Skip to main content
sharethis
 
8 มี.ค.53 ที่โรงแรม อมารี วอเตอร์เกต กระทรวงพลังงาน โดยคณะอนุกรรมกการปรับปรุงแผนพัฒนากำลังการผลิตไฟฟ้า หรือ พีดีพี 2010 ซึ่งมีรองปลัดกระทรวงพลังงาน นาย ณอคุณ สิทธิพงศ์ เป็นประธาน ได้เปิดเวทีรับฟังความคิดเห็นต่อร่างพีดีพี 2010 ซึ่งมีกำหนดการจะเข้าสู่การพิจารณาของที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ(กพช.)ในวันศุกร์ที่ 12 มี.ค. นี้ หลังจากนั้นจะให้ครม.เห็นชอบในสัปดาห์หน้า
 
อย่างไรก็ดี ระหว่างการเปิดรับฟังความคิดเห็น ได้มีตัวแทนชาวบ้านยื่นจดหมายคัดค้านการอนุมัติพีดีพี 2010 ให้แก่ตัวแทนกระทรวงพลังงาน มีเนื้อหาดังนี้
 
 

เครือข่ายติดตามผลกระทบโครงการโรงไฟฟ้าถ่านหิน ต.เขาหินซ้อน อ.พนมสารคาม ฉะเชิงเทรา
เครือข่ายอนุรักษ์วิถีเกษตรกรรม อ.หนองแซง สระบุรี อ.ภาชี อยุธยา
------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
 
8 มีนาคม 2553
 
เรื่อง   คัดค้านการอนุมัติแผนพีดีพี 2010
เรียน ประธาน กพช. และกรรมการทุกท่าน / ประธานคณะอนุกรรมการพิจารณาปรับปรุงแผนพัฒนากำลังการผลิตไฟฟ้าของประเทศไทย และอนุกรรมการทุกท่าน
 
เนื่องด้วยเครือข่ายชาวบ้านดังมีรายนามท้ายจดหมายนี้ ขอคัดค้านการอนุมัติแผนพีดีพี 2010 ด้วยเหตุผลดังนี้
 
1.แผนนี้เป็นแผนที่ไม่มีการเปิดเผยข้อมูลร่างแผน และเหตุผลทั้งหมดสู่สาธารณะก่อนการจัดรับฟังความคิดเห็น 
 
 2.ท่านไม่เปิดรับฟังความคิดเห็นอย่างกว้างขวางและมีเวลาเพียงพอ การรับฟังวันนี้เพียงครั้งเดียวใช้เวลา แค่ 1 ชั่วโมงไม่ใช่การรับฟังความคิดเห็นที่มีธรรมาภิบาล แสดงว่าท่านใช้เวทีรับฟังเพื่อหลอกลวงสาธารณชนว่าเปิดรับฟังแล้วเท่านั้น   ซึ่งขัดกับรัฐธรรมนูญ 2550 มาตรา 57
มาตรา ๕๗
บุคคล ย่อมมีสิทธิได้รับข้อมูล คำชี้แจง และเหตุผลจากหน่วยราชการ หน่วยงานของรัฐ รัฐวิสาหกิจ หรือราชการส่วนท้องถิ่น ก่อนการอนุญาตหรือการดำเนินโครงการ หรือกิจกรรมใดที่อาจมีผลกระทบต่อคุณภาพสิ่งแวดล้อม สุขภาพอนามัย คุณภาพชีวิต หรือส่วนได้เสีย สำคัญอื่นใดที่เกี่ยวกับตนหรือชุมชนท้องถิ่น และมีสิทธิแสดงความคิดเห็นของตนต่อหน่วยงาน ที่เกี่ยวข้องเพื่อนำไปประกอบการพิจารณาในเรื่องดังกล่าว
 
การวางแผนพัฒนาสังคม เศรษฐกิจ การเมือง และวัฒนธรรม การ เวนคืนอสังหาริมทรัพย์ การวางผังเมือง การกำหนดเขตการใช้ประโยชน์ในที่ดิน และการออกกฎที่อาจมีผลกระทบต่อ ส่วนได้เสียสำคัญของประชาชน ให้รัฐจัดให้มีกระบวนการรับฟังความคิดเห็นของประชาชนอย่างทั่วถึง ก่อนดำเนินการ
 
การวางแผนฉบับนี้เร่งสรุปเพื่อให้คณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ(กพช.) อนุมัติและ คณะรัฐมนตรีรับทราบ ในวันที่ 12 มีนาคม ที่จะถึงนี้ ทั้ง ๆ ที่ไม่มีความจำเป็นต้องรีบสรุปเนื่องจากระบบผลิตไฟฟ้ามีกำลังผลิตไฟฟ้าสำรองถึงกว่า 30 %
 
3.คณะอนุกรรมการ ฯ  ไม่มีธรรมาภิบาลเพราะไม่เรียนรู้ความเสียหายและเหตุผลการคัดค้านของชุมชนต่อโครงการโรงไฟฟ้า กระทรวงพลังงาน และ กฟผ.เพิกเฉยต่อการร้องเรียนของชาวบ้าน ไม่มีการประเมินความเสียหายจากความขัดแย้งการใช้ทรัพยากรตามแผนพีดีพีทั้งในอดีตและฉบับปัจจุบัน
 
แผน พีดีพี 2007 ได้อนุมัติให้มีการสร้างโรงไฟฟ้าเอกชนโดยการประมูล ซึ่งทั้ง 4 พื้นที่ที่ประมูลได้ ณ วันนี้ ยังไม่สามารถก่อสร้างโรงไฟฟ้าได้ เนื่องจากถูกคัดค้านจากกลุ่มชาวบ้านในทุกพื้นที่ คือ
3.1 เครือข่ายประชาชนภาคตะวันออกคัดค้าน โรงไฟฟ้าถ่านหิน 660 เมกกะวัตต์ ของ บ.เก็คโค่วัน ในมาบตาพุด จ.ระยอง 
3.2 เครือข่ายอนุรักษ์วิถีเกษตรกรรม หนองแซง สระบุรี ภาชี อยธยา คัดค้านโรงไฟฟ้าก๊าซ หนองแซง 1600 เมกกะวัตต์ ของ บ.เพาเวอร์เจเนอเรชั่นซัพพลายจำกัด ใน อ.หนองแซง สระบุรี  และ อ.ภาชี อยุธยา
3.3 เครือข่ายติดตามผลกระทบโครงการโรงไฟฟ้าถ่านหิน ต.เขาหินซ้อน และเครือข่ายพนมสารคามพิทักษ์สิ่งแวดล้อม คัดค้านโรงไฟฟ้าถ่านหิน600 เมกกะวัตต์ ของบ.เนชั่นแนลเพาเวอร์ซัพพลาย   ในพื้นที่ต.เขาหินซ้อน อ.พนมสารคาม จ. ฉะเชิงเทรา
 3.4 เครือข่ายรักษ์แปดริ้ว คัดค้าน โรงไฟฟ้าก๊าซ 1600 เมกกะวัตต์ ใน ต.เสม็ดเหนือ-ใต้ อ.บางคล้า จ.ฉะเชิงเทรา ของบ.สยามเอนเนอร์ยี่จำกัด
 
ผู้รับผิดชอบของกระทรวงพลังงาน และ กฟผ.เอื้อประโยชน์ให้กับบริษัทเอกชนที่ประมูลได้โดยการ แก้ไขกำหนดวันผ่านการอนุมัติ อีไอเอ ให้กับบริษัท3 บริษัทที่ไม่ได้รับอนุมัติ อีไอเอ ตามกำหนดแรก คือ 30 กันยายน 2551 ท่านเพิกเฉยต่อการร้องเรียนคัดค้านของชาวบ้านทั้ง ๆ ที่พวกท่านก็ได้รับทราบเหตุผลการคัดค้านจากชาวบ้านในทุกพื้นที่ จากจดหมายและการชุมนุมยื่นหนังสือพร้อมเหตุผลคัดค้านอย่างสันติวิธี
 
ข้าราชการระดับสูงเช่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน , ปลัดกระทรวงฯและ รองปลัดกระทรวง ได้รับรู้ว่ามีการคัดค้านแต่ท่านก็ไม่เปิดการประชุมกับชาวบ้านที่ได้รับผลกระทบ กลับโยนเรื่องไปให้ สำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติ หรือ สผ. และ คณะชำนาญการพิจารณา อีไอเอ ว่า ตอนนี้เรื่องอยู่ที่อีไอเอ  พวกท่านที่กระทรวงพลังงานไม่ได้รับผิดชอบอะไรแล้ว และปล่อยให้บริษัทเอกชน กับชาวบ้านเผชิญหน้ากันในพื้นที่ อย่างไร้ความรับผิดชอบ ท่านไม่ใส่ใจเหตุผลที่ชาวบ้านที่เป็นชาวไร่ชาวนาในทุกพื้นที่สรุปมาให้ท่าน ท่านปัดความรับผิดชอบ บอกชาวบ้านว่า โครงการไอพีพีผ่านการประมูลแล้ว หมดหน้าที่ของท่านแล้วให้ไปคัดค้านที่หน่วยงาน อนุมัติ อีไอเอ พอชาวบ้านไปที่ สผ. สผ. ก็บอกว่าอยู่ที่นโยบายกระทรวงพลังงาน เราพิจารณาแต่รื่องสิ่งแวดล้อม พวกท่านโยนเรื่องร้องเรียนของชาวบ้านไปมาระหว่างหน่วยงานราชการ เหมือนชาวบ้านเป็นหมามาขอเศษเนื้อจากท่าน ทั้ง ๆ ที่พวกท่านเป็นข้าราชการกินเงินเดือนจากภาษีของชาวบ้านทั่วประเทศ  การคัดค้านของชุมชนยังมีอีกหลายพื้นที่ดังนี้
 
ก่อนจะเปิดการประมูลไอพีพีในปี 2550 มีการคัดค้านจากหลายพื้นที่ที่ชาวบ้านรู้ว่ามีการไปซื้อที่ดิน หรือมัดจำที่ดิน เพื่อนำไปยื่นประมูล เช่น การคัดค้านโรงไฟฟ้าถ่านหิน ในจ.สมุทรสงคราม , การคัดค้าน บ.เอ็กโก้ ของชาวบ้านใน อ.จอมบึง จ.ราชบุรีซึ่ง บ.เอ็กโก้ ได้ซื้อที่ดิน และเดินหน้ายื่น อีไอเอโรงไฟฟ้าก๊าซไว้ก่อน , การคัดค้านของชาวบ้านใน อ.บางเลน จ. นครปฐม ที่บ.เอกชนเข้าไป หยั่งเสียงอบต.ในพื้นที่เพื่อสร้างโรงไฟฟ้าก๊าซ, การคัดค้าน โรงไฟฟ้าถ่านหิน,นิวเคลียร์ และก๊าซ ที่กฟผ.มีแผนจะก่อสร้างใน อ.ทับสะแก จ.ประจวบคีรีขันธ์ ซึ่งเป็นที่ดินที่กฟผ.ซื้อไว้4000 ไร่ จนมีการขับไล่คนงานของกฟผ.ให้ออกจากพื้นที่อ.ทับสะแก , การคัดค้านโรงไฟฟ้าถ่านหินและนิวเคลียร์ของกฟผ.ที่ลงไปสำรวจใน อ.ปะทิว จ.ชุมพร ถึงขั้นมีการกักตัวเจ้าหน้าที่ กฟผ.ไว้ที่วัดแห่งหนึ่ง, การคัดค้านการขุดเจาะสำรวจดินเพื่อคัดเลือกพื้นที่โรงไฟฟ้านิวเคลียร์ของกฟผ. ใน จ. สุราษฎร์ธานี, นครศรีธรรมราช, นครสวรรค์ , ชัยนาท, และ ตราด
 
ท่านควรนำปัญหาการคัดค้านของชาวบ้านในทุกพื้นที่มาเป็นตัวอย่างว่า แผนการผลิตไฟฟ้าของประเทศที่ถูกวางไว้มีแต่การสร้างโรงไฟฟ้าขนาดใหญ่ จากเชื้อเพลิงฟอสซิล และนิวเคลียร์ถูกคัดค้านในทุกแผน ไม่สามารถก่อสร้างได้ครบ และมีกลุ่มคัดค้านมากขึ้นเรื่อยๆ โดยเฉพาะความขัดแย้งจากการให้ทรัพยากรท้องถิ่น เช่น การใช้น้ำของโรงไฟฟ้า ปริมาณมหาศาล ซึ่งเป็นการแย่งน้ำเกษตรกรในพื้นที่ ตัวอย่าง ใน จ. ฉะเชิงเทราเป้าหมายสร้าง ไอพีพี 2 โรง ถ่านหิน 600 เมกกะวัตต์ และ ก๊าซ 1600 เมกกะวัตต์ ซึ่งทั้ง 2 โรง ก็ใช้น้ำจากแม่น้ำบางปะกง หรือไอพีพี 1600 เมกกะวัตต์ ที่อ.หนองแซง สระบุรี ก็ใช้น้ำจากแม่น้ำป่าสัก  ทุกพื้นที่  ไม่ต้องการให้โรงไฟฟ้ามาใช้ทรัพยากรที่ชุมชน ใช้อยู่ ทั้ง น้ำ , อากาศ และการใช้ที่ดิน
 
4.แผนพีดีพี 2010 เป็นแผนที่ใช้การคาดการณ์การเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจเกินจริงมาก ทำให้ตัวเลขการจัดหาไฟฟ้าสูงตามไปด้วย  เป็นภาระต่อผู้ได้รับผลกระทบในพื้นที่ที่จะก่อสร้างโรงไฟฟ้า และ ผู้บริโภคไฟฟ้าทั่วประเทศต้องจ่ายค่าไฟแพงขึ้นผ่านค่าไฟฟ้าผันแปร (เอฟที- FT) 
 
5. เราไม่เห็นด้วยกับระบบประกันกำไรให้ กฟผ. และโรงไฟฟ้าเอกชน และท่านต้องเปิดเผยร่างสัญญาระหว่างกฟผ. และ โรงไฟฟ้าเอกชนเป็นภาษาไทย เพื่อให้มีการตรวจสอบอย่างกว้างขวางก่อนการเซ็นต์สัญญาเพื่อหยุดการเสียงบประมาณเป็นค่าโง่
 
6.แผนพีดีพี เป็นแผนที่วางโดยคนกลุ่มหนึ่งที่ไม่คำนึงถึงประโยชน์ของคนส่วนใหญ่ของประเทศไทย สร้างประโยชน์เพื่อการลงทุนก่อสร้างโรงไฟฟ้าเท่านั้น การเสนอให้มีการสำรองไฟฟ้า 25 % เพิ่มจาก 15 %ในปัจจุบันเป็นการฉ้อฉลอีกแบบหนึ่งเพื่อสร้างกำไรให้กลุ่มที่จะก่อสร้างโรงไฟฟ้า
โดยล้วงกระเป๋าผู้ใช้ไฟฟ้าเอาไปให้นักลงทุนสร้างโรงไฟฟ้า
 
 
 
ขอแสดงความนับถือ
 
นายตี๋ ตรัยรัตนแสงมณี
 
เครือข่ายอนุรักษ์วิถีเกษตรกรรม อ.หนองแซง สระบุรี อ.ภาชี อยุธยา
 
นางเอื้องฟ้า ช้ำเกตุ และนายโยธิน มาลัย
เครือข่ายติดตามโครงการโรงไฟฟ้าถ่านหิน ต. เขาหินซ้อน อ.พนมสารคาม ฉะเชิงเทรา
 
 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net