Skip to main content
sharethis

ยิ่งลักษณ์แต่งตั้ง “เฉลิม” เป็นหัวขบวน 22 กรรมการ เผยพร้อมใช้ทั้งนิติศาสตร์ รัฐศาสตร์ และการประจาน ปราบเว็บหมิ่นฯ ด้านปลัดไอซีทีเผยเฟซบุ๊กร่วมมือปิดบัญชีคนโพสต์หมิ่นแล้ว 6 หมื่นราย เว็บไซต์ไทยรัฐออนไลน์ รายงานว่า เมื่อวันที่ 8 ธ.ค. ที่ทำเนียบรัฐบาล ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงความคืบหน้าการดำเนินการปราบปรามเว็บไซต์ที่โพสต์และส่งข้อความที่ก่อให้เกิดความระคายเคืองเบื้องพระยุคลบาทว่า ตนเรียนให้นายกรัฐมนตรีทราบว่า ผบ.ทบ.ระบุว่า กองทัพเป็นห่วงเรื่องนี้ แต่ทางกองทัพมีข้อจำกัดเรื่องเทคโนโลยีและกำลังพล นายกฯจึงได้ออกคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรี ที่ 285 /2554 ลงวันที่ 7 ธ.ค. 54 แต่งตั้งคณะกรรมการอำนวยการกำหนดนโยบายการป้องกันและปราบปรามการนำเสนอ ข้อมูลข่าวสารที่ผิดกฎหมายหรือไม่เหมาะสมผ่านระบบเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร จำนวน 22 คน มีตนเป็นประธาน และผู้บังคับบัญชาของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าร่วม เช่น ปลัดไอซีที เป็นกรรมการ นอกจากนี้คณะกรรมการชุดดังกล่าว จะบูรณาการการทำงาน โดยใช้สถานที่ทำงานของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ และจะติดตั้งเครื่องมือ ติดตามตรวจสอบการทำงานตลอด 24 ชั่วโมง ซึ่งจะประชุมนัดแรกวันที่ 9 ธ.ค.นี้ เวลา 11.00 น. และขอความร่วมมือคณะกรรมการทุกคน ต้องเข้าร่วมประชุมอย่างพร้อมเพรียงทุกครั้ง หากจำเป็น มาไม่ได้ ต้องมอบให้คนที่มีอำนาจตัดสินใจมาร่วมประชุมเพื่อแก้ไขปัญหา ทั้งนี้ ขอให้ข้าราชการที่ได้รับการแต่งตั้ง ให้ร่วมมือกันรักษาพระเกียรติยศ ให้จริงจัง ต้องไม่บกพร่อง ห้ามมีข้ออ้างว่าทำไม่ได้ ว่าเว็บไซต์ที่เผยแพร่เป็นเว็บไซต์จากต่างประเทศ เพราะสามารถหยุด และห้ามไม่ให้มีการเผยแพร่ต่อได้ ถ้าไม่ทำ ตนจะดำเนินการตามกฎหมายอย่างเด็ดขาด อย่างไรก็ตาม คณะกรรมการจะแถลงความคืบหน้าการทำงานให้นายกฯ ประชาชนทราบเป็นระยะ โดยจะบอกเฉพาะว่า ส่งมาจากไหน และใครเผยแพร่ แต่จะไม่เผยแพร่เรื่องของเนื้อหา ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวว่า ได้มอบให้ ผบ.ตร.เป็นหัวหน้ารับผิดชอบในส่วนของตำรวจ และให้ พล.ต.อ.ภาณุพงศ์ สิงหรา ณ อยุธยา รอง ผบ.ตร. เป็นคนดูเรื่องกำลังคน ส่วนเรื่องเทคโนโลยี ของกระทรวงมหาดไทย กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร(ไอซีที) และกระทรวงกลาโหม และตำรวจชุดสืบสวน ชุดเฝ้าระวัง และชุดตรวจค้น ทำงานร่วมกัน ซึ่งตนจะลงไปกำกับเอง ถ้าเจ้าของเว็บไซต์ยังดื้อหรือหัวหมอ ก็จะลงไปเจรจาเอง หากเรื่องนี้ใช้หลักนิติศาสตร์แก้ปัญหาได้ก็ใช้ ถ้าใช้ไม่ได้ก็ใช้รัฐศาสตร์เข้าไปจัดการ โดยจะใช้การประจานตัวผู้กระทำ แต่ไม่ประจานเนื้อหา เพราะต้องระวังในการนำเสนอ “งานนี้เป็นงานที่ท้าทาย แต่ผมเต็มใจ และตั้งใจที่จะทำ ทุกคนที่ได้รับแต่งตั้งรอเวลานี้มานานแล้ว แต่ไม่เคยมีใครคิดจะบูรณาการทุกภาคส่วนร่วมกัน ที่ผ่านมาการแก้ปัญหาติดขัดเรื่องขั้นตอน เช่น เวลาที่ฝ่ายเทคโนโลยีของตำรวจจะตรวจค้น ก็ติดที่ขั้นตอนที่ว่าต้องไปหาเจ้าหน้าที่ไอซีที แต่ตอนนี้ตนเชิญกระทรวงไอซีทีมาคุยว่าติดขัดกันเรื่องอะไร ส่วนความขัดแย้งของหน่วยงานต่างๆ ผมจะลงไปกำกับเอง อย่าทำแบบขอไปที ไม่ได้ ต้องทำตามภารกิจหน้าที่ ต้องยกเลิกขั้นตอนธุรการที่ทำงานมีปัญหาลง เพราะตอนนี้ระดับปลัดกระทรวงลงมาทำงานแล้ว ผู้ใต้บังคับบัญชาต้องฟัง ดังนั้นต้องลดขั้นตอนลง เพื่อความสำเร็จของงาน จับคนทำผิดก่อน เมื่อเรื่องไปถึงศาล ต้องรีบดำเนินการทันที จะรอให้ถึงวันเปิดทำงานก่อนไม่ได้ ไม่เช่นนั้นงานไม่เสร็จ” ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวต่อว่า แม้คณะกรรมการชุดนี้จะมีอำนาจในการทำงาน แต่ต้องดูให้สอดรับกับกฎหมายที่เกี่ยวข้อง โดยเป้าหมายหลักคือ ต้องกำจัดและสกัดเว็บไซต์ที่กระทบสถาบัน และมาดูข้อกฎหมายว่า ทำอะไรได้หรือไม่ได้บ้าง ถ้าทำไม่ได้ ต้องแก้ไขเพื่อให้ทำได้ เมื่อถามว่า ตั้งเป้าการทำงานว่าต้องดำเนินการให้แล้วเสร็จได้เมื่อไร ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวว่า ถ้าทำได้ อยากให้เสร็จพรุ่งนี้ แต่เป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ อย่างน้อยรัฐบาลนี้เริ่มทำอย่างเป็นรูปธรรม ทุกรัฐบาลทำ แต่เป็นแค่นามธรรม เมื่อถามว่าจะแก้ปัญหาเว็บไซต์ที่มาจากต่างประเทศ จะทำอย่างไร ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวว่า อย่าไปเผยแพร่ต่อ ก็ถือว่าให้ความร่วมมือแล้ว ส่วนบรรดาเจ้าของเว็บไซต์ ให้เลิกพฤติกรรมที่ไม่ถูกต้อง ถ้าไม่เลิก ผิดกฎหมาย และดำเนินการเด็ดขาด ขณะที่เจ้าหน้าที่อย่ามาอ้างว่าไม่รู้ไม่เข้าใจ ถ้ารู้แล้วปล่อยก็ติดคุกด้วย ถ้าอยากติดคุกก็เชิญ ตนไม่ได้ขู่แต่เอาจริง เพราะที่ผ่านมาเหลาะแหละ เมื่อรู้ก็ไปพูด ทั้งที่เรื่องแบบนี้เขาให้สกัดกั้น ไม่ใช่ออกมาพูด เมื่อถามว่า แต่มีกลุ่มการเมืองพยายามเคลื่อนไหวมายื่นหนังสือให้สกัดเว็บหมิ่นสถาบัน เพื่อกระทุ้งให้เป็นข่าวอยู่เรื่อยๆ รองนายกฯ กล่าวว่า มีคนหลายพวก คือพวกที่คิดว่าจะชนะการเลือกตั้งแล้วกลับแพ้ ยังทำใจไม่ได้ พวกที่เดินไปอุ้มไก่แพ้ พวกใจร้อนที่เห็นว่าได้เวลาแล้วที่จะเปลี่ยนไปเป็นพวกเก่า เพราะรัฐบาลมัวแก้ปัญหาน้ำท่วม แต่ประชาชนไม่ยอม และพวกที่ผิดหวังที่พรรคเพื่อไทยชนะเลือกตั้ง เมื่อถามว่ากังวลหรือไม่หากรัฐบาลเอาจริง อาจผิดใจกับคนเสื้อแดงได้ ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวว่า ไม่มีผิดใจ เพราะคนเสื้อแดงเขารักพรรคเพื่อไทยชั่วฟ้าดินสลาย ชั่วกัลปาวสาน จะผิดใจเรื่องอะไร เพราะมาร่วมกันทำความดี แม้ตนจะไม่เคยขึ้นเวทีเสื้อแดง แต่เชื่อว่าคนเสื้อแดงมีเหตุผล ต่อข้อถามว่าการเดินหน้าเรื่องนี้เป็นการตอบโต้ฝ่ายตรงข้าม ที่หยิบยกว่ารัฐบาลไม่จงรักภักดีมาโจมตีหรือไม่ ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวว่า ไม่มี ไม่ได้ตอบโต้ ต่อข้อถามว่า รัฐบาลต้องการสร้างผลงานเรื่องนี้ รองนายกฯ กล่าวว่า ไม่ใช่เป็นผลงาน แต่เป็นหน้าที่ เมื่อก่อนไม่มีการมอบหมายตนให้ทำ แต่มอบให้ไปดูเรื่องคดีลูกเรือจีน 13 ศพ แก้ปัญหายาเสพติด ตนก็ไป ไอซีทีเผยเฟซบุ๊กร่วมมือปิดบัญชีคนโพสต์หมิ่นแล้ว 6 หมื่นราย วันเดียวกัน เว็บไซต์โพสต์ทูเดย์รายงานว่า นางจีราวรรณ บุญเพิ่ม ปลัดกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (ไอซีที) กล่าวชี้แจงระหว่างการประชุมคณะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญพิจารณาร่างพ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณพ.ศ.2555 ว่า การกระทำความผิดหมิ่นสถาบันพระมหากษัตริย์ผ่านทางเว็บไซต์เชื่อมั่นว่ามีจำนวนไม่มากโดยเป็นบุคคลกลุ่มเก่าคอยดำเนินการ ไอซีทีได้ทำงานร่วมกับสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) และกระทรวงการต่างประเทศ เพื่อประสานกับผู้ให้บริการในต่างประเทศโดยเฉพาะเว็บไซต์สื่อสังคมออนไลน์หรือโซเชียลมีเดีย เช่น เฟซบุ๊ก กูเกิ้ล ยูทูบ เป็นต้น \เมื่อเราเข้าไปตรวจสอบพบว่าในปี 2553เป็นลักษณะกระทำการผ่านทางเว็บบอร์ด ซึ่งเป็นสื่อที่เข้าถึงในลักษณะที่ต้องตั้งใจเข้าไปดูมากกว่าบังเอิญเข้าไปพบ แต่เมื่อมาเป็นสื่อสังคมออนไลน์พบว่ามีการกระจายข้อความรวดเร็วแพร่หลายมากกว่าที่ผ่านมา ไอซีทีได้พยายามจัดการที่ต้นตอโดยขอความร่วมมือไปยังผู้ดูแลเฟซบุ๊ก กูเกิ้ล และยูทูบ ซึ่งเราได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดีจากกูเกิ้ลและยูทูบ\" นางจีราวรรณ กล่าว นางจีราวรรณ กล่าวว่า สำหรับเฟซบุ๊กที่ผ่านมาเรายังไม่ได้รับความร่วมมือเลยเพราะเขามีนโยบายของเขาว่าต้องให้ทุกคนสามารถเผยแพร่ข้อมูลอะไรก็ได้ไม่ได้จำกัดสิทธิเพราะการยิ่งไม่จำกัดสิทธิมากเท่าไหร่ เว็บไซต์จะยิ่งได้รับความนิยมมากขึ้นเท่านั้น อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ได้รับความร่วมมือจากเฟซบุ๊กแล้วโดยเมื่อเราทำความเข้าใจกับผู้ให้บริการกว่า 5 เดือนซึ่งปลายเดือน พ.ย.ที่ผ่านมาเราได้รับการตอบรับมาว่ามีการยอมปิดบัญชีผู้ใช้บางรายที่มีการเผยแพร่ข้อความดังกล่าวแล้ว สามารถลดผู้ที่เผยแพร่ข้อความไม่เหมาะสมได้แล้วถึง 6 หมื่นราย"

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net