็นสันดาน เดิมของข้าราชการไทย ที่ไม่ยอมพัฒนา
2. คสช. ไม่สานต่อนโยบายการแก้ไขปัญหาที่มีส่วนร่วมของภาคส่วนต่างๆ โดยเฉพาะ “นโยบายโฉนดชุมชน” ซึ่งเป็นนโยบายที่สามารถแก้ไขปัญหาได้อย่างดี และที่สำคัญนโยบายโฉนดชุมชน เป็นนโยบายที่มีภาคส่วนต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องเข้ามาร่วมกันแก้ไขปัญหา
3. มีความผิดปกติ ของจังหวัดชัยภูมิ ที่มีประกาศเพื่อดำเนินการเฉพาะพื้นที่ ที่คนจน คนไร้ที่ดิน เป็นผู้ถูกกระทำ เสมือนหนึ่งจะเสี้ยมให้คนจน ลุกขึ้นเผชิญหน้ากับ คสช. โดยผู้จุดชนวนก็ลอยตัว ขณะที่ คสช. ก็จะมีตราบาปติดตัว ว่า “เข่นฆ่าคนจน”
4. การแปลงสาร บิดเบือนคำสั่ง คสช. นี้ กำลังจะถูกนำไปใช้ต่อ ในอีกหลายพื้นที่ทั่วประเทศ ซึ่งเมื่อคนจนจำนวนมากถูกไล่ บีบบังคับออกจากพื้นที่ ที่พวกเขาอยู่มาก่อน การลุกฮือของคนจำนวนก็จะเกิดขึ้น อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ซึ่งน่าสงสัยอย่างยิ่งว่าใคร จะได้ประโยชน์จากการจุดชนวนความขัดแย้งนี้

ขบวนการประชาชนเพื่อสังคมที่เป็นธรรม (ขปส.) ขอเรียกร้อง ให้ คสช. เร่งดำเนินการ ดังนี้
1. ให้จังหวัดชัยภูมิ ยกเลิกประกาศทั้ง 2 ฉบับ และยุติการดำเนินการใดใดไว้ก่อนในทันที
2. ให้ คสช. ยกเลิกคำสั่ง คสช.ที่ 64 และ คำสั่ง คสช.ที่ 66 ในทันที เพื่อยุติปัญหาเฉพาะหน้า
3. ให้ คสช. เดินหน้านโยบายโฉนดชุมชน ด้วยแต่งตั้งกรรมการ ปจช. โดยเร่งด่วน

ทั้งนี้ ขบวนการประชาชนเพื่อสังคมที่เป็นธรรม (ขปส.) ให้เวลา คสช.และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ดำเนินการภายใน 7 วัน หากไม่มีความคืบหน้า พวกเราจะเป็นที่จะต้องดำเนินการปกป้องชุมชนของพวกเราด้วยตัวเอง

 


ด้วยความเชื่อมั่นในพลังประชาชน
ขบวนการประชาชนเพื่อสังคมที่เป็นธรรม (ขปส.)
2 กันยายน 2557

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net