Skip to main content
sharethis
เสื้อแดงเชียงใหม่ ฮือไล่รัฐมนตรีสาธารณสุข “วิทยา แก้วภราดัย” ประท้วงนโยบายป้องกันไข้หวัดใหญ่ H1N1 ตำรวจใช้โล่ขวาง ด้านรัฐมนตรีหลบออกไปได้และต้องยกเลิกภารกิจมอบนโยบายป้องกันไข้หวัดใหญ่ ขณะที่รองอธิบดีกรมควบคุมโรคย้ำป่วยแล้วหายเอง-ป้องกันได้ รมช.สธ.พบวัยรุ่นติดหวัดหลังไปร้านเกม รับคุมการระบาดยากเพราะจำกัดการเดินทางไม่ได้ ขณะที่ “มาร์ค” หวังหยุดยาวสกัดการระบาด

 

คนเสื้อแดงฮือไล่รัฐมนตรี สธ. เหตุไม่พอใจการแก้หวัด 2009

เมื่อเวลา 18.30 น. วานนี้ (6 ก.ค.) ที่โรงพยาบาลนครพิงค์ ต.ดอนแก้ว อ.แม่ริม จ.เชียงใหม่ นายวิทยา แก้วภราดัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ได้เดินทางไปตรวจเยี่ยมและมอบนโยบายเกี่ยวกับการป้องกันและควบคุมโรคไข้หวัดหมู
 
โดยแผนปฏิบัติภารกิจของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขและคณะ คือการติดตามการดำเนินงานควบคุมป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธ์ใหม่ H1N1 ที่โรงพยาบาลจังหวัด โรงพยาบาลศูนย์ใน 5 จังหวัดภาคเหนือ ได้แก่ โรงพยาบาลพุทธชินราชพิษณุโลก โรงพยาบาลแพร่ โรงพยาบาลลำปาง โรงพยาบาลลำพูน และโรงพยาบาลนครพิงค์ จ.เชียงใหม่ พร้อมมอบนโยบายแก่แพทย์ พยาบาลและเจ้าหน้าที่ ในการดูแลผู้ป่วยโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่
 
โดยขณะที่ขบวนรถของรัฐมนตรีไปถึงที่โรงพยาบาลนครพิงค์ จ.เชียงใหม่ กลุ่มคนเสื้อแดงที่มาดักรออยู่บริเวณหน้าอาคารอุบัติเหตุประมาณ 50 คน ได้กรูเข้ามาตะโกนพร้อมใช้ตีนตบเพื่อขับไล่นายวิทยา ขณะที่เจ้าหน้าที่ตำรวจซึ่งมีอยู่เพียง 20 นายนำโล่ออกมาผลักดันจนเกิดการผลักดันกันระหว่างตำรวจกับกลุ่มคนเสื้อแดงและทำให้กลุ่มเสื้อแดงหกล้มจนมีบาดแผลถลอกหลายคน โดยระหว่างนั้น กลุ่มคนเสื้อแดงยังขว้างดอกไม้จันทน์เข้าใส่กลุ่มเจ้าหน้าที่ด้วย
 
ขณะที่นายวิทยาหลังลงจากรถได้รีบเดินเข้าไปในห้องประชุมชั้น 5 หลังอาคารอุบัติเหตุทันทีโดยไม่ได้รับอันตรายใดๆ ส่วนกลุ่มเสื้อแดงยังคงปักหลักบริเวณหน้าอาคารอุบัติเหตุและตะโกนขับไล่นายวิทยา พร้อมนำแผงเหล็กปิดกั้นรถตู้ยี่ห้อโตโยต้า ทะเบียน นข-2281 พิษณุโลก ที่นายวิทยานั่งมาไม่ให้เคลื่อนย้ายได้ และประกาศระดมคนเสื้อแดงผ่านวิทยุชุมชนมาร่วมชุมนุมเพิ่มเติม
 
โดยการมอบนโยบายและตรวจเยี่ยมตามกำหนดการของนายวิทยาต้องถูกยกเลิกทันที โดยมีเจ้าหน้าที่เก็บเวทีและโต๊ะเก้าอี้ ส่วนนายวิทยายังไม่ชัดเจนว่ายังอยู่ในโรงพยาบาลหรือหลบออกไปได้ในระหว่างชุลมุน
 
ต่อมาเวลา 19.10 น. หลังกลุ่มคนเสื้อแดงฮือไล่นายวิทยาได้ใช้แผงเหล็กปิดกั้นรถตู้ที่นายวิทยานั่งเข้ามา เจ้าหน้าที่ได้พยายามนำรถตู้ขบวนออกจากการปิดกั้นเพื่อไปรับนายวิทยาที่จุดนัดพบด้านประตูข้างของโรงพยาบาล ปรากฏว่ากลุ่มคนเสื้อแดงได้วิ่งกรูเข้าไปขว้างปาสิ่งของใส่รถตู้และทุบรถ พร้อมพยายามจะเปิดรถ แต่เมื่อเห็นว่าไม่มีใครอยู่ในรถจึงยกแผงเหล็กพยายามกั้นไม่ให้รถขับออกไปได้ แต่ในที่สุดเจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถผลักดันกลุ่มคนเสื้อแดงออกไปได้
 
โดยกลุ่มคนเสื้อแดงปักหลักบริเวณหน้าอาคารอุบัติเหตุโดยมีสมาชิกเดินทางพาเพิ่มเติมอีกนับร้อยคน โดยทั้งหมดยืนยันจะปักหลักจนกว่าจะแน่ใจว่านายวิทยาออกไปจากโรงพยาบาลแล้ว
 
หลังเกิดเหตุการณ์ พล.ต.ต.สมหมาย กองวิสัยสุข ผบก.ภ.จว.เชียงใหม่ ได้วิทยุสั่งการให้กองร้อยควบคุมฝูงชนจาก สภ.ดอยสะเก็ด สภ.สันกำแพง สภ.สันป่าตอง สภ.หางดง สภ.สันทราย และ สภ.แม่แตง เข้ามาเสริมกำลังเพื่อรักษาความสงบเรียบร้อยในโรงพยาบาลนครพิงค์ ทันที
 
ขณะที่สถานีวิทยุชุมชนคนรักเชียงใหม่ ของ กลุ่มรักเชียงใหม่ 51 ได้ประกาศระดมคนเสื้อแดงให้ไปร่วมตัวกันที่โรงพยาบาลนครพิงค์เพื่อขับไล่รัฐมนตรีประชาธิปัตย์ โดยมีการวิจารณ์นายภราดัย และพรรคประชาธิปัตย์ผ่านคลื่นวิทยุอย่างดุเดือด 
 

หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ รายงานเพิ่มเติมว่า พล.ต.ต.สมหมาย กองวิสัยสุข ผบก.ภ.จว.เชียงใหม่ เข้าเจรจากับแกนนำ มีนายเพชรวรรต วัฒนพงศ์ศิริกุล และขอให้จัดตัวแทนผู้ชุมนุมจำนวน 2 คนขึ้นไปตรวจสอบบนชั้น 2 ซึ่งไม่พบนายวิทยา นายเพชรวรรต จึงได้ลงมาแจ้งแก่ทางผู้ชุมนุม และขอให้สลายตัวออกจากโรงพยาบาลไป

นายเพชรวรรต ได้เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวว่า การมาชุมนุมขับไล่ครั้งนี้ เพราะชาวบ้านโกรธแค้นที่นายวิทยา ไร้ความสามารถปล่อยให้มีผู้ติดเชื้อโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 เพิ่มขึ้น รวมทั้งคนเชียงใหม่ก็ติด จึงเห็นว่า เมื่อไม่มีความสามารถ ไม่สมควรจะมารับผิดชอบชีวิตของชาวบ้าน จึงได้พากันมาขับไล่ดังกล่าว และตนเห็นว่าในขณะที่ทางผู้ชุมนุมขึ้นมาจะขับไล่ ได้มีคนพานายวิทยาหลบขึ้นรถปิกอัพเก่า พรางหลบหนีออกจากโรงพยาบาลทางประตูหลังอย่างหมดศักดิ์ศรี ซึ่งหากมาพวกเราก็จะมาขับไล่อีก
 
ด้านเจ้าหน้าที่ประชาสัมพันธ์ของโรงพยาบาลนครพิงค์ยืนยันว่านายวิทยาได้เดินทางออกจากโรงพยาบาลไปแล้ว แต่ไม่ทราบว่าจะเดินทางไปที่ไหนหรือมีกำหนดกลับ กทม. ในคืนนี้หรือวันรุ่งขึ้น ขณะกลุ่มคนเสื้อแดงเริ่มทยอยเดินทางกลับ โดยมีเจ้าหน้าที่ตำรวจดูแลความเรียบร้อยในบริเวณโรงพยาบาลจนกว่าเหตุการณ์จะเข้าสู่ภาวะปกติ
 
 

วิทยาเผยไทยเสียชีวิต 7 รองอธิบดีกรมควบคุมโรคย้ำหายเองได้

ด้านหนังสือพิมพ์แนวหน้ารายงานว่า นายวิทยา แก้วภราดัย เปิดเผยสถานการณ์ไข้หวัดใหญ่ 2009 ในประเทศไทยว่า วันที่ 6 ก.ค. 52 ผลการตรวจทางห้องปฏิบัติการพบผู้ป่วยยืนยันไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ฯ เพิ่ม 196 ราย โดยเป็นนักเรียน 160 ราย อยู่ระหว่างการสอบสวนรายละเอียด 36 ราย รวมผู้ติดเชื้อไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ฯตั้งแต่วันที่ 28 เมษายน-6 กรกฎาคม 2552 จำนวน 2,272 ราย หายป่วยแล้ว 2,230 ราย มีผู้เสียชีวิต 7 ราย ขณะนี้ยังรักษาตัวในโรงพยาบาลรัฐและเอกชน 35 ราย

ขณะที่นโยบายการป้องกันการแพร่ระบาดของโรคไข้หวัดใหญ่ H1N1 ของไทยมีการประกาศว่าเป็นโรคที่หายเองได้และป้องกันได้ โดยวานนี้ (6 ก.ค.) นพ.สมชัย นิจพานิช รองอธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า ขอย้ำประชาชนว่า โรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่เป็นโรคที่มีอาการไม่รุนแรง สามารถหายเองได้และป้องกันได้ เนื่องจากผู้ป่วยโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ ร้อยละ 90 หายป่วยเองได้ ยกเว้นผู้ที่เป็นกลุ่มเสี่ยง ดังนั้น หากประชาชนป่วยด้วยไข้หวัด และสงสัยในเรื่องการปฏิบัติตัว สามารถโทรขอรับคำปรึกษาทางสายด่วนไข้หวัดใหญ่ได้ที่โทรศัพท์ 02-5901333, 02 5901994 และ 1330 ตลอด 24 ชั่วโมง ขณะนี้มีประชาชนโทรศัพท์สอบถามวันละ 300-500 สาย
 
 
 

รมช.สธ.พบวัยรุ่นติดหวัดหลังไปร้านเกม รับคุมการระบาดยากเพราะจำกัดการเดินทางไม่ได้

ด้าน นายมานิต นพอมรบดี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข เดินทางไปตรวจเยี่ยมโรงพยาบาลขนาดใหญ่ในภาคกลาง 5 จังหวัด ได้แก่โรงพยาบาลเจ้าพระยายมราช จ.สุพรรณบุรี โรงพยาบาลอ่างทอง โรงพยาบาลชัยนาท โรงพยาบาลสิงห์บุรี โรงพยาบาลพระนครศรีอยุธยา พร้อมผู้บริหารระดับสูงกระทรวงสาธารณสุข เพื่อติดตามความพร้อมในการจัดบริการรักษาพยาบาลผู้ป่วยโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ชนิดเอ H1N1 เพื่อลดอัตราการเสียชีวิต และจำกัดการแพร่กระจายเชื้อให้อยู่ในวงแคบที่สุด
 
ทั้งนี้จากการตรวจเยี่ยมโรงพยาบาลขนาดใหญ่ ในช่วงวันหยุดนี้มีผู้ป่วยที่เป็นไข้หวัดเข้ารับการตรวจรักษาที่แผนกผู้ป่วยนอกในโรงพยาบาลแต่ละแห่งเฉลี่ย 100 คนต่อวัน ส่งผลให้มีผู้ป่วยยืนยันโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่เข้านอนรักษาในโรงพยาบาลรัฐเอกชนเพิ่มมากขึ้นเช่นกัน ตนจึงได้เน้นย้ำทีมแพทย์ หากมีผู้ป่วยอาการหนักและ มีภาวะแทรกซ้อน โทรขอรับคำปรึกษากับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญของกระทรวงสาธารณสุขส่วนกลาง ตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อให้ผู้ป่วยได้รับการดูแลอย่างปลอดภัยที่สุด
 
“เป็นที่น่าสังเกตว่า ผู้ป่วยยืนยันไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ และผู้ป่วยไข้หวัดที่มาใช้บริการที่โรงพยาบาล ส่วนใหญ่มักเป็นนักเรียน วัยรุ่นให้ข้อมูลว่ามีอาการป่วยภายหลังจากเข้าไปเล่นเกมที่ร้านเกม ซึ่งในช่วงที่มีวันหยุดติดต่อกันหลายวัน เด็กก็มักจะใช้เวลาไปเล่นที่ร้านเกมเหล่านี้ด้วย จึงเป็นจุดแพร่กระจายเชื้อโรคอย่างดี ได้ประสานกระทรวงวัฒนธรรม ขอความร่วมมือร้านเกมปิดทำการเพื่อทำความสะอาดอุปกรณ์ต่างๆ ในช่วงเทศกาลเข้าพรรษานี้ด้วย แต่หากหยุดไม่ได้ ในวันนี้ได้สั่งการให้นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัด จัดเจ้าหน้าที่เข้าไปให้ความรู้เจ้าของร้านเกมในการดูแลความสะอาด ฆ่าเชื้ออุปกรณ์ต่างๆ ด้วย เพื่อป้องกันโรคด้วย”

นายมานิตยังกล่าวว่า ขณะนี้การหยุดการแพร่ระบาดโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่เป็นไปได้ยาก เนื่องจากไม่สามารถจำกัดการเดินทางได้ จึงพบผู้ป่วยในจังหวัดต่างๆ มากขึ้น และแนวโน้มเข้ารับการตรวจรักษาที่โรงพยาบาลมากขึ้นไปด้วย ซึ่งกระทรวงสาธารณสุข ได้ให้โรงพยาบาลในสังกัดจัดช่องทางพิเศษแบบวันสต็อป เซอร์วิสที่แผนกผู้ป่วยนอก สำหรับผู้ป่วยไข้หวัดเฉพาะ กันไม่ให้ปะปนกับผู้ป่วยทั่วไป
 
 

มาร์คหวังหยุดยาว 5 วันคลี่คลายการระบาด แนะใครที่มีอาการให้รีบหาหมอ

อย่างไรก็ตาม ความเห็นของรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุขผู้นี้สวนทางกับนายกรัฐมนตรี โดยก่อนหน้านี้นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ กล่าวเมื่อเช้าวันที่ 5 ก.ค. ในรายการ “เชื่อมั่นประเทศไทยกับนายกฯ อภิสิทธิ์” ครั้งที่ 25 ออกอากาศทางสถานีวิทยุโทรทัศน์แห่งประเทศไทย และสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทยว่าการหยุดยาวจะช่วยคลายปัญหาการแพร่ระบาดของไข้หวัดสายพันธุ์ใหม่
 
“การหยุดยาวในช่วงนี้ก็จะเป็นอีกโอกาสหนึ่งในการที่จะช่วยคลายปัญหาในเรื่องการแพร่ระบาดของไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ เพราะว่าจริง ๆ แล้วเท่าที่เราติดตามอยู่ในขณะนี้การแพร่ระบาดนั้น มักจะเกิดขึ้นก็คือ หนึ่ง ที่โรงเรียน และ สอง คือสถานบันเทิงในบางพื้นที่ เพราะฉะนั้น การหยุดโรงเรียน 5 วัน คงจะเป็นโอกาสดีที่เด็กหรือพ่อแม่ผู้ปกครองถ้าสังเกตเห็นลูกหลานของตัวเองเจ็บไข้ได้ป่วย เป็นไข้เป็นหวัดในขณะนี้ จะได้สามารถที่จะหยุดเรียนได้ เพราะว่าที่ผ่านมาหลายครั้งก็มีความวิตกกังวลว่า ถ้าหากว่าโรงเรียนเปิดอยู่ ไม่อยากให้ลูกหลานหยุดเรียน ก็ปรากฏว่าการแพร่เชื้อไข้หวัด ซึ่งมีทั้งไข้หวัดธรรมดา ไข้หวัดใหญ่ และไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ เกิดขึ้นค่อนข้างมาก เมื่อได้หยุดไป 5 วัน ผมคิดว่าคงจะช่วยให้สถานการณ์ตรงนี้บรรเทาเบาบางลง ขณะเดียวกันครับผมได้บอกกับพื้นที่ซึ่งมีปัญหาความเสี่ยงในเรื่องของการแพร่ระบาดของเชื้อตามสถานบันเทิงว่า เมื่อมีการห้ามขายเหล้าใน 2 วันหยุดสำคัญ สถานประกอบการเหล่านี้ก็มีแนวโน้มที่จะปิด ผมก็ได้ขอให้ทางท้องถิ่นได้เข้าไปดูแลในการที่จะทำความสะอาด และกำจัดเชื้อต่างๆ ซึ่ง
 
แต่ผมอยากจะบอกย้ำอีกครั้งหนึ่งนะครับว่า ไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ เมื่อเริ่มต้นระบาดครั้งแรกทางองค์การอนามัยโลกและหลายประเทศก็มีความวิตกกังวลว่าจะเหมือนกับสถานการณ์ของซาร์ส หรือไข้หวัดนก ซึ่งเมื่อเป็นแล้วมีความรุนแรงและมีความเสี่ยงสูง แต่ว่ามาถึงขณะนี้เกือบทุกประเทศมองเห็นว่าจริงๆ แล้ว ลักษณะของไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ แม้มีอันตรายตรงที่ว่าคนทั่วไปไม่มีภูมิคุ้มกัน แต่ลักษณะของโรคนั้นก็เหมือนกับไข้หวัดใหญ่ปกติ เพราะฉะนั้น หลายประเทศขณะนี้ก็ถือว่าเรื่องนี้เป็นเหมือนกับโรคไข้หวัดใหญ่ตามธรรมดา สิ่งที่สำคัญคือการดูแลรักษาและมีมาตรการที่มีความพร้อมในการที่จะทำให้ผู้ป่วยนั้นมีความปลอดภัย
 
เป็นเรื่องน่าเสียใจครับว่าในบ้านเรามีผู้เสียชีวิตไปแล้ว 6 คน แต่อยากจะเรียนว่าในทั้ง 6 กรณีนี้ผมได้ติดตามอย่างค่อนข้างใกล้ชิด ทราบว่ามีปัจจัยที่แทรกซ้อนเข้ามา เช่นอาจจะมีกรณีของโรคประจำตัวบ้าง และขณะนี้ก็ได้กำชับว่าการดูแลของสถานพยาบาล ไม่ว่าจะเป็นของภาครัฐ ของภาคเอกชน มีการทำความเข้าใจว่าถ้าหากว่ามีข้อสงสัยว่าจะเป็นไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่นั้น จะต้องปฏิบัติดูแลอย่างไร ซึ่งจะมีช่องทางพิเศษ ก็จะทำให้การดูแลรักษาพยาบาลมีความรัดกุมมากยิ่งขึ้น แต่ต้องขอย้ำกับพี่น้องประชาชนอีกครั้งนะครับว่า จริง ๆ ทุกคนสามารถที่จะป้องกันตัวเองได้ด้วยการดูแลสุขภาพของตัวเอง หมั่นล้างมือ สำหรับใครที่มีอาการก็รีบไปพบหมอนะครับ รับการรักษาพยาบาล และหลีกเลี่ยงในการที่จะเข้าไปในสังคมหรือในชุมชน ที่จะทำให้มีการแพร่ระบาดของเชื้อต่อไป…” นายอภิสิทธิ์กล่าว
 
 
สถานการณ์ล่าสุดในโลกป่วยสะสม 9.4 หมื่น เสียชีวิตแล้ว 429 ราย ไทยติดท็อปเท็น
 
แผนที่โลกแสดงสถานการณ์แพร่ระบาดของโรคไข้หวัดใหญ่ H1N1 เมื่อวันที่ 6 ก.ค. เวลา 9.00 น. ตามเวลามาตรฐานกรีนีช (16.00 น. ตามเวลาประเทศไทย) (ที่มา: องค์การอนามัยโลก) ดูภาพขยายคลิกที่นี่
 
สำหรับสถานการณ์แพร่ระบาดของโรคไข้หวัดใหญ่ H1N1 ทั่วโลกนั้น เว็บไซต์องค์การอนามัยโลกเผยว่า มีผู้ป่วยสะสมทั่วโลก 94,512 ราย เสียชีวิต 429 ราย โดยประเทศสหรัฐอเมริกามีผู้ป่วยสะสมมากที่สุดในโลกคือ 33,902 ราย เสียชีวิต 170 ราย รองลงมาคือเม็กซิโก มีผู้ป่วยสะสม 10,262 ราย เสียชีวิต 119 ราย อันดับสามคือแคนาดา มีผู้ป่วยสะสม 7,983 ราย เสียชีวิต 25 ราย
 
สำหรับประเทศไทยมีผู้ป่วยสะสมเป็นอันดับ 8 ของโลก คือ 2,076 ราย (ตัวเลขของ WHO ขณะที่ตัวเลขของรัฐมนตรีสาธารณสุขอยู่ที่ 2,272) และมีผู้เสียชีวิต 7 ราย มากเป็นอันดับ 6 ของโลก
 
 
ที่มา: ข้อมูลบางส่วนจาก นสพ.แนวหน้า, 7 ก.ค. 52 และ รายการเชื่อมั่นประเทศไทยกับนายกฯ อภิสิทธิ์, 5 ก.ค. 52 และ องค์การอนามัยโลก [1] [2]

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net