Skip to main content
sharethis

จุฬาราชมนตรีและองค์กรมุสลิม ออกแถลงการณ์ฉบับที่ 1 เรียกร้องรัฐบาลไทย พร้อมเรียกร้องคนไทยแสดงความเป็นมิตร ร่วมบริจาคเงินและอาหาร ทั้งยังเรียกร้องถึงนานาชาติกดดันประเทศพม่า

เมื่อวันที่ 17  มกราคม  2556 สำนักจุฬาราชมนตรีและองค์กรมุสลิมได้ออกแถลงการณ์ “กรณีผู้ลี้ภัยชาวมุสลิมโรฮิงยา ฉบับที่ 1” โดยระบุว่า จากกรณีการหลบหนีภัยการสู้รบในประเทศพม่าของชาวโรฮิงยาเข้ามาสู่ประเทศไทย กว่า 800 คน กระทั่งถูกจับกุมและควบคุมตัวอยู่ในสถานีตำรวจหลายแห่งในจังหวัดสงขลา ตั้งแต่วันที่ 14 มกราคม 2556 สำนักจุฬาราชมนตรี คณะกรรมการกลางอิสลามแห่งประเทศไทย และสำนักงานคณะกรรมการอิสลาม 5 จังหวัดชายแดนภาคใต้ มีจุดยืนต่อกรณีดังกล่าวและมีข้อเรียกร้องต่อฝ่ายต่างๆ ดังนี้

1.ขอให้รัฐบาลไทย คำนึงถึงมนุษยธรรมและช่วยบรรเทาความทุกข์เข็ญของผู้ลี้ภัยเหล่านี้ โดยการอำนวยให้ชาวโรฮิงยา สามารถลี้ภัยในประเทศไทยได้ตามความเหมาะสม ไม่ส่งตัวกลับไปยังประเทศพม่าตราบใดที่สถานการณ์ยังไม่กลับคืนสู่ภาวะปกติ และอาจส่งตัวคนเหล่านี้ไปยังประเทศที่สามตามความสมัครใจของผู้ลี้ภัยเอง

“ในส่วนของสถานที่พักพิงชั่วคราวสำหรับผู้ลี้ภัยชาวโรฮิงยานี้ หากไม่เป็นการขัดต่อกฎหมายบ้านเมือง และกระทบต่อความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ องค์กรที่ร่วมแถลงการณ์ทั้งหมดยินดีให้ใช้มัสยิดกลางจังหวัดสงขลา เป็นสถานที่พักพิงแก่ชาวโรฮิงยาที่ไม่มีคดีอาญาติดตัว จนกว่าจะสามารถจัดหาสถานที่ที่เหมาะสม”

2.ขอให้ประชาชนชาวไทยทุกคน เห็นใจต่อผู้ที่เผชิญกับเหตุการณ์อันเลวร้าย ทำให้สูญเสียชีวิตของผู้เป็นที่รัก ทรัพย์สิน ตลอดจนศักดิ์ศรีของความเป็นมนุษย์ จนไม่สามารถอยู่ในแผ่นดินเกิดได้ จึงต้องหลบหนีมาอาศัยแผ่นดินไทยเป็นที่หลบลี้หนีภัย

“และขอให้พี่น้องชาวไทยและมุสลิมทั่วประเทศไทย โปรดแสดงไมตรีจิตร และภราดรภาพให้เป็นที่ประจักษ์ด้วยการร่วมบริจาคเงิน และอาหาร เพื่อการยังชีพของพี่น้องผู้ตกทุกข์ได้ยากเหล่านั้น ซึ่งอาจต้องพักพิงอาศัยในแผ่นดินไทยไปอีกระยะหนึ่ง”

ทั้งนี้ สำนักจุฬาราชมนตรีได้มอบหมายให้สำนักงานคณะกรรมการอิสลามประจำจังหวัดสงขลา เป็นศูนย์กลางการรับบริจาคจากทุกภาคส่วน และกระจายความช่วยเหลือไปยังทุกสถานที่ที่มีการควบคุมตัวผู้ลี้ภัยชาวโรฮิงยาเอาไว้ โดยการประสานงานกับหน่วยงานหรือองค์กรที่ดำเนินให้ความช่วยเหลืออยู่ก่อนแล้วอย่างใกล้ชิด

3.ขอให้ประเทศโลกมุสลิม องค์กรระหว่างประเทศ และองค์การสหประชาชาติ ที่ทำงานด้านสิทธิมนุษยชน ให้ประสานงานกับประเทศที่สามเพื่อจัดหาที่ลี้ภัย พร้อมทั้งเพิ่มแรงกดดันต่อรัฐบาลพม่าให้ยอมรับความเป็นพลเมืองพม่าของชาวโรฮิงยาและปฏิบัติต่อชาวโรฮิงยาเฉกเช่นชาติพันธุ์อื่นๆที่อยู่ในประเทศพม่า

ทั้งนี้สำนักจุฬาราชมนตรี และองค์กรมุสลิมได้เปิดรับเงินบริจากเพื่อช่วยเหลือชาวโรฮิงยา โดยสามารถบริจาคได้ที่ มัสยิดกลางประจำจังหวัดสงขลา ชั้น 2 และสามารถโอนเข้าทางบัญชีธนาคาร ชื่อบัญชี สำนักงานคณะกรรมการอิสลามประจำจังหวัดสงขลา (กองทุนช่วยเหลือชาวโรฮิงยา) ธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทย สาขาหาดใหญ่ บัญชีเลขที่ 934-1-48557-6

 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net