ด้วยวันที่ 4 ธันวาคมที่จะถึงนี้ตรงกับวันสิ่งแวดล้อมไทย ศูนย์วิจัยมหาวิทยาลัยกรุงเทพ (กรุงเทพโพลล์)
จึงได้ดำเนินโครงการสำรวจความคิดเห็นประชาชนเรื่อง “ความพร้อมของไทยในการรับมือกับภัยพิบัติทางธรรมชาติ” โดยเก็บข้อมูลจากประชาชนอายุ 18 ปีขึ้นไปในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล จำนวนทั้งสิ้น 1,272 คน
เมื่อวันที่ 26-28 พฤศจิกายนที่ผ่านมา
มีการสำรวจกลุ่มตัวอย่างแบบสุ่มจากประชาชนอายุ 18 ปีขึ้นไปในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล ได้กลุ่มตัวอย่างทั้งสิ้นจำนวน 1,272 คน เป็นชายร้อยละ 49.7 และหญิงร้อยละ 50.3
โดยสรุปผลได้ดังนี้
ประชาชนร้อยละ 68.2 มีความกังวลค่อนข้างมากถึงมากที่สุดต่อเหตุการณ์ภัยพิบัติทางธรรมชาติที่เกิดขึ้นกับประเทศไทยในช่วงที่ผ่านมา โดยเห็นว่าภัยพิบัติทางธรรมชาติที่น่าเป็นห่วงมากที่สุดสำหรับประเทศไทยในอนาคต อันดับแรกได้แก่ ภัยน้ำท่วม (ร้อยละ 44.4) รองลงมาคือ ภัยแล้ง / อุณหภูมิสูงเกินกว่า 40 องศา (ร้อยละ 29.0) แผ่นดินไหว (ร้อยละ 9.0) และ สึนามิ (ร้อยละ7.1) นอกจากนี้เมื่อถามว่ากลัวหรือไม่ว่าเหตุการณ์ภัยพิบัติทางธรรมชาติร้ายแรงที่เกิดขึ้นจะเป็นสัญญาณเตือนจากธรรมชาติว่าใกล้จะถึงวันสิ้นโลกปรากฎว่า ประชาชนส่วนใหญ่ร้อยละ 53.9 ระบุว่ากลัว ขณะที่ร้อยละ 46.1 ไม่กลัว
สำหรับความเชื่อมั่นในประสิทธิภาพของระบบการป้องกันและรับมือกับภัยพิบัติทางธรรมชาติของประเทศไทยพบว่า ประชาชนร้อยละ 51.1 ไม่เชื่อมั่น โดยด้านการเตรียมพร้อมในการอพยพโยกย้ายคนไปยังที่ปลอดภัยเป็นด้านที่ประชาชนเชื่อมั่นน้อยที่สุดคือ ร้อยละ 37.8
เมื่อสอบถามความคิดเห็นต่อการเก็บภาษีสิ่งแวดล้อม ที่กำหนดให้ผู้ก่อมลพิษเป็นผู้รับภาระการเสียภาษีพบว่า ประชาชนร้อยละ 74.5 เห็นด้วย มีเพียงร้อยละ 25.5 ที่ไม่เห็นด้วย นอกจากนี้เมื่อถามว่าใครควรเป็นผู้รับผิดชอบในการแก้ไขปัญหาสิ่งแวดล้อมที่เกิดขึ้นกับประเทศไทยมากที่สุดพบว่า อันดับแรกได้แก่ ตัวเอง (ร้อยละ 44.0) รองลงมาคือ รัฐบาล (ร้อยละ 25.0) และโรงงานอุตสาหกรรม (ร้อยละ 15.0) ตามลำดับ ขณะที่หน่วยงานหรือองค์กรที่มีบทบาทในด้านการอนุรักษ์และดูแลรักษาสิ่งแวดล้อมได้อย่างน่าชื่นชมยกย่องมากที่สุดอันดับแรกได้แก่ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และกรมป่าไม้ (ร้อยละ 58.3) รองลงมาคือ กลุ่มกรีนพีซ (ร้อยละ 12.8) และบริษัท ปตท.จำกัด (มหาชน) (ร้อยละ 5.6)
ดังรายละเอียดต่อไปนี้
1. ความกังวลต่อภัยพิบัติทางธรรมชาติที่เกิดขึ้นกับประเทศไทยในช่วงที่ผ่านมา พบว่า
- กังวลค่อนข้างมากถึงมากที่สุด
|
ร้อยละ
|
68.2
|
(โดยแบ่งเป็น กังวลค่อนข้างมากร้อยละ 47.0 และกังวลมากที่สุดร้อยละ 21.2)
|
||
- กังวลค่อนข้างน้อยถึงไม่กังวลเลย
|
ร้อยละ
|
31.8
|
(โดยแบ่งเป็น กังวลค่อนข้างน้อยร้อยละ 23.3 และไม่กังวลเลยร้อยละ 8.5)
|
2. ภัยพิบัติทางธรรมชาติที่น่าเป็นห่วงมากที่สุดสำหรับประเทศไทยในอนาคต (5 อันดับแรก) คือ
- ภัยน้ำท่วม
|
ร้อยละ
|
44.4
|
- ภัยแล้ง / อุณหภูมิสูงเกินกว่า 40 องศา
|
ร้อยละ
|
29.0
|
- แผ่นดินไหว
|
ร้อยละ
|
9.0
|
- สึนามิ
|
ร้อยละ
|
7.1
|
- พายุที่รุนแรง
|
ร้อยละ
|
4.2
|
- อื่นๆ อาทิเช่น คลื่นกัดเซาะชายฝั่ง ดินและโคลนถล่ม ไฟป่า
|
ร้อยละ
|
6.3
|
3. จากเหตุการณ์ภัยพิบัติทางธรรมชาติร้ายแรงที่เกิดขึ้นกับประเทศไทยและในต่างประเทศ เช่น ปรากฎการ
เอลนินโญ่ แผ่นดินไหวในเฮติ สึนามิในอินโดนีเซีย ท่านกลัวหรือไม่ว่าเป็นสัญญาณเตือนจากธรรมชาติว่าใกล้จะถึงวันสิ้นโลก
เอลนินโญ่ แผ่นดินไหวในเฮติ สึนามิในอินโดนีเซีย ท่านกลัวหรือไม่ว่าเป็นสัญญาณเตือนจากธรรมชาติว่าใกล้จะถึงวันสิ้นโลก
ร้อยละ
|
53.9
|
|
- ไม่กลัว
|
ร้อยละ
|
46.1
|
4. ความเชื่อมั่นในประสิทธิภาพของระบบการป้องกัน และรับมือกับภัยพิบัติทางธรรมชาติของประเทศไทย ในด้านต่างๆ ต่อไปนี้ พบว่า
ด้าน
|
เชื่อมั่น
|
ไม่เชื่อมั่น
|
รวม
|
(ร้อยละ)
|
(ร้อยละ)
|
(ร้อยละ)
|
|
- การพยากรณ์ล่วงหน้าเกี่ยวกับภัยพิบัติทางธรรมชาติ
|
50.6
|
49.4
|
100.0
|
- การเตือนภัยล่วงหน้า เช่น การแจ้งรายละเอียดของภัย ความรุนแรงของภัย
และผลกระทบที่คาดว่าจะเกิดขึ้น
|
58.1
|
41.9
|
100.0
|
- การเตรียมพร้อมในการอพยพ โยกย้ายคน ไปยังที่ปลอดภัยได้เหมาะสมทันเวลา
|
37.8
|
62.2
|
100.0
|
เฉลี่ยรวม
|
48.9
|
51.1
|
100.0
|
5. ความคิดเห็นต่อการเก็บภาษีสิ่งแวดล้อม ที่กำหนดให้ผู้ก่อมลพิษ เป็นผู้รับภาระการเสียภาษี เช่น นักช้อปปิ้งทั้งหลายต้องจ่ายเพิ่มสำหรับบรรจุภัณฑ์ที่จะกลายเป็นขยะให้ต้องกำจัด หรือ โรงงานต้องเสียภาษีการปล่อยมลพิษทางน้ำ โดยจ่ายตามจำนวนมลพิษที่ปล่อย พบว่า
- เห็นด้วย
|
ร้อยละ
|
74.5
|
(โดยให้เหตุผลว่า ผู้ก่อมลพิษจะได้ตระหนักและเห็นความสำคัญของปัญหาสิ่งแวดล้อมมากขึ้นโดยภาษีที่เก็บได้ควรนำมาฟื้นฟูสิ่งแวดล้อมให้ดีขึ้น)
|
|
|
- ไม่เห็นด้วย
|
ร้อยละ
|
25.5
|
(โดยให้เหตุผลว่า ประชาชนเสียภาษีอยู่แล้ว ไม่ควรเก็บเพิ่มอีก เป็นการเพิ่มภาระให้ผู้บริโภค จะทำให้สินค้ามีราคาแพงขึ้น)
|
|
|
6. ใครควรเป็นผู้รับผิดชอบในการแก้ไขปัญหาสิ่งแวดล้อมที่เกิดขึ้นกับประเทศไทยมากที่สุด (5 อันดับแรก) คือ
- ตัวเอง
|
ร้อยละ
|
44.0
|
- รัฐบาล
|
ร้อยละ
|
25.0
|
- โรงงานอุตสาหกรรมต่างๆ
|
ร้อยละ
|
15.0
|
- กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
|
ร้อยละ
|
9.8
|
- ประเทศที่พัฒนาแล้ว เช่น จีน อเมริกา
|
ร้อยละ
|
2.8
|
- อื่นๆ อาทิเช่น นักการเมือง นักธุรกิจ นักโฆษณา นักการตลาด
|
ร้อยละ
|
3.4
|
7. หน่วยงานหรือองค์กร ที่มีบทบาทในด้านการอนุรักษ์และดูแลรักษาสิ่งแวดล้อมได้อย่างน่าชื่นชมยกย่องมากที่สุด
(5 อันดับแรก) คือ
(เป็นคำถามปลายเปิดให้ผู้ตอบระบุเอง)
- กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และกรมป่าไม้
|
ร้อยละ
|
58.3
|
(โดยแบ่งเป็น กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติร้อยละ 50.0 และกรมป่าไม้ร้อยละ 8.3)
|
|
|
- กลุ่มกรีนพีซ
|
ร้อยละ
|
12.8
|
- บริษัท ปตท.จำกัด (มหาชน)
|
ร้อยละ
|
5.6
|
- กรุงเทพมหานคร (กทม.)
|
ร้อยละ
|
4.9
|
- กระทรวงพลังงาน
|
ร้อยละ
|
3.8
|
- บริษัท ปูนซิเมนต์ไทย จำกัด (มหาชน)
|
ร้อยละ
|
3.8
|
- อื่นๆ อาทิเช่น สถานีโทรทัศน์ไทยทีวีสีช่อง 3 บริษัท แอ๊ดวานซ์ อะโกร จำกัด (มหาชน) กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
|
ร้อยละ
|
10.8
|
ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)