Skip to main content
sharethis

                เมื่อวันที่ 21 มกราคม 2556  ศ.ดร.อมรา พงศาพิชญ์ ประธานกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ พร้อมด้วยนางอังคณา นีละไพจิตร  นางจิราพร บุนนาค   นางสาวพรเพ็ญ เกียตริขจร  นายดอรอแม  ดือราแม อนุกรรมการปฏิบัติการยุทธศาสตร์ด้านสิทธิมนุษยชนในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ร่วมประชุมกับประชาชนในพื้นที่อำเภอบาเจาะ  จังหวัดนราธิวาส ณ ศูนย์บริการเครือข่ายการแก้ไขปัญหาที่ดินทำกินและที่อยู่อาศัย  ตำบลปะลุกาสาเมาะ  อำเภอบาเจาะ  จังหวัดนราธิวาส เพื่อรับฟังข้อเท็จจริงในกรณีประชาชนร้องเรียนว่าถูกละเมิดสิทธิมนุษยชนในด้านสิทธิชุมชน และที่ดินทำกิน  สืบเนื่องจากการประกาศเขตป่าสงวนแห่งชาติ พ.ศ.2508  และการประกาศพระราชกฤษฎีกาอุทยานแห่งชาติ  เทือกเขาบูโด- สุไหงปาดี มีผลกระทบต่อที่ทำกินของชาวบ้านครอบคลุม  พื้นที่ 83 หมู่บ้าน 25 ตำบลในเขต 9 อำเภอของสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ ทำให้ชาวบ้านไม่สามารถเข้าไปใช้ประโยชน์ในที่ดินและไม่สามารถเข้าไปตัดโค่นต้นยางพาราที่หมดอายุเพื่อปลูกทดแทนใหม่  ซึ่งที่ผ่านมาคณะรัฐมนตรีได้มีมติเมื่อวันที่ 14 ตุลาคม 2551 เห็นชอบแนวทางการตัดโค่นต้นยางพาราที่หมดอายุเพื่อปลูกทดแทนใหม่ในสัดส่วนไม่เกินร้อยละ ๔ ของพื้นที่เพื่อไม่ให้มีผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม  และให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งรัดการแก้ไขปัญหาเอกสารสิทธิของชาวบ้านที่เดือดร้อน แต่กรมอุทยานแห่งชาติ  สัตว์ป่าและพันธุ์พืชดำเนินการล่าช้าในการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีดังกล่าว ทำให้ประชาชนได้รับความเดือดร้อน

                นายดอรอแม  ดือราแม อนุกรรมการฯ และปราชญ์ชาวบ้าน ได้นำเสนอข้อมูลรากเหง้าปัญหาของสิทธิในที่ดินทำกินของชาวบ้านว่า “ พื้นที่บริเวณอุทยานแห่งชาติเทือกเขาบูโด-สุไหงปาดี ตามหลักฐานของกระทรวงมหาดไทย ชาวบ้านเข้าไปทำกินมาก่อน 300 กว่าปีแล้ว ก่อนมีประกาศเป็นพื้นที่ของอุทยานแห่งชาติ ซึ่งขณะนี้ทางการได้ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องบรรเทาความเดือดร้อนให้กับราษฎรซึ่งถือครองสิทธิ์ที่ดินในเขตอุทยานแห่งชาติบูโด-สุไหงปาดี โดย ศอ.บต.ได้มอบให้อุทยานแห่งชาติร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในพื้นที่ทุกภาคส่วนร่วมกันดำเนินการสำรวจตรวจสอบเอกสารสิทธิการครอบครองที่ดิน (ส.ค.1) และพิสูจน์สิทธิ์ หากผู้ครอบครองที่ดินในเขตอุทยานแห่งชาติฯ มีเอกสารสิทธิ์ที่ชอบด้วยกฎหมายก็สามารถตัดโค่นต้นยางพาราที่หมดอายุ และปลูกทดแทนได้ แต่วันนี้การดำเนินการดังกล่าวมีความล่าช้ามาก”

                อาหะมะ (ผู้ร้อง) ได้กล่าวว่า  การแก้ปัญหานั้นรัฐให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการ มาตั้งแต่ปี 2549 แต่วันนี้ล่วงเลยมาถึง 7 ปีแล้ว ประชาชนยังไม่เห็นความคืบหน้าของการแก้ไขปัญหาแต่อย่างใด  พื้นที่ของอำเภอบาเจาะ จังหวัดนราธิวาสต้องการให้เป็นพื้นที่นำร่องของการแก้ปัญหา  และจะส่งผลให้พื้นที่ของ 9 อำเภอได้รับการแก้ปัญหาด้วย หากรัฐแก้ไขปัญหาเรื่องปากท้องที่ดินทำกินให้ประชาชนได้ รัฐจะได้รับความมั่นใจจากประชาชนมากขึ้นและต้องการนำเสนอปัญหาให้คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ช่วยเร่งดำเนินการแก้ปัญหาเรื่องปากท้องของชาวบ้าน ณ ที่นี้เสบียงอาหารของชาวบ้านอยู่ในเขตของอุทยานแห่งชาติที่ประกาศทับสิทธิ์ของชาวบ้าน แต่เมื่อรัฐมาปิดกั้นประชาชนก็เดือดร้อน นายอาหะมะกล่าวในที่สุด

                ต่อจากนั้น ศ.ดร.อมรา พงศาพิชญ์ พร้อมคณะได้เดินทางเข้าเยี่ยมประชาชนผู้เดือดร้อน  ณ วัดเชิงเขา หมู่ 4 ตำบลปะลุกาสาเมาะ อำเภอบาเจาะ จังหวัดนราธิวาส ได้รับทราบความเดือดร้อนของชาวบ้านที่ต้องการให้ภาครัฐช่วยแก้ปัญหาในเรื่องที่ดินทำกิน และได้นำคณะอนุกรรมการฯ ศึกษาพื้นที่เชิงเขาบูโด -
สุไหงปาดี ที่มีสวนยางพาราของชาวบ้านที่ปลูกไว้เป็นจำนวนมาก

                ศ.ดร.อมรา พงศาพิชญ์ กล่าวกับประชาชนที่มาร้องเรียนว่า คณะกรรมการสิทธิมนุษยชขนแห่งชาติ จะนำข้อเท็จจริง และข้อมูลที่ได้รับจากชาวบ้านไปพิจารณาอย่างเร่งด่วน เพื่อแจ้งให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งดำเนินการแก้ไขปัญหา และขอให้เครือข่ายในชุมชนร่วมกันจัดทำข้อมูล เพื่อส่งเสริมให้ประชาชนได้รับการคุ้มครองสิทธิในเบื้องต้น และจะเร่งนำเรื่องดังกล่าวเสนอต่อรัฐบาลเพื่อให้สำนักนายกรัฐมนตรีที่รับผิดชอบติดตามเร่งรัดให้หน่วยงานภาครัฐปฏิบัติตามมติของคณะรัฐมนตรี ให้แก้ไขปัญหาความเดือดร้อนด้านสิทธิในที่ดินทำกินอย่างเร่งด่วน และจะจัดทำข้อเสนอแนะเชิงนโยบายให้รัฐบาลแก้ไขเรื่องสิทธิที่ดินทำกินและสิทธิชุมชนในภาพรวมต่อไป  อย่างไรก็ตามคณะอนุกรรมการฯ จะเชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในพื้นที่เข้าร่วมประชุมเพื่อสอบถามข้อมูลรวมถึงความก้าวหน้าในการแก้ไขปัญหา ในวันที่ 22 มกราคม 2556

 

 

สแกน QR Code เพื่อร่วมบริจาคเงินให้กับประชาไท

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net