Skip to main content
sharethis


ตามที่เมื่อวันที่ 2 เม.ย.ที่ผ่านมา ชาวบ้านบ้านใหม่หนองผึ้ง หมู่ 18 ต.อินทขิล อ.แม่แตง จ.เชียงใหม่ เตรียมยื่นหนังสือถึงผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ ให้ระงับการรื้อถอนบ้านเรือนของชาวบ้านที่ปลูกสร้างในที่ สปก. 4-01 แต่ปลัดอำเภอฝ่ายความมั่นคง ของ อ.แม่แตง ห้ามไม่ให้เดินทางไปร้องเรียนที่ศาลากลางจังหวัดและให้มาเจรจากันที่อำเภอแม่แตง ก่อนจะเลื่อนเจรจาชาวบ้านเป็นวันถัดไปเนื่องจากติดประชุม


 


โดยปลัดอำเภอได้ให้ผู้นำชุมชนแจ้งยอดสมาชิกในชุมชนที่ไม่มีหลักฐานประจำตัวอะไรเลย โดยให้เหตุผลว่าขอรายชื่อไว้ก่อนเพื่อทำการสำรวจสัญชาติต่อไป


 


ต่อมา วันที่ 3 เม.ย.เวลา 5.00 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจคนเข้าเมืองเชียงใหม่ แม่สอด และฝาง ร่วมกับ ตชด.ที่ 33 ตำรวจ สภ.อ.แม่แตง และตำรวจป่าไม้ สนธิกำลังพร้อมอาวุธกว่า 100 นาย ประกอบไปด้วยเจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจคนเข้าเมือง เจ้าหน้าที่ตำรวจตระเวนชายแดน เจ้าหน้าที่ตำรวจสถานีตำรวจแม่แตง ได้เข้าไปตรวจสอบและจับกุมชาวบ้านบ้านหนองผึ้งใหม่จำนวน 54 คน ข้อหาเข้าเมืองผิดกฎหมาย และออกนอกเขตโดยไม่ได้รับอนุญาต


 


จากการตรวจค้น ไม่พบสิ่งผิดกฎหมาย และชาวบ้านที่เหลือไม่ถูกจับกุม เนื่องจากมีเอกสารแสดงสถานะบุคคล บางส่วนมีใบอนุญาตทำงานของแรงงานต่างด้าว โดยแยกคนกลุ่มแรกที่ไม่มีเอกสารแสดงสถานะบุคคล จำนวน 27 คน ซึ่งส่วนมากเป็นผู้หญิงอายุประมาณ 50-70 ปี ส่งสำนักงานตำรวจตรวจคนเข้าเมือง (ตม.) จ.เชียงใหม่


 


ในเวลาต่อมาพบว่า ในจำนวนที่ไปสำนักงาน ตม. นั้นเป็นเด็ก 5 คน คนที่มี ทร 38/1 จำนวน 1 คน มีบัตรอนุญาตทำงาน 8 คน แต่บัตรหมดอายุ 2 คน บัตรผู้สูงอายุ 1 คน และมีผู้ไม่มีเอกสารแสดงสถานะบุคคลจริงๆ เพียง 12 คน


 


ส่วนคนกลุ่มที่สองจำนวน 27 คน ถือบัตรบุคคลบนพื้นที่สูงสีเขียวขอบแดง รอการพิสูจน์สัญชาติ จึงถูกจับข้อหาข้ามเขตโดยไม่ได้รับอนุญาต และทำงานโดยไม่ได้รับอนุญาต ตาม พ.ร.บ.การทะเบียนคนต่างด้าว โดยถูกควบคุมที่ สภ.อ.แม่แตง แบ่งเป็นชาย 17 คน หญิง 10 คน ในจำนวนนี้เป็นหญิงตั้งครรภ์ 2 คน และแม่ลูกอ่อน 1 คน และมีเยาวชนอายุ 15-17 ปี 2 คน สำหรับผู้ใหญ่ เจ้าหน้าที่ตำรวจตั้งหลักทรัพย์ยื่นขอประกันตัวรายละ 75,000 บาท แต่ไม่มีใครมีเงินพอ เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงควบคุมตัวไว้ก่อนที่ สภ.อ.แม่แตง ก่อนทำสำนวนฝากขังที่ศาลจังหวัดเชียงใหม่


 


ส่วนเยาวชน 2 คน ถูกนำตัวส่งสถานพินิจข้อหาออกนอกเขตโดยไม่ได้รับอนุญาต ตาม พ.ร.บ.การทะเบียนคนต่างด้าว ตั้งหลักทรัพย์ประกันตัวรายละ 5,000 บาท แม้จะมีระเบียบกระทรวงที่ออกโดยกระทรวงมหาดไทย ที่  มท 0308.4/795 ฉบับลงวันที่ 7 มีนาคม 2550 เรื่องการจัดการศึกษาแก่บุคคลที่ไม่มีหลักฐานทะเบียนราษฎรหรือไม่มีสัญชาติไทย ที่ระบุว่า ให้เด็กและเยาวชนสามารถเดินทางไปศึกษาได้เป็นระยะเวลาตามหลักสูตร โดยไม่ต้องขออนุญาตเป็นครั้งคราว และอนุญาตให้นักเรียน นักศึกษา ที่เป็นบุคคลไม่มีสัญชาติไทยเดินทางออกนอกเขตควบคุมเป็นการชั่วคราว เพื่อรับการศึกษาในสถานศึกษา


ล่าสุด, เมื่อวันที่ 7 พ.ค.ที่ผ่านมา ที่บ้านธารแก้ว อ.เมือง จ.เชียงใหม่ ตัวแทนเครือข่ายชนเผ่าพื้นเมืองแห่งประเทศไทย นำโดยนางสาวประดิษฐา ปริยแก้วฟ้า ผู้ประสานงานมูลนิธิเพื่อสุขภาพและการเรียนรู้ของแรงงานกลุ่มชาติพันธุ์ นายวิวัฒน์ ตามี่ ผู้ประสานงานศูนย์ปฏิบัติการร่วมเพื่อแก้ไขปัญหาประชาชนบนพื้นที่สูง และนายสุริยันต์ ทองหนูเอียด กองเลขานุการเครือข่ายชนเผ่าพื้นเมืองแห่งประเทศไทย ได้เข้ายื่นหนังสือถึงนายสมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พรรคประชาธิปัตย์ เพื่อขอความเป็นธรรมเพื่อขอให้ช่วยเหลือในกรณีชาวบ้านไทใหญ่ถูกดำเนินคดีในครั้งนี้ด้วย 


โดยหนังสือดังกล่าว ระบุว่า จากสถานการณ์ชาวบ้านชุมชนใหม่หนองผึ้ง ตำบลอินทขิล อำเภอแม่แตง จังหวัดเชียงใหม่ ที่ดิน สปก.ตำแหน่งที่ดิน แปลงเลขที่ 4 ระหว่าง สปก.ที่ 405 ซื้อที่ดินแปลงนี้มาจากนางอรทัย รัตนพจน์ เมื่อปี พ.ศ. 2547 จำนวนงานละ 23,000 บาท (สองหมื่นสามพันบาทถ้วน) รวมพื้นที่ทั้งหมด 34 ไร่ 3 งาน 3 ตารางวา และได้สร้างที่พักอาศัยเรื่อยมา จนถึงปัจจุบันมีครอบครัวที่อาศัยอยู่ในชุมชนดังกล่าว 150 ครัวเรือน มีจำนวนสมาชิกประมาณ 1,000 คน หมู่บ้านดังกล่าว ได้รับการแต่งตั้งจากผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ให้เป็นหมู่บ้านชุมชนเข้มแข็ง เมื่อปี 2547นายจันต๊ะ ลุงอู ได้ทราบข่าวมาว่า เจ้าหน้าที่ สปก.จะสั่งรื้อถอนที่อยู่อาศัยในชุมชนทั้งหมด นายจันต๊ะกับพวกอาศัยอยู่ในที่ดินดังกล่าวอย่างสงบ และไม่เคยสร้างความเดือดร้อนให้แก่ชุมชนเลยสักครั้ง


เมื่อวันที่ 31 มีนาคม 2551 เวลาประมาณ 8.30 น ได้มีเจ้าหน้าที่ประมาณ 15 นาย ประกอบไปด้วย ปลัดอำเภอแม่แตง ตำรวจตรวจคนเข้าเมืองเชียงใหม่ ตำรวจจากสถานีตำรวจแม่แตง และ เจ้าหน้าที่ที่ดิน ได้เข้าไปตรวจในพื้นที่ อีกทั้งแจ้งต่อชุมชนว่า จะรื้อถอนที่อยู่อาศัยที่ก่อสร้างในบริเวณดังกล่าว ต่อมาวันที่ 1 เมษายน 2551 นายจันต๊ะกับพวก ได้รับการแจ้ง จากเจ้าหน้าที่ตำรวจและทหารว่าจะมารื้อถอนบ้านที่อยู่บริเวณดังกล่าว ในวันที่ 2 เมษายน 2551


ชาวบ้านชุมชนใหม่หนองผึ้ง ได้เข้ามาซื้อที่ดินและสร้างบ้านเรือนที่นี่ด้วยเงินที่เก็บหอมรอมริบมาจากการทำมาหากินตลอดชีวิต เพื่อเป็นที่อยู่อาศัยอันเป็นปัจจัยพื้นฐานของมนุษย์ในการดำรงชีวิต และซื้อที่ดินที่นี่จากเจ้าของที่ดินก็เพราะเชื่อโดยสุจริตว่าที่ดินเป็นที่ดินที่มีเอกสารของทางราชการถูกต้องตามกฎหมาย และไม่ได้เป็นที่ดินในเขตป่าไม้ หรือป่าสงวน อันจะเป็นการทำลายทรัพยากรอันมีค่า แต่ที่ดินนี้มีเจ้าของครอบครองอยู่ก่อนและเต็มใจขายให้กับชาวบ้านโดยมีสัญญาซื้อขายต่อกัน ชาวบ้านส่วนใหญ่ไม่ได้เรียนหนังสือจึงไม่รู้และไม่เข้าใจกฎหมายเกี่ยวกับที่ดิน สปก.ว่าเป็นอย่างไร ชาวบ้านในชุมชนต้องการจะอาศัยอยู่ที่ชุมชนนี้ต่อไป เพราะหากมีการรื้อถอนบ้านเรือนของชาวบ้าน ชาวบ้านก็จะไร้ที่อยู่อาศัยและสูญเสียเงินทองทรัพย์สินที่หามาทั้งชีวิต


ในจำนวนชาวบ้านที่อาศัยอยู่ทั้งหมด มีเด็กจำนวนถึง 96 คน รวมอยู่ด้วยและกำลังอยู่ระหว่างการศึกษา ปัจจุบันเด็กทั้งหมด ได้เข้าเรียนที่โรงเรียนบ้านปางกว้าง หมู่ 13 ตำบลอินทขิล อำเภอแม่แตง จังหวัดเชียงใหม่


วันที่ 3 เมษายน 2551 เวลา 5.00 น ได้มีกำลังเจ้าหน้าที่จำนวนกว่า 100 นาย ประกอบไปด้วยเจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจคนเข้าเมือง เจ้าหน้าที่ตำรวจตระเวนชายแดน เจ้าหน้าที่ตำรวจสถานีตำรวจแม่แตง ได้เข้าไปตรวจสอบและจับกุมชาวบ้านบ้านหนองผึ้งใหม่จำนวนกว่า 60 คน ข้อหาเข้าเมืองผิดกฎหมาย และออกนอกเขตโดยไม่ได้รับอนุญาต ขณะนี้มีชาวบ้านยังอยู่ที่สถานตำรวจกองเมือง เชียงใหม่ จำนวน 19 คน ในจำนวนดังกล่าวมีคนแก่ชราจำนวนหนึ่ง อายุมากถึง 90 ปี


ต่อมาเมื่อวันที่ 18 เมษายน 2551 ในการประชุมของคณะกรรมการปฏิรูปที่ดินจังหวัดเชียงใหม่ได้มีมติให้รื้อถอนสิ่งปลูกสร้าง และปรับปรุงพื้นที่ให้อยู่ในสภาพเดิมภายใน 30 วัน


เครือข่ายชนเผ่าพื้นเมืองแห่งประเทศไทย มูลนิธิเพื่อสุขภาพและการเรียนรู้ของแรงงานกลุ่มชาติพันธุ์ และศูนย์ปฏิบัติการร่วมเพื่อแก้ไขปัญหาประชาชนบนพื้นที่สูง เห็นว่าปัญหาดังกล่าวเกี่ยวข้องกับการละเมิดสิทธิมนุษยชนขั้นพื้นฐานของความเป็นมนุษย์ที่ทุกเผ่าพันธุ์ จักต้องมีที่อยู่อาศัยและปัจจัยการครองชีพอันพึ่งมีพึ่งได้ ดังนั้น จึงขอให้หาทางช่วยเหลือชาวบ้านที่ได้รับผลกระทบให้ได้รับความเป็นธรรมในการแก้ปัญหาต่อไป 


ทั้งนี้ นายวิวัฒน์ ตามี่ ผู้ประสานงานศูนย์ปฏิบัติการร่วมเพื่อแก้ไขปัญหาประชาชนบนพื้นที่สูง กล่าวภายหลังเข้ายื่นหนังสือว่า นายสมเกียรติ ได้รับปากว่าจะทำหนังสือถามไปยังนายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรีและ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รมว.มหาดไทย ทั้ง 3 ประเด็น คือ1.ฟ้องหรือไม่ฟ้อง หรือไล่ออกหรือไม่ 2.จะสอบถามกรณีที่ดินส.ป.ก.ทำการไล่รื้อบ้าน ขอให้มีการชะลอไว้ชั่วคราวจนกว่าจะมีแนวทางออกที่ชัดเจนในการแก้ไขปัญหา เพราะปัญหาไทยใหญ่เป็นปัญหาภาพรวมของประเทศและจังหวัดเชียงใหม่ รัฐบาลควรมีนโยบายที่ชัดเจนในการแก้ไขปัญหา และ 3. ขอให้มีการตั้งคณะกรรมการร่วมขึ้นมาคณะหนึ่งเพื่อแก้ไขปัญหา องค์ประกอบคณะทำงาน ประกอบด้วย ภาคราชการ องค์กรพัฒนาเอกชนและภาคประชาชน


ผู้ประสานงานศูนย์ปฏิบัติการร่วมเพื่อแก้ไขปัญหาประชาชนบนพื้นที่สูง ยังกล่าวอีกว่า ความคืบหน้าของกรณี  20 ราย ที่ถูกจับกุมดำเนินคดีข้อหาเดินทางออกนอกเขตพื้นที่โดยไม่ได้รับอนุญาตและทำงานโดยไม่ได้มีการขึ้นทะเบียนแรงงาน ตาม พ.ร.บ.การทำงานของคนต่างด้าว นั้น ตอนนี้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ทำการส่งฟ้องอัยการและถูกฝากขังอยู่ที่ศาลหรือคุกเนื่องจากไม่มีเงินประกันตัวออกมา และจะส่งฟ้องศาลในวันที่ 18พ.ค.นี้  ซึ่งหากไม่สู้ก็ต้องถูกปรับ 20,000 บาท และถูกจำคุก 1-5 ปี 


อนึ่ง ชุมชนบ้านใหม่หนองผึ้งดังกล่าวตั้งขึ้นในปี 2547เมื่อเจ้าของที่ สปก.เดิม ที่มีที่ดินแปลงติดกันรวม 3 ราย พื้นที่กว่า 70 ไร่ ต้องการขายสิทธิที่ดิน คนเฝ้าสวนซึ่งเป็นชาวไทใหญ่ ถือบัตรสถานะบุคคลบนพื้นที่สูง (เขียวขอบแดง) จึงขอซื้อต่อ แต่เงินไม่พอจึงพากันชักชวนครอบครัวและญาติพี่น้องช่วยกันซื้อที่ดินคนละแปลงๆ ละประมาณ 80-100 ตารางวา ราคาแปลงละ 20,000 บาทโดยไม่รู้ว่าที่ดิน สปก.ตามกฎหมายข้ามซื้อขาย แบ่งแยก โอนสิทธิ์ และต้องใช้ประโยชน์ด้านเกษตรกรรมเท่านั้น


 


และจากเดิมที่มีชาวบ้านไทใหญ่เข้ามาอาศัยไม่กี่สิบราย ต่อมาก็มีการชักชวนญาติพี่น้องที่เป็นชาวไทใหญ่ด้วยกันซึ่งอาศัยอยู่แถบ ต.เปียงหลวง อ.เวียงแหง จ.เชียงใหม่ ซึ่งถือบัตรสถานะบุคคลบนพื้นที่สูง (สีเขียวขอบแดง) และส่วนหนึ่งถือบัตรอนุญาตทำงานแรงงานแต่งด้าวมาร่วมซื้อที่ดินเพื่อสร้างที่พักอาศัย


 


จนปัจจุบันชุมชนบ้านใหม่หนองผึ้งมีบ้านกว่า 150 หลังคาเรือน ประชากรกว่า 1,000 คน ส่วนใหญ่ชาวบ้านรับจ้างทำเกษตรกรรมตามฤดูกาล โดยเมื่อปี 2547 ชุมชนแห่งนี้เคยได้รับการแต่งตั้งจากนายสุวัฒน์ ตันติพัฒน์ ผู้ว่าราชการ จ.เชียงใหม่ ในขณะนั้น ให้เป็นหมู่บ้านชุมชนเข้มแข็งด้วย ก่อนที่จะถูก สปก.และเจ้าหน้าที่ตำรวจสนธิกำลังเข้าตรวจสอบและจับกุมดังกล่าว


 


 


 


 


 


…………………………


ข่าวประชาไทย้อนหลัง


 


ชาวไทใหญ่ร้องจนท.ระงับรื้อถอนชุมชน, ประชาไท, 3 เม.ย. 51


จับทันทีไม่มีเจรจา บ้านใหม่หนองผึ้งร้องระงับการรื้อถอนไม่เป็นผล, ประชาไท, 4 เม.ย. 51


รองผู้ว่าฯ เชียงใหม่ สั่งรื้อชุมชนบ้านใหม่หนองผึ้งภายใน 30 วัน! ประชาไท, 20 เม.ย. 51


กรรมการสิทธิฯ ระบุชาวบ้านใหม่หนองผึ้งเป็นเหยื่อ ควรเยียวยาไม่ใช่จับกุม ประชาไท, 29 เม.ย. 51


 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net