Skip to main content
ประชาไททำหน้าที่เป็นเวที เนื้อหาและท่าที ความคิดเห็นของผู้เขียน อาจไม่จำเป็นต้องเหมือนกองบรรณาธิการ
sharethis

จะเกิดอะไรขึ้นถ้าไข้หวัดสายพันธุ์ใหม่ H1N1 พบกับไข้หวัดนก H5N1 ซึ่งสุรีรัตน์ ตรีมรรคาเสนอว่า การคิดคำนึงถึงสถานการณ์เหล่านี้ไม่ใช่การแตกตื่น แต่เป็นการตามให้เท่าทันสภาพความเป็นจริงว่าหน่วยงานที่รับผิดชอบเรื่องนี้ต้องทำงานและให้ข้อมูลรอบด้านกับประชาชน

ตลอด 4-5 ปีมานี้ เราได้ยินและประสบกับโรคระบาดใหม่หรือกลับมาระบาดใหม่หลายโรค ทั้งซาร์ ไข้หวัดนก ไข้หวัดใหญ่ และไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 H1N1 รวมถึงไข้จากยุงลาย ที่เรียกว่า ชิคุณกุนยา หรือชื่อที่กรมควบคุมโรคเรียกว่า ไข้ปวดข้อยุงลาย (Chikungunya Fever) ทั้งหมดนี้เป็นโรคละบาดจากไวรัส ซึ่งมีลักษณะพิเศษคือหลากหลายสายพันธุ์และสามารถกลายพันธุ์ได้ การระบาดของไข้หวัดใหญ่เกิดขึ้นมาโดยตลอดของประวัติศาสตร์มนุษย์ โดยที่ร่างกายมนุษย์ก็มีการปรับตัวสร้างระบบภูมิคุ้มกันเพื่อเผชิญกับเชื้อโรคต่างๆมาโดยตลอด ขณะเดียวกันสภาพแวดล้อมที่เปลี่ยนไปก็ทำให้วงจรของเชื้อในสัตว์ ในพื้นที่ มีพัฒนาการมากขึ้น ประกอบกับการเคลื่อนย้ายอพยพของทั้งสัตว์และคนที่มีมากขึ้น รวดเร็วมากขึ้น ไปได้ไกลทั่วโลกมากขึ้น ทำให้การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสกระจายไปได้อย่างรวดเร็ว ดังกรณีของไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 H1 N1 ที่แพร่ไปพร้อมกับการเดินทางโดยเครื่องบินของมนุษย์ไปได้ทั่วโลก ในเวลาไม่ถึง 6 เดือน องค์การอนามัยโลกต้องประกาศว่านี่เป็นระยะสูงสุดของการระบาดแล้ว นั่นคือระบาดไปทั่วโลก

ประเทศไทยก็ไม่พ้นต้องเผชิญกับการแพร่ระบาด ผ่านคนที่เดินทางไปต่างประเทศ หรือจะ มองอีกด้านหนึ่งคือคนที่มีโอกาสเดินทางไปต่างประเทศได้ โดยเฉพาะประเทศสหรัฐอเมริกา ที่ได้ชื่อว่าคนไทยขอวีซาได้ยากมาก ค่าวีซาแพงมาก คนที่มีฐานะ มีหลักฐาน มีสถานะทางอาชีพ ชนชั้น หรืออื่นๆ จึงมีโอกาสมากกว่าคนไทยธรรมดาทั่วๆไป ภาพการระบาดจึงเกิดขึ้นในพื้นที่เขตเมือง ในกรุงเทพฯ ในโรงเรียนเอกชน หรือโรงเรียนดังๆ ต่างจากการระบาดของไข้หวัดนก ซึ่งเป็นสายพันธุ์ไวรัส H5N1 ที่ก่อโรคในสัตว์โดยเฉพาะสัตว์ปีก ทำให้ส่งต่อเชื้อถึงคน หรือคนรับเชื้อจากสัตว์ ป่วยแล้วเสียชีวิตได้ ยังไม่ได้ระบาดจากคนสู่คน แต่หากเมื่อไรมันสามารถพัฒนาสายพันธุ์จนระบาดจากคนสู่คนได้แล้ว อะไรจะเกิดขึ้นเมื่อมาเจอกับ H1 N1 ไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 การคิดคำนึงถึงสถานการณ์เหล่านี้ไม่ใช่การแตกตื่น แต่เป็นการตามให้เท่าทันสภาพความเป็นจริงว่าหน่วยงานที่รับผิดชอบเรื่องนี้ต้องทำงานและให้ข้อมูลรอบด้านกับประชาชน และต้องไม่เกี่ยงงาน หรือทำงานเอาหน้าของหน่วยงานใดหน่วยงานหนึ่ง โดยเฉพาะการผนึกกำลังกันระหว่าง กระทรวงสาธารณสุขที่ดูแลโรคในคน กับกระทรวงเกษตรที่ดูแลโรคในสัตว์ โดยรัฐบาลต้องเอาจริงและติดตามงานของคณะทำงานที่ตั้งขึ้นว่าดำเนินงานเป็นอย่างไรที่มีรองนายกรัฐมนตรีเป็นประธาน ต้องมีการรายงานให้คณะรัฐมนตรีทราบรวมถึงการสื่อสารให้กับประชาชนด้วย

อย่างไรก็ตาม ตอนนี้ไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ฯ น่าจะระบาดในหมู่พนักงานบริการตามสถานบริการ สถานบันเทิง สถานที่ท่องเที่ยว ไปมากแล้วก็ได้ ซึ่งก็คือในกลุ่มผู้ใช้แรงงานทั่วๆไป การระบาดนี้เกี่ยวข้องกับธุรกิจการท่องเที่ยว การส่งออกการท่องเที่ยวของไทย เพียงแต่คราวนี้ไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์นี้ยังไม่มีความรุนแรงที่ทำให้เสียชีวิตได้สูง ไม่เหมือนกับโรคซาร์ ที่อัตราการตายสูงถึงร้อยละ 60 ของจำนวนผู้ติดเชื้อ ส่วนไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ฯอาการไม่รุนแรงและรักษาหายได้ตามอาการ รักษาด้วยตนเองที่บ้านก็ได้ แต่ก็ต้องป้องกันและเตรียมตัวให้พร้อมเพื่อไม่ให้เกิดการแพร่ระบาดจนเกิดการกลายพันธุ์ การผสมกับสายพันธุ์อื่นจนทำให้เกิดความรุนแรงขึ้นได้

ช่วงนี้เข้าสู่หน้าฝน ซึ่งโรคไข้หวัดนกก็ยังสามารถแพร่ระบาดได้เหมือนเดิม การตอกย้ำให้ข้อมูลกับประชาชนให้สังเกตอาการเจ็บป่วยของเป็ด ไก่ ที่ตนเองเลี้ยง ดูอาการป่วยของสัตว์ว่ามีอาการซึม ซูบผอม ไม่กินอาหาร ขนยุ่ง ไข่ลด ไอ จาม หายใจลำบาก หน้าบวม หงอนและเหนียงบวม มีสีคล้ำ มีอาการทางประสาท ท้องเสีย อาจตายกะทันหันโดยไม่แสดงอาการ ประชาชนต้องตระหนักเสมอว่าไม่กินสัตว์ที่ป่วยตายเหล่านี้ และหลีกเลี่ยงการสัมผัสโดยตรงต่อน้ำลาย เลือด น้ำต่างๆ ที่ออกจากสัตว์ป่วยเหล่านี้ และการสร้างนิสัยกินไก่ เป็ด ที่ทำเป็นอาหารสุก สะอาด รวมถึงการล้างทำความสะอาดไข่ หรือสังเกตหากมีอุจจาระติดเปลือกไข่ก็ต้องทำความสะอาดก่อนนำมาทำอาหาร ก็เป็นการสร้างนิสัยป้องกันตนเองให้กับประชาชน รวมถึงคนงานในโรงชำแหละ พ่อค้าแม่ค้าที่ชำแหละไก่ เป็ด ต้องมีการป้องกันตนเอง มีหน้ากาก มีผ้ากันเปื้อนที่เป็นพลาสติก มีการทำความสะอาดตัวเองทุกครั้งหลังทำการชำแหละ เพื่อลดโอกาสได้รับน้ำมูก น้ำลาย เลือด อุจาระ ปัสสาวะของสัตว์ปีกเหล่านี้

ความต่างของคนรับเชื้อระหว่างไข้หวัดนกที่มักเกิดกับชาวบ้าน เด็กๆ ลูกหลานที่เลี้ยงไก่ตามพื้นบ้าน หรือมีพ่อแม่อาชีพชำแหละไก่ เป็ด ขณะที่ไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ฯ เริ่มที่คนได้ไปต่างประเทศมา ทั้งสองโรคนี้ก็ควรได้รับการเผยแพร่ข้อมูลเรื่องป้องกันตัว การดูแลสุขภาพตนเองอย่างทั่วถึงเช่นกัน พื้นฐานคือการรักษาความสะอาดด้วยการล้างมือเป็นประจำ สร้างให้เป็นนิสัย การป้องกันไอ จาม ของตนเองไปสู่ผู้อื่นด้วยการปิดปากด้วยกระดาษ ผ้าเช็ดหน้า หากพบอาการไข้สูง ปวดเมื่อย ต้องรีบพบแพทย์ให้เร็ว ซึ่งทุกคนได้รับการรักษาฟรีอยู่แล้ว และยารักษาก็มีอยู่ในโรงพยาบาล ในกระทรวงสาธารณสุข ยานี้เป็นยาสำหรับรักษาไม่ใช่ยาป้องกัน จึงไม่จำเป็นต้องไปซื้อหามาไว้กินป้องกัน แต่ควรมียานี้อย่างทั่วถึงในโรงพยาบาลในทุกอำเภอ หรือสามารถเข้าถึงยาได้เร็วภายใน 48 ชั่วโมง ก็จะมีผลดีต่อการรักษา โดยเฉพาะไข้หวัดนกที่เกิดกับคนในชนบทมากกว่า แต่ใช้ยาตัวเดียวกันในการรักษาทั้งไข้หวัดใหญ่และหวัดนก

ข้อสังเกตอีกประการที่น่าสนใจคือ ไข้หวัดนกเกิดกับทุกคน ทุกวัย ที่สัมผัสสัตว์ป่วย ขณะที่ไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 H1N1 ที่การป่วยเกิดกับคนอายุน้อยทั้งเด็กและวัยเยาวชน วัยทำงาน ไม่เกิดกับคนสูงอายุ และการติดเชื้อจนป่วยจนตายส่วนใหญ่เป็นคนที่มีโรคเรื้อรังอยู่ด้วยทั้งผู้ป่วยโรคปอด หัวใจ ตับ ไต ขณะที่ผู้สูงอายุทั่วไปมีการติดเชื้อและมีอาการไม่มากนัก น่าสนใจว่าเป็นเพราผู้สูงอายุมีภูมิคุ้มกันต่อเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่นี้ ขณะที่เด็กและคนรุ่นใหม่ยังไม่มีภูมิคุ้มกันนี้ ขณะเดียวกันในระบบบัตรทอง มีการฉีดวัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่ให้ผู้สูงอายุที่มีโรคเรื้อรังมาตั้งแต่ปีที่แล้ว เพื่อลดความรุนแรงจนถึงแก่ชีวิตสำหรับผู้สูงอายุที่เผชิญกับไข้หวัดใหญ่ทุกปีอยู่แล้ว ประเทศไทยมีระบบการรักษา ระบบการป้องกันที่ดีอยู่แล้ว เหลือเพียงดำเนินการให้เข้มแข็งต่อเนื่อง และต้องให้ประชาชนรับรู้ข้อมูลเหล่านี้อย่างละเอียดและต่อเนื่องเพื่อการมีส่วนร่วมในการดูแลรักษาสุขภาพของตนเอง

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net