วันนี้ (29 ก.ค.) นายกอร์ปศักดิ์ สภาวสุ รองนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีเศรษฐกิจได้รับทราบความคืบหน้าการฟ้องร้องต่อศาลปกครองกลาง เพื่อบังคับรัฐให้ต้องปฏิบัติตามกฎหมายรัฐธรรมนูญปี 2550 มาตรา 67 ในพื้นที่มาบตาพุด จ.ระยอง โดยกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม รายงานว่า กระทรวงฯ อยู่ระหว่างการเตรียมข้อมูลเพื่อชี้แจงต่อศาลปกครอง โดยได้มีการจัดทำแนวทางการแก้ไขปัญหาในพื้นที่ดังกล่าวทั้งระยะสั้นและระยะยาว ซึ่งการแก้ไขปัญหาระยะสั้น จะมีการบูรณาการการจัดทำรายงานวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม โดยให้มีการประเมินผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม (EIA) และด้านสุขภาพ (HIA) ไว้ด้วยกัน

พร้อมทั้งให้แต่งตั้งคณะกรรมการผู้ชำนาญการเพื่อพิจารณาโครงการหรือกิจกรรม ที่อาจก่อให้เกิดผลกระทบอย่างรุนแรง ตามมาตรา 67 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2550 เพื่อพิจารณาโครงการหรือกิจกรรมดังกล่าวตามแนวทางที่กำหนด โดยให้สำนักงานคณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติ จัดทำหลักเกณฑ์และวิธีการประเมินผลกระทบ ต่อสุขภาพตามมาตรา 25 (5) พ.ร.บ.สุขภาพแห่งชาติ ปี 2550 เพื่อเป็นแนวทางในการประเมินผลกระทบทางด้านสุขภาพ โดยกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจะประสานงานกับสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา ซึ่งกำลังดำเนินการยกร่างแนวทางเพื่อให้ได้มาซึ่งองค์การอิสระ เพื่อให้ความเห็นประกอบการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อมและสุขภาพ

รองนายกรัฐมนตรี กล่าวต่อว่า ส่วนโครงการหรือกิจกรรมที่อาจก่อให้เกิดผลกระทบต่อชุมชนอย่างรุนแรง ตามมาตรา 67 ในการแก้ไขปัญหาระยะยาว นั้น ให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาและกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ปรับปรุงพระราชบัญญัติส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อม ปี 2535 เพื่อรองรับการดำเนินการตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 67

นายกอร์ปศักดิ์ กล่าวด้วยว่า นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี แสดงความเป็นห่วงการลงทุนในมาบตาพุด และโครงการที่ลงทุนก่อสร้างไปแล้วและหยุดก่อสร้างเพื่อรอคำตัดสินของศาล ดังนั้นจึงมอบให้รมว.อุตสาหกรรม ไปเร่งดำเนินการว่าจะช่วยเหลือได้อย่างไรบ้าง ซึ่งเมื่อสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตีความแล้วเสร็จ ก็น่าจะเดินหน้าการลงทุนต่อไปได้ ขณะที่สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) ได้รายงานว่าจะมีโครงการที่เข้าไปลงทุนในมาบตาพุดคิดเป็นมูลค่ารวมกว่า 200,000 ล้านบาท

ที่มา: ไทยรัฐออนไลน์