Skip to main content
sharethis

หลอกลวงจะขึ้นค่าจ้างขั้นต่ำ 1,000 บาทต่อวัน เงินเดือนปริญญาตรีสตาร์ท 30,000 บาท อีก10 ปีข้างหน้า ทั้ง ๆ ที่ไม่มีเหตุผลรองรับชี้เป็นการดูถูกสิทธิประชาชนอย่างขาดความรับผิดชอบ ก่อให้เกิดผลกระทบทางสังคมตามมา วอนผู้ใช้สิทธิเลือกตั้งใช้เหตุผลในการใช้สิทธิ นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย เปิดเผยว่า ตามที่มีผู้สมัครระบบบัญชีรายชื่อของพรรคการเมืองใหญ่ แสดงแผ่นชาร์ตวิสัยทัศน์นโยบายค.ศ. 2020 หรือพ.ศ.2563 ของพรรคฯในหลาย ๆ สื่อในช่วงโค้งสุดท้ายของการหาเสียงโดยระบุว่า ต้องการจะบอกกับประชาชนให้ทราบถึงวิสัยทัศน์วันข้างหน้าว่าพรรคดังกล่าวจะเดินไปอย่างไร โดยอ้างว่านโยบายที่นำเสนอในการเลือกตั้งในวันที่ 3 ก.ค.นี้ หากดำเนินการต่อเนื่องเมื่อสิ้นปี พ.ศ.2536 รายได้ของประชาชนจะต้องไม่น้อยกว่า 8 แสนล้านเหรียญสหรัฐ ค่าจ้างขั้นต่ำ 1,000 บาทต่อวัน เงินเดือนผู้จบปริญญาตรีเริ่มต้นที่ 30,000 บาทต่อเดือน ประเทศไทยจะมีผู้ประกอบการเพิ่มขึ้นจากปัจจุบันเป็น 2 เท่าเป็นต้น การโฆษณาดังกล่าวอยู่บนพื้นฐานของความเป็นได้ยาก หรือแทบเป็นไปไม่ได้เลยในช่วงระยะเวลา 10 ปีตามอ้างเมื่อพิจารณาถึงอัตราความเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศและสถิติของอัตราค่าจ้างขั้นต่ำในช่วงถอยหลังไป 10 ปีที่พบว่าในปี พ.ศ.2540 มีค่าจ้างขั้นต่ำสูงสุดเพียง 162 บาทต่ำสุดเพียง 130 บาท ปีพ.ศ.2545 มีค่าจ้างขั้นต่ำสูงสุดเพียง 168 บาทต่ำสุดเพียง 130 บาทเท่านั้น ปัจจุบันอัตราค่าจ้างขั้นต่ำสูงสุดมีเพียง 221 บาทต่ำสุดเพียง 159 บาท ส่วนผู้จบปริญญาตรีอัตราเงินเดือนแรกบรรจุหากรับราชการมีเพียง 7,940 บาท/เดือนเท่านั้น หากผู้สมัครระบบบัญชีรายชื่อ ลำดับที่ 1 ของพรรคการเมืองใหญ่จะกำหนดว่าในปี พ.ศ.2563 คนไทยจะมีค่าจ้างขั้นต่ำวันละ 1,000 บาท และเงินเดือนผู้จบปริญญาตรีขั้นเริ่มต้นเดือนละ 30,000 บาท ก็จะมีอัตราการก้าวกระโดดของการขึ้นค่าจ้างถึง 452 % จากปัจจุบันเลยทีเดียว ซึ่งเป็นไปไม่ได้ แต่หากเป็นจริงจะก่อให้เกิดผลกระทบตามมากมาย เช่น 1) อัตราเงินเฟ้อจะเกิดขึ้นอย่างรุนแรง ค่าเงินจะถูกลดค่าลงไปเป็นจำนวนมาก สิ้นค้าต่าง ๆ ทั้งสินค้าที่จำเป็น สินค้าเพื่อการอุปโภค บริโภค จะแพงขึ้นเท่ากับอัตราก้าวกระโดด คือ 452 เท่าทันที เวลาพกเงินไปจ่ายตลาดต้องใส่กระสอบไปเลยทีเดียว ซึ่งมีตัวอย่างให้เห็นมากมาย เช่น ประเทศลาว ประเทศคองโก ประเทศอาเจนติน่า เป็นต้น 2) ภาคเศรษฐกิจอุตสาหกรรมจะล้มละลายทันทีกว่า 5 แสน ถึง 1 ล้านโรงงาน/บริษัททันที เพราะไม่สามารถมีเงินทุนเพียงพอที่จะมาหมุนเวียนจ่ายค่าแรงคนงานในอัตราก้าวกระโดดเช่นนั้นได้ 3) จะเกิดความขัดแย้งกันอย่างรุนแรงระหว่างคณะกรรมการไตรภาคีที่กำหนดค่าแรงตามกฎหมายแรงงาน ทั้งภาคนายจ้าง ภาคลูกจ้าง และหน่วยงานภาครัฐ เพราะต่างคนต่างไม่ยอมกันแน่นอน 4)ประชาชนผู้บริโภคทั้งประเทศจะถูกละเมิดสิทธิอย่างรุนแรง เพราะมีผลต่อการกระทบด้านเศรษฐกิจ สังคม และวัฒนธรรมวิถีชีวิตของชาวบ้าน เพราะทุกคนจะตกงานทันที โรงงาน บริษัท ผู้ประกอบการปิดตัวเองลง ชาวบ้านผู้ใช้แรงงานก็จะไม่มีงานทำ เกิดปัญหาทางสังคม ปัญหาเศรษฐกิจ ปัญหาอาชญากรรม ปัญหาอื่น ๆ อีกสารพัดตามามากมายเกินคาดการณ์ได้ครบถ้วน ความเสียหายดังกล่าว ถ้าเกิดขึ้นจริงผู้สมัครระบบบัญชีรายชื่อของพรรคการเมืองใหญ่และผู้บริหารพรรคดังกล่าวจะรับผิดชอบในทางการเมืองอย่างไร มีวิสัยทัศน์ที่จะแก้ปัญหานโยบายที่ผิดพลาดของตนเองอย่างไร เช่น นโยบายฆ่าตัดตอน นโยบาย 30 บาทตายทุกโรค เป็นต้น หรือเมื่อถึงเวลานั้นก็หอบข้าวหอบของถ่ายเททรัพย์สินของตนเองและครอบครัวไปยังต่างประเทศเพื่อหนีความผิดและเสวยความสุขสบายเรียบร้อยแล้ว เหมือนนักการเมืองใหญ่ในอดีต สมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย ใคร่ขอวิงวอนให้ประชาชนติดตาม ตรวจสอบนโยบายขายฝันของนักการเมืองต่าง ๆ ดังกล่าวว่า เป็นนโยบายที่สามารถทำได้จริงหรือเป็นเพียงการขายฝันโฆษณาชวนเชื่อไปวัน ๆ เพียงเพื่อใช้เป็นเล่ห์หลอกลวงการใช้สิทธิของประชาชน เพื่อให้พลั้งเผลอผิดพลาดในการใช้สิทธิเลือกตั้งในวันที่ 3 ก.ค.นี้เท่านั้น เพราะการกำหนดนโยบายดังกล่าวถือว่าเป็นการ “ดูถูกสิทธิของผู้เลือกตั้ง” โดยไม่มีความรับผิดชอบครั้งสำคัญที่สุดเท่าทีนักการเมืองไทยเคยคิดกำหนดนโยบายหาเสียงในประวัติศาสตร์ชาติไทยที่ผ่านมาเลยทีเดียว นายศรีสุวรรณ กล่าวในที่สุด

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net