ผลงาน 1 ปีของรัฐบาลในสายตานักเศรษฐศาสตร์
ศูนย์วิจัยมหาวิทยาลัยกรุงเทพ (กรุงเทพโพลล์) เปิดเผยผลสำรวจความเห็นนักเศรษฐศาสตร์จากองค์กรชั้นนำ 21 แห่ง จำนวน 61 คน เรื่อง “ผลงาน 1 ปีของรัฐบาลในสายตานักเศรษฐศาสตร์” เนื่องในโอกาสที่รัฐบาลนายกฯ อภิสิทธิ์ทำงานครบ 1 ปี ทำการสำรวจระหว่างวันที่ 14-16 ธ.ค.2552 โดยโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจที่นักเศรษฐศาสตร์เห็นว่า เป็นโครงการที่ยอดเยี่ยมที่สุด คือโครงการลดค่าครองชีพ (เช่น รถเมล์ฟรี ค่าไฟฟรี ค่าน้ำฟรี) ส่วนโครงการที่ยอดแย่ที่สุด คือโครงการเช่ารถเมล์ NGV 4,000 คัน พร้อมเสนอแนะให้รัฐบาลดำเนินนโยบายเศรษฐกิจในปี 2553 โดยการกระตุ้นและส่งเสริมให้เอกชนเป็นผู้ขับเคลื่อนเศรษฐกิจและลงทุนต่อจากรัฐบาล ซึ่งจะเห็นผลก็ต่อเมื่อภาครัฐสามารถแก้ปัญหามาบตาพุดและปัญหาความขัดแย้งทางการเมืองได้โดยเร็วที่สุด
ส่วนประเด็นเงินบาทแข็งค่า (ท่ามกลางการลดค่าเงินดองของเวียดนาม) ที่กำลังอยู่ในความสนใจของสาธารณชนและผู้ประกอบการ โดยมองว่าเป็นสาเหตุที่ทำให้สินค้าไทยสูญเสียความสามารถในการแข่งขันนั้น พบว่า นักเศรษฐศาสตร์ส่วนใหญ่ร้อยละ 63.9 ไม่เห็นด้วย หากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะดำเนินนโยบายเงินบาทอ่อนค่าตามคำเรียกร้องของภาคเอกชน เนื่องจาก การแทรกแซงค่าเงินบาทเพื่อให้อ่อนค่านอกจากจะมีต้นทุนในการแทรกแซงที่สูง เสี่ยงต่อการสูญเสียทุนสำรองโดยเปล่าประโยชน์แล้ว ยังไม่ช่วยให้ขีดความสามารถในการแข่งขันที่แท้จริงเพิ่มขึ้น
ด้านประเด็นการตื่นตัวในเรื่องการแก้ปัญหาสิ่งแวดล้อมของโลกว่าจะกระทบต่อภาคการผลิตและภาคส่งออกหรือไม่นั้น นักเศรษฐศาสตร์ร้อยละ 47.5 เห็นว่าจะส่งผลกระทบในทางลบต่อภาคการผลิตและส่งออกของไทย
ผลกรุงเทพโพลล์ ปชช.ให้คะแนน 1 ปี รัฐแค่ 3.87
ก่อนหน้านี้ เมื่อวันที่ 22 ธ.ค.ที่ผ่านมา ศูนย์วิจัยมหาวิทยาลัยกรุงเทพ (กรุงเทพโพลล์) ผู้จัดทำโพลล์เจ้าเดียวกันได้ เผยผลสำรวจ “ประเมินผลงาน 1 ปี รัฐบาลนายกฯ อภิสิทธิ์” โดยเก็บข้อมูลจากประชาชนอายุ 18 ปีขึ้นไปใน 11 จังหวัดจากทุกภาคของประเทศ จำนวน 1,660 คน ระหว่างวันที่ 11-14 ธ.ค.พบว่าประชาชนส่วนใหญ่ให้คะแนนความพึงพอใจผลงานของรัฐบาลนายกฯ อภิสิทธิ์ เมื่อทำงานครบ 1 ปี ได้คะแนนเฉลี่ย 3.87 คะแนน จากคะแนนเต็ม 10 คะแนน
ทั้งนี้ เมื่อเปรียบเทียบคะแนนเฉลี่ยจากการสำรวจเมื่อตอนที่รัฐบาลทำงานครบ 6 เดือน และ 9 เดือน พบว่ามีคะแนนลดลง ดังตารางต่อไปนี้
|
6 เดือน
(คะแนนที่ได้)
|
9 เดือน
(คะแนนที่ได้)
|
1 ปี
(คะแนนที่ได้)
|
ด้านเศรษฐกิจ
|
3.95
|
4.17
|
4.41
|
ด้านสังคมและคุณภาพชีวิต
|
4.13
|
4.39
|
3.76
|
ด้านการต่างประเทศ
|
4.58
|
4.15
|
3.75
|
ด้านการบริหารจัดการและการบังคับใช้กฎหมาย
|
3.91
|
3.72
|
3.71
|
ด้านความมั่นคงของประเทศ
|
3.73
|
3.69
|
3.73
|
เฉลี่ยรวม
|
4.06
|
4.02
|
3.87
|
หมายเหตุ: การสุ่มตัวอย่างในการสำรวจแต่ละครั้งใช้หลักเกณฑ์เดียวกัน ด้วยข้อคำถามแบบเดียวกัน แต่ไม่ใช่กลุ่มตัวอย่างกลุ่มเดียวกัน
สำหรับบุคคลในคณะรัฐมนตรีชุดปัจจุบันที่ประชาชนชื่นชอบการทำงานมากที่สุด 3 อันดับแรก คือ นายกรัฐมนตรี 36.9% อันดับที่ 2 นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รมว.ศึกษาธิการ 6.2% และ อันดับที่ 3 นายกรณ์ จาติกวณิช รมว.คลัง 6.1% ส่วนที่เหลือ 36.9% ไม่ชื่นชอบใครเลย
ส่วนผลงานหรือโครงการของรัฐบาลที่ประชาชนชื่นชอบมากที่สุด 5 อันดับแรก เรียงตามลำดับ คือ โครงการเรียนฟรี 15 ปี, โครงการกระตุ้นเศรษฐกิจ สร้างงานสร้างอาชีพ, โครงการไทยเข้มแข็ง สร้างความสามัคคี ร้องเพลงชาติ, โครงการแก้ปัญหาหนี้นอกระบบ และ โครงการเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ
คะแนนความพึงพอใจต่อการทำงานของพรรคแกนนำรัฐบาล พรรคร่วมรัฐบาล และพรรคฝ่ายค้าน (จากคะแนนเต็ม 10 คะแนน)
|
ครบ 6 เดือน
(คะแนนที่ได้)
|
ครบ 9 เดือน
(คะแนนที่ได้)
|
ครบ 1 ปี
(คะแนนที่ได้)
|
พรรคแกนนำรัฐบาล (พรรคประชาธิปัตย์)
|
4.38
|
4.17
|
4.23
|
พรรคร่วมรัฐบาล (พรรคภูมิใจไทย พรรคชาติไทย
พัฒนา พรรคเพื่อแผ่นดิน)
|
3.40
|
3.45
|
3.44
|
พรรคฝ่ายค้าน (พรรคเพื่อไทย พรรคประชาราช)
|
3.46
|
3.65
|
3.37
|
หมายเหตุ: การสุ่มตัวอย่างในการสำรวจแต่ละครั้งใช้หลักเกณฑ์เดียวกัน ด้วยข้อคำถามแบบเดียวกัน แต่ไม่ใช่กลุ่มตัวอย่างกลุ่มเดียวกัน
คะแนนความพึงพอใจการปฏิบัติหน้าที่ในฐานะนายกรัฐมนตรีของ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ได้คะแนนเฉลี่ย 4.70 จากคะแนนเต็ม 10 โดยมีคะแนนความพึงพอใจในด้านต่างๆ ดังนี้
|
ครบ 9 เดือน
(คะแนน)
|
ครบ1 ปี
(คะแนน)
|
เพิ่มขึ้น / ลดลง
|
ความซื่อสัตย์สุจริต
|
5.37
|
5.44
|
+ 0.07
|
ความขยันทุ่มเทในการทำงาน
|
5.07
|
5.35
|
+ 0.28
|
การรักษาผลประโยชน์ส่วนรวมของประเทศชาติ
|
4.81
|
4.83
|
+ 0.02
|
ความสามารถสร้างสรรค์ผลงานหรือโครงการใหม่ๆ
|
4.44
|
4.62
|
+ 0.18
|
ความสามารถในการบริหารจัดการตามอำนาจหน้าที่ที่มี
|
4.31
|
4.25
|
- 0.06
|
ความเด็ดขาด กล้าตัดสินใจ
|
3.71
|
3.72
|
+ 0.01
|
คะแนนเฉลี่ย
|
4.62
|
4.70
|
+ 0.08
|
เมื่อเปรียบเทียบความคาดหวังระหว่างตอนที่นายอภิสิทธิ์ ขึ้นมาดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี กับผลการทำงานในช่วง 1 ปี ที่ผ่านมา พบว่า 34.6% เห็นว่า พอๆ กับที่คาดหวังไว้ ส่วนที่เห็นว่าแย่กว่าที่คาดหวังไว้กับไม่ได้คาดหวังกลับมีเท่ากับคืออย่างละ 27.3% ส่วนที่เห็นว่าดีกว่าที่คาดหวังไว้ มีเพียง 10.8%
ทั้งนี้ ประชาชนเห็นว่าเรื่องที่น่าเห็นใจรัฐบาลนายกฯ อภิสิทธิ์ มากที่สุด 5 อันดับแรกคือ เรื่องการชุมนุมต่อต้านของกลุ่มคนเสื้อแดง, เป็นรัฐบาลในช่วงที่ประเทศชาติวุ่นวาย การเมืองไม่นิ่ง และเป็นช่วงเศรษฐกิจขาลง, ประชาชนในประเทศมีความขัดแย้ง แบ่งฝักแบ่งฝ่ายกัน, มีความขัดแย้งกันภายในพรรคร่วมรัฐบาล, คณะรัฐมนตรีบางคนทำงานไม่มีประสิทธิภาพ
ส่วนรื่องที่ต้องการให้ นายกฯ อภิสิทธิ์ทำมากที่สุดในเวลานี้ คือ เดินหน้าทำงานต่อไป 59.3%, ยุบสภา 24.5% ขณะที่ 6.7% เห็นว่าควรมีการปรับคณะรัฐมนตรี โดยรัฐมนตรีที่ควรถูกปรับออกมากที่สุด 3 อันดับแรก คือ อันดับ 1 นายกษิต ภิรมย์ รมว.ต่างประเทศ อันดับ 2 นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกฯ อันดับ 3 นายโสภณ ซารัมย์ รมว.คมนาคม ส่วนที่เห็นว่ารัฐบาลควรลาออกมีเพียง 5.2%
เอแบคโพลล์ชี้รัฐบาลแค่สอบผ่าน
เว็บไซต์ข่าวสด รายงานว่า เมื่อวันที่ 20 ธ.ค.52 สำนักวิจัยเอแบคโพลล์ มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ (เอแบค) เสนอผลวิจัยเชิงสำรวจเรื่อง “ผลงานรัฐบาลในรอบ 1 ปี การยุบพรรคประชาธิปัตย์” โดยสำรวจจากประชาชน 1,150 ครัวเรือน ระหว่างวันที่ 18-19 ธ.ค. พบว่า 10 อันดับแรกของผลงานรัฐบาลที่ประชาชนพอใจมากที่สุดในช่วง 1 ปีที่ผ่านมา อันดับที่ 1 ได้ 8.15 คะแนน คือการปกป้องและเทิดทูนสถาบันพระมหากษัตริย์ อันดับที่ 2 เบี้ยยังชีพคนชราได้ 7.59 คะแนน อันดับ 3 เรียนฟรี 15 ปี ได้ 7.28 คะแนน
อันดับ 4 การป้องกันประเทศ ได้ 7.04 คะแนน อันดับที่ 5 การประกันราคาพืชผลทางการเกษตรได้ 6.79 คะแนน อันดับ 6 ได้ 6.75 คะแนน การลดภาระค่าครองชีพของประชาชนในการเดินทาง ก๊าซหุงต้ม ไฟฟ้า น้ำประปา และรองๆ ลงไปคือโครงการจัดตั้งกองทุนเศรษฐกิจพอเพียง การควบคุมโรคระบาด การส่งเสริมความร่วมมือของประเทศในกลุ่มอาเซียน และการส่งเสริมตลาดและการกระจายสินค้าเกษตรและชุมชน
ส่วน 10 อันดับที่ประชาชนพอใจผลงานรัฐบาลน้อยที่สุด อันดับ 1 ได้คะแนนพอใจเฉลี่ย 5.10 คะแนน คือการแก้ไขปัญหาความไม่สงบใน 3 จังหวัดชายแดนใต้ อันดับ 2 ได้ 5.55 คะแนน การแก้ปัญหาทุจริตคอร์รัปชั่น อันดับ 3 ได้ 5.74 คะแนน การแก้ปัญหาผู้หลบหนีเข้าเมือง ตามด้วยการกำกับดูแลเรื่องราคาน้ำมัน ได้ 5.78 คะแนน การเสริมสร้างความสมานฉันท์และความสามัคคีของคนในชาติ ได้ 5.95 คะแนน และการกระตุ้นการท่องเที่ยว การดูแลสร้างความเป็นธรรมในสังคม การแก้ไขปัญหายาเสพติด มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ และโครงการต้นกล้าอาชีพของรัฐบาล เป็นต้น
เมื่อวิเคราะห์คะแนนความพอใจโดยรวมต่อผลงานรัฐบาลพบว่า ได้ 6.35 คะแนนจากคะแนนเต็ม 10 โดยมีประชาชนพอใจผลงานรัฐบาลมากร้อยละ 45.0 และร้อยละ 14.7 พอใจมากที่สุด ขณะที่ร้อยละ 11.9 พอใจน้อย และร้อยละ 4.7 ไม่พอใจเลย ร้อยละ 23.7 พอใจปานกลาง
ส่วนคำถามถึงพรรคประชาธิปัตย์รับเงินบริจาค 258 ล้านบาท พบว่าร้อยละ 56.9 ไม่ค่อยเชื่อมั่นถึงไม่เชื่อมั่นต่อความโปร่งใสของกระบวนการตรวจสอบกรณีนี้ และร้อยละ 63.8 คิดว่าพรรคประชาธิปัตย์จะไม่ถูกยุบ
ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)