คาราวานข้าวยิ้มวันสุดท้ายในการเสวนาสามยุคอดีตชาวนาอีสานชี้ชาวนาต้องย้อนกลับไปสู่อดีต กลับไปสู่การทำเกษตรอินทรีย์

เมื่อวันที่ 16 มกราคม 2548 มูลนิธิประชาสังคม จ.อุบลราชธานี ร่วมกับ โครงการชีวิตสาธารณะเมืองน่าอยุ่ และกรีนพีซ จัดงานคาราวานข้าวยิ้มขึ้นที่ อุทยานบุญนิยม อ.เมืองอุบลราชธานี เพื่อให้ความรู้กับประชาชนเกี่ยวกับเรื่องข้าวจีเอ็มโอ โดยในวันนี้เป็นการเสวนาในเรื่อง สามยุคชาวนาอีสาน มีผู้ร่วมเสวนาได้แก่ นายสมาน บำเพ็ญ ตัวแทนจากเครือข่ายคนปลูกข้าวลุ่มน้ำโขง ,นายสำเริง รูปสวย ปราชญ์ชาวบ้าน ,นายมนตรี โกศัลวัฒน์ เลขาธิการสมาคมเกษตรก้าวหน้า ซึ่งมีนายธีรพล อันมัย ผู้ประสานงานมูลนิธิประชาสังคมเป็นผู้ดำเนินการเสวนา มีผู้ร่วมฟังการเสวนาประมาณ 30 คน

ในการเสวนามีการพูดถึงอดีตของชาวนาตั้งแต่แรกเริ่มศักดินา จนมาถึงยุคปัจจุบัน โดยในสมัยก่อนชาวนาอยู่กันอย่างพึ่งพาอาศัย ทำงานให้พออยู่พอกิน จนถึงยุคที่เริ่มมีระบบการสื่อสารเข้ามา สิ่งแรกก็คือวิทยุ มีการโฆษณาต่าง ๆ และปุ๋ยเคมีก็เริ่มเข้ามาสู่วิถีชีวิตของชาวนา จนต้องไปทำงานหาเงินมาซื้อปุ๋ยเพราะคิดว่าจะช่วยให้ข้าวเจริญเติบโตได้ดีขึ้น มีผลผลิตเพิ่มขึ้น หรือที่เรียกว่าการปฏิวัติเขียว

ทั้งนี้เพราะชาวนาไทยมีความรู้น้อย ทางการเองก็ไม่มีการเปิดเผยข้อมูล การสร้างวัตถุนิยมขึ้นมา ทำให้ต้องตกเป็นทาสของวัตถุนิยม สารเคมีต่าง ๆ ก่อให้เสียสุขภาพ ดังนั้นชาวนาไทยจะต้องหันกลับมาย้อนกลับไปพึ่งธรรมชาติ หันกลับมาทำเกษตรอินทรีย์ โดยยกตัวอย่างที่ จ.สุรินทร์เป็นการทำเกษตรอินทรีย์อย่างเข้มแข็ง

ในการทำกิจกรรมคาราวานข้าวยิ้มในครั้งนี้มีผู้ที่สนใจเข้าชมกิจกรรมกันตั้งแต่วันเสาร์ที่ 15 มกราคม ที่ผ่านมา ซึ่งจัดขึ้นที่ ห้างบิ๊กซี อุบลราชธานี แต่วันสุดท้ายมีกิจกรรมทั้งการเล่นดนตรีจากนักศึกษามหาวิทยาลัยราชภัฏอุบลราชธานี ละครน้ำฝนเลือกคู่จากกลุ่มละครมะขามป้อม โดยการทำคาราวานข้าวยิ้มนี้เป็นการทำงานเชิงรุกเพราะแม้ว่าจะยังไม่มีการทดลองปลูกข้าวจีเอ็มโอในประเทศไทย แต่ก็เป็นการกระตุ้นเตือนให้ประชาชนได้เข้าใจเรื่องจีเอ็มโอไว้ก่อน

นางสาววรุณวาร สว่างโสภากุล เจ้าหน้าที่รณรงค์ด้านพันธุวิศวกรรม กรีนพีซเอเซียตะวันออกเฉียงใต้ กล่าวว่า การทำคาราวานข้าวยิ้มเริ่มต้นที่ จ.ร้อยเอ็ด จ.มหาสารคาม และ จ.อุบลราชธานี โดยจะเดินทางต่อไปยัง จ.ยโสธรแล้วจะจบลงที่สุรินทร์ เพื่อให้ความรู้แก่ประชาชนได้รับรู้ถึงเรื่องข้าว
จีเอ็มโอ ยกตัวอย่างความสำเร็จของผู้ที่ทำเกษตรอินทรีย์ให้ชาวบ้านดู เป็นการป้องกันไว้ก่อนถึงแม้จะยังไม่มีในประเทศไทยก็ตามแต่ขณะนี้จีนกำลังพิจารณาอยู่ ส่วนทางด้านอเมริกาได้มีการอนุมัติแล้ว

สาเหตุที่เลือก จ.อุบลราชธานีเป็นหนึ่งในเส้นทางคาราวานนั้นเพราะเป็นจังหวัดที่มีปราชญ์ชาวบ้าน,มีสถาบันวิจัยข้าวอยู่ในพื้นที่ ถือได้ว่าเป็นจังหวัดที่ให้ความสำคัญต่อข้าวและมีองค์กรร่วมจัดอยู่ด้วย

ในด้านของการตอบรับของชาวบ้านนั้นก็ดี ที่ผ่านมาอย่างที่ บ้านกู่สิงห์ อ.เกษตรวิสัย จ.ร้อยเอ็ด เป็นชาวนาที่เขาได้รับความรู้ใหม่ ซึ่งก็จะกลายเป็นพบังในการรวมตัวกันของชาวบ้านเพื่อต่อสู้ในเรื่องนี้ร่วมกัน ส่วนที่ จ.มหาสารคามเป็นนักเรียน นักศึกษาเขาก็ได้รับความรู้เพิ่มขึ้น สร้างความเข้าใจและแลกเปลี่ยนซึ่งกันและกัน

วรรณภา แก่นพิทักษ์
ศูนย์ข่าวประชาสังคม จ.อุบลราชธานี