Skip to main content
sharethis
  • 'วิสาร' ตั้งข้อสังเกตงบซ่อมบำรุงทางจังหวัดบุรีรัมย์นำโด่ง ถาม 'ประยุทธ์' มีความจริงใจในการตรวจสอบทุจริตคอร์รัปชัน หรือไม่
  • 'ยุทธพงศ์' จี้ 'สันติ' ตอบปมท่อส่งน้ำอีอีซี ส่อทุจริต อัดไม่ควรซื้ออาวุธ
  • 'พิจารณ์' ซัด กลาโหม จัดงบ 'ไม่คุ้มค้า-ไม่ตอบโจทย์-ไม่โปร่งใส' พบเกินครึ่งจ่ายเลี้ยงกำลังพล
  • 'หมอเรวัต' จี้ลดขนาดระบบราชการ-ตัดงบนายพล จวกวัคซีนซื้อช้า แต่ F-35 ซื้อเร็ว
  • 'สุรชาติ' เทียบงบค่าอาหาร ส.ส. 861 บาทต่อวัน ส่วนอาหารกลางวันเด็ก 21 บาทต่อวัน

2 มิ.ย. 2565 การประชุมสภาผู้แทนราษฎร ในการอภิปรายร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2566 วาระแรก หรือขั้นรับหลักการ วันสุดท้าย เมื่อเวลา 09.34 น. นายวิสาร เตชะธีราวัฒน์ ส.ส.เชียงราย พรรคเพื่อไทย กล่าวอภิปรายการพิจารณา ร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2566 วงเงิน 3.185 ล้านล้านบาท วาระที่ 1 วันที่ 3 ว่า ใครอยู่ฝ่ายประชาธิปไตย ย้ายพรรคไปอยู่ลอย ทุจริตเชิงนโยบาย คนเป็นนายกฯ ตอนปฏิวัติปี 57 ผบ.ทบ.คนเก่งไปไหน วันนี้ผมจะอภิปรายฯ งบประมาณปี 66 เรื่อง “เน้นงบทหาร มุ่งผลาญภาษี ได้ทีทุจริต ปิดบัญชีกลับบ้าน” ยืนยัน เป็นการจัดงบที่สูญเปล่า ไม่ได้ช่วยเหลือประชาชนเลย

นายวิสาร กล่าวต่อว่า ที่ว่าเป็นงบประมาณ ผลาญภาษี ยัน ร่างพ.ร.บ.งบประมาณฉบับนี้ มีงบประมาณใช้เงินกู้ผูกพันมากที่สุด 5 อันดับแรก กระทรวงคมนาคม งบมากกว่ากระทรวงมหาดไทย กระทรวงกลาโหม ด้วยซ้ำ ในงบส่อโกงนั้น ผมไม่ได้อิจฉาพี่น้องชาวบุรีรัมย์ แต่มันผิดปกติ ตั้งแต่ปี 62 งบฯ มันเปลี่ยนไปเยอะ เปลี่ยนเป็น จัดเอางบฯ ลง เอาตังทอน เอาหัวคิว เทียบกับจังหวัดเชียงใหม่ เป็นจังหวัดสร้างรายได้จากท่องเที่ยว แต่มันต่างกันเชียงใหม่ได้งบประมาณ กว่า 3 พันล้าน แต่จังหวัดบุรีรัมย์ได้งบประมาณมากกว่าเชียงใหม่ 2 เท่า ได้งบฯ กว่า 6 พันล้าน

น่าสังเกตคืองบซ่อมบำรุงทางจังหวัดบุรีรัมย์นำโด่ง แต่ก็ไม่ว่ากัน ต้องถาม พล.อ.ประยุทธ์ นายกรัฐมนตรี มีความจริงใจในการตรวจสอบทุจริตคอร์รัปชัน หรือไม่

นายวิสาร กล่าวอีกว่า การสร้างรถไฟความเร็วสูง เชื่อม 3 สนามบิน รัฐบาลไปเอื้อประโยชน์บริษัทเจ้าสัว หรือไม่ รถไฟความเร็วสูงก็ล่าช้า 5 ปี สร้างได้แค่ 3 กิโลเมตร ยังมีเรื่อง มอเตอร์เวย์ กทม.-โคราช ที่ยังสร้างไม่เสร็จ แต่ของบฯ เพิ่มอีกกว่า 7 พันล้านอีก, งบฯ มอเตอร์เวย์ บางใหญ่-กาญจนบุรีอีก มันสื่อถึงเรื่อง "งบประมาณส่อโกง"

"เรื่องปิดบัญชีกลับบ้าน เป็นการทุจริตเชิงนโยบายหรือไม่ ไปถึงงบประมาณของ อบจ.อีก ที่เกลี่ยไม่เท่ากัน บางจังหวัดที่พรรคการเมืองหนึ่งไปหาเสียงกลับได้มากกว่าปกติ เงินเหล่านี้ เอาไปฝากไว้ ท่านนายกฯ เคยได้ยินไหมว่า "นายกฯ 500" ผมไม่ได้ว่านายกฯ ประยุทธ์นะครับ จังหวัดแถวอีอีซีนะ เงินพวกนี้เอามาจากไหน คุณจะคิดปิดบัญชีกลับบ้านแบบนี้ สงสารประชาชน สงสารชาวนา การจัดงบประมาณแบบนี้ ทำให้พวกผมพรรคเพื่อไทยไม่รับพ.ร.บ.งบประมาณปี 2566 ฉบับนี้ละครับ ผมคิดไม่ออกเมื่อคืน แต่ผมขอเรียกงบประมาณฉบับนี้ว่า "งบประมาณฉบับผีปอบ" ครับ ผมไม่กล่าวหา ท่านนายกฯ ท่านไม่เคยทุจริตคอร์รัปชัน แต่ท่านถูกบีบคอเอางบประมาณหรือไม่" นายวิสาร กล่าว

'ยุทธพงศ์' จี้ 'สันติ' ตอบปมท่อส่งน้ำอีอีซี ส่อทุจริต อัดไม่ควรซื้ออาวุธ

เวลา 10.00 น. ที่รัฐสภา นายยุทธพงศ์ จรัสเสถียร ส.ส.มหาสารคาม พรรคเพื่อไทย อภิปรายฯ ในร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2566 วาระแรก ขั้นรับหลักการ วันที่ 3 ถึง เรื่องท่อส่งน้ำสายหลักอีอีซี ที่มีเรื่องน่าสงสัย ในวิธีการคัดเลือกเอกชนรับงานโครงการท่อส่งน้ำอีอีซี มีการยื่นซองคัดเลือกเอกชน คณะกรรมการคัดเลือกบริษัทอีสท์วอเตอร์ ได้คะแนนสูงสุด แต่กลับถูกยกเลิก เพราะประธานคณะกรรมการ บอก ทีโออาร์ ไม่ถูกต้อง แล้วยังไปเปลี่ยนตัวคณะกรรมการคัดเลือกทั้งหมด ทั้ง 7 คน เพราะคณะกรรมการ บอกเห็นชอบ ให้บริษัทอีสท์วอเตอร์ แต่ก็ถูกสั่งยกเลิก ตรงนี้ "กรมธนารักษ์" ที่เป็นต้นเรื่องบริหารมีธรรมาภิบาล หรือไม่ ผมจึงไม่ไว้วางใจ งบประมาณฉบับนี้ "ถามว่า ทำไมคุณไม่ใช้วิธีการประมูลงานแบบทั่วไป แต่คุณไปสั่งยกเลิกประมูลได้อย่างไร กรมธนารักษ์ ไม่ใช้วิธีการประมูลงานแบบทั่วไป ให้มีการแข่งขัน ตรงนี้ผมอยากให้ดร.สันติ กรุณาชี้แจงด้วย และขอให้พูดให้ถูกด้วย"

นายยุทธพงศ์ กล่าวต่อว่า เตรียมตัวเตรียมใจได้เลยครับ กลาง ก.ค.นี้ หากไม่ทำให้ถูกพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม กับนายอาคม เติมพิทยาไพศิษฐ์ รมว.คลัง ได้ถูกอภิปรายไม่ไว้วางใจแน่

ส.ส.มหาสารคาม เพื่อไทย ยังกล่าวถึง งบประมาณกระทรวงกลาโหม ยืนยัน กองทัพเรือ ตั้งงบประมาณไม่เหมาะสม ซื้อเรือดำน้ำไม่มีเครื่องยนต์ แล้วบอก ซื้อจีทูจี ขอให้ท่าน รมว.กลาโหม พล.อ.ประยุทธ์ ต้องชี้แจง ทั้งในฐานะรมว.กลาโหมและนายกรัฐมนตรี อีกอย่าง กองทัพเรือไปซื้ออากาศยานไร้คนขับ "ยูเอวี" ของประเทศอิสราเอล 3 ลำ งบประมาณกว่า 4 พันล้าน

และเรื่องเครื่องบิน F35 A ของสหรัฐอเมริกา ลำละ 2.7 พันล้านบาท ไม่มีอาวุธใดๆ ราคาเครื่องบินรุ่นนี้แพงมาก มีค่าใช้จ่ายในการบิน เป็นชั่วโมง ชั่วโมงละ 1.2 ล้านบาท แพงกว่า F16 ชั่วโมงละ 2 แสนบาท แพงกว่า 6 เท่าตัว ตรงนี้ในสถานการณ์โควิด ราคาน้ำมันแพง ประชาชนกำลังเดือดร้อนเหมาะสมหรือไม่ ไปซื้อเครื่องบินราคาแพงแบบนี้ จะไปรบกับใครในสถานการณ์แบบนี้

"ถาม พล.อ.ประยุทธ์ จะเลือกอะไร จะเลือกประชาชนที่กำลังอดอยาก ของแพง น้ำมันแพง มีสงครามรัสเซีย ยูเครน หรือคุณ เลือกเรือดำน้ำไม่มีเครื่องยนต์ จะเลือกประชาชน หรือ เลือกอาวุธสงคราม ขอให้นายกฯ ไปปรับปรุงแก้ไขงบประมาณปี 66 ฉบับนี้ซะ" นายยุทธพงศ์ กล่าว...

ต่อมา นายยุทธพงศ์ ยืนยัน งบประมาณฉบับนี้ไม่โปร่งใส งบประทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม มีของบฯ กรมทรัพยากรน้ำ กว่า 5 พันล้านบาท ท่านนายกฯ บอก ปราบโกงเป็นวาระชาติ มันไม่โปร่งใส มีการซื้อขายตำแหน่งใน กระทรวงทส.อีก มี 2 ตำแหน่ง คือ ผู้ตรวจราชการ และ ผอ.สำนัก ด้านวิศวกรรม ระดับสูง สำนักอนุรักษ์ฟื้นฟูแหล่งน้ำ มีคนแจ้งมา มีเฮีย "ซ" ชื่อคล้ายร้านอาหารดัง แถวคลองสาน โทรศัพท์ไปเรียกรับเงิน 8 หลัก จากข้าราชการที่เข้าสอบปกติ พล.อ.ประยุทธ์กล้าปราบโกงไหม ถ้ากล้า มาติดต่อผม หรือให้ใครมาก็ได้ ผมไปหาท่านก็ได้ จะเอาหลักฐานไปให้ 

นายยุทธพงศ์ กล่าวอีกว่า ขณะที่ กระทรวงดีอีเอส วันที่ 31 พ.ค.ที่ผ่านมา ขณะสภากำลังพิจารณางบประมาณ อธิบดีกรมอุตุฯ แทนที่จะอยู่ในสภา ในการช่วยส่งข้อมูลตอบข้อสงสัยงบประมาณให้กับท่านนายกฯ หรือรมว.ดีอีเอส อธิบดีกรมอุตุนิยมวิทยา ท่านนี้ กลับไปราชการที่ อ.อ่างขาง เชียงใหม่ แบบนี้มันเหมาะสมไหม คุณไปตรวจราชการระหว่างทุกฝ่ายอยู่ที่สภา พิจารณางบประมาณปี 66 สรุปว่า ผมไม่สามารถรับหลักการงบประมาณปี 66 ได้ เพราะเต็มไปด้วยเรื่องการทุจริต งบประมาณแผ่นดิน

'สุชาติ' ชี้ โควิด-19 ทำขึ้นค่าแรงขั้นต่ำไม่ได้

11.42 น. นายสุชาติ ชมกลิ่น รมว.แรงงาน อภิปรายระหว่างการพิจารณา ร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2566 วาระแรก ขั้นรับหลักการ วันที่ 3 ว่า กรณี มีการกล่าวหา ว่า รัฐบาลพัฒนาฝีมือแรงงาน ไม่เน้นทักษะฝีมือ ในพื้นที่อีอีซี ยืนยัน ไม่เป็นความจริง ที่ผ่านมา มีการจัดตั้งสถาบันพัฒนาฝีมือแรงงาน เรามีหลักสูตร การฝึกอบรม ฝึกทักษะ ป้อนให้คนมาเรียนกับเราได้ทำงาน ปี 2564 ฝึกกับเรากว่า 6 พันคน มีคนได้ไปทำงานประมาณ 80%

คำถามที่สอง เรื่องเงินกองทุนประกันสังคม ที่รัฐบาลยังคงค้างอยู่ นายสุชาติ กล่าวว่า ผมไม่ขอเอ่ยถึงรัฐบาลชุดใดในอดีต แต่ตั้งแต่ปี 2562 มีเงินคงค้างจ่ายอยู่เป็นแสนล้าน นายกฯ ประยุทธ์ เลือกตั้งเข้ามาปี 2562 มีการจ่ายเงินชำระสมทบให้เต็มจำนวน มีการจ่ายของเก่า 1.9 หมื่นล้านบาท รัฐบาลชุดใดไม่พูดถึง ปี 64 จ่ายหนี้ของเก่าให้อีก 1.8 หมื่นล้าน แต่ปี 65 ต้องยอมรับว่าการระบาดของโควิด-19 ทำให้เราต้องดูแลพี่น้องประชาชน ยัน รัฐบาลบิ๊กตู่เป็นรัฐบาลเดียวที่จ่ายเงินคงค้างอยู่แสนกว่าล้าน

"ปี 55 มีวิกฤติอุทกภัยใหญ่มากในประเทศไทย แล้วขึ้นค่าแรงได้ปี 56 ส่วน ปี 57-58 มติคณะกรรมการค่าจ้างให้ชะลอขึ้นค่าแรง ปี 60 รัฐบาล คสช.นำระบบค่าแรงมาใช้ ทั้งนี้การปรับค่าแรงขึ้นต่ำต้องทำเมื่อเศรษฐกิจฟื้นตัว แต่ที่ผ่านมา เจอปัญหาโควิด-19 สามารถทำได้หรือครับ พี่น้องประชาชนลำบาก ต้องใช้มาตรา 75 ถึงกว่า 2 ล้านครั้ง ฉะนั้นท่าน ส.ส.ในห้องนี้ ถ้ามาเป็นผม จะกล้าปรับไหม" นายสุชาติ กล่าว

รมว.แรงงาน กล่าวต่อว่า ทำไมการปรับค่าแรง ต้องมีผลบังคับใช้ 1 ม.ค. 66 นี้ ถึงปรับค่าแรงได้ ถ้าท่านไปปรับกลางปี บริษัททั่วไป จะมีปัญหาเรื่องค่าแรง โบนัส ยืนยัน มีการปรับค่าแรงแน่นอน แต่จะปรับเท่าไรให้คณะกรรมการไตรภาคีเป็นผู้เสนอขึ้นมา ที่ผ่านมา นายจ้าง ลูกจ้าง บาดเจ็บมามาก อยู่ๆ ให้ปรับค่าแรง 48% แล้วนึกดูว่า จะรอดไหม ถ้าเราไปปรับตามข้อเรียกร้อง นายจ้างอยู่ไม่ได้ แล้วแรงงานจะอยู่ได้หรือไม่ แม้ยังไม่ขึ้นค่าแรง แต่รัฐบาลก็ช่วยเหลือค่าครองชีพ ด้วยการเยียวยาแรงงานทั้งหมด

ส่วน เรื่องนักศึกษาจบใหม่ สรุปสถานการณ์เริ่มค่อยๆ ดีขึ้น หลังจากโควิด-19 แพร่ระบาด ตอนนี้อัปเดต โครงการจ๊อบเอ็กซ์โป ที่เกิดขึ้นจ้างงานได้แล้วเป็นจำนวนมาก กรมการจัดหางาน ยังรับสมัครคนงานที่จะไปทำงานที่ประเทศซาอุดีอาระเบีย เราก็สามารถนำเงินเข้าประเทศด้วย

นายสุชาติ ยืนยัน ค่าแรง 425 บาททำได้แน่นอน ถ้าไม่เกิดโควิด-19 แต่เมื่อเกิดโควิด-19 คนก็ขอใช้มาตรา 75 จำนวนกว่า 2 ล้านคน แล้วเราจะรอดไหม สื่อมวลชนมาถามเรื่องขึ้นค่าแรงทุกวัน ผมบอกเลย ขึ้นค่าแรง 425 บาท ไม่ยากหรอก ก็ให้นโยบายไป แต่ขึ้นแล้วทำลายประเทศมันจะได้ไหม ถ้าขึ้นค่าแรงขนาดนั้น อะไรจะเกิดขึ้น แต่ปีนี้มีการขึ้นค่าแรงแน่นอน แต่ขึ้นเท่าไรต้องตอบคำถามนายจ้าง ลูกจ้างให้ได้ ถ้าเขาอยู่ไม่ได้ เราก็อยู่ไม่ได้

'พิจารณ์' ซัด กลาโหม จัดงบ 'ไม่คุ้มค้า-ไม่ตอบโจทย์-ไม่โปร่งใส' พบเกินครึ่งจ่ายเลี้ยงกำลังพล

เวลา 14.00 น. นายพิจารณ์ เชาวพัฒนวงศ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล อภิปรายงบกระทรวงกลาโหมระบุว่า พล.อประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม พยายามบอกว่า งบประมาณมีอยู่อย่างจำกัด และพยายามใช้อย่างจำกัดเพื่อให้มีความพร้อมในการรับมือสถานการณ์ที่อาจจะคาดไม่ถึง และบอกว่าเพื่อนบ้านมีการซื้อยุทโธปกรณ์ ทั้งหมดที่พูดมาก็เข้าทางตนทั้งหมด ปีนี้กระทรวงกลาโหมได้งบ 197,293 ล้านบาท นี่เป็นครั้งแรกในรอบ 9 ปีหลังการรัฐประหาร ที่กระทรวงกลาโหมได้รับงบน้อยที่สุด คือ 6.19% เมื่อเทียบกับงบประมาณแผ่นดินทั้งหมด เป็นเรื่องดี แต่เมื่อดูในรายละเอียดตนมี 3 คำ คือ ไม่คุ้มค้า ไม่ตอบโจทย์ และไม่โปร่งใส

เพราะแม้งบจะลดลง 2.17% จากปีที่แล้ว แต่งบรายจ่ายบุคลากรภาครัฐ เพิ่มขึ้น 2.3% เพราะลดเงินเดือน และบำนาญไม่ลง เพราะกองทัพมีนายพล และกำลังพลมากเกินไป พล.อ.ประยุทธ์ เคยบอกจะลดนายพลลงภายในปี 2572 แต่ไม่เคยมีนโยบายเออรี่รีไทน์ คือปล่อยให้นายพลตายกันเอง พอมาปี 2566 หนักกว่าเดิม เพราะค่าเฉลี่ยงบบุคลากรของทั้งแผ่นดินเพิ่มขึ้นจาก 37% เป็น 40% เฉพาะกระทรวงกลาโหมเพิ่มขึ้นจาก 45% เป็น 54% หากดูเฉพาะกองทัพบอกหนักสุด 52% เป็น 62%

นายพิจารณ์ กล่าวว่า จากข้อมูลงบประมาณเล่มสีขาวคาดแดง ทำให้ทราบว่าเรามีงบบุคลากรที่ชื่อคล้ายกับที่อยู่ในรายจ่ายกับบุคลากรภาครัฐ ไปซ่อนในงบดำเนินงาน และงบรายจ่ายอื่น ทั้งค่าเช่าบ้าน ค่าตอบแทนด้านสาธารณสุข ค่าตอบแทนพิเศษสำหรับแพทย์ ค่าตอบแทนทหารเกณฑ์ ค่าตอบแทนทหารสามจังหวัดชายแดนใต้ ค่าตอบแทนอาสาสมัครทหารพราน และเบี้ยเลี้ยงทหาร รวมแล้วเป็นเงินกว่า 1.9 หมื่นล้านบาท เฉพาะค่าเบี้ยงเลี้ยงทหาร และค่าตอบแทนทหารพรานก็ปาไป 1.65 หมื่นล้านบาท และต้องตกใจว่าเฉพาะกองทัพบกจาก 62% ดีดขึ้นไปเป็น 77%

หมายความว่าให้เงิน 100 บาทกับกองทัพบกไป เอา 77 บาทไปจ่ายค่าคน เหลือ 23 บาท เอาไปปรับปรุงยุทโธปกรณ์ และก่อสร้างอาคารสถานที่ราชการเพื่อฝึกซ้อมรบ และศึกษาของทหาร ตนไม่เข้าใจว่า งบประมาณที่เกี่ยวข้องกับทหารเกณฑ์ มีความจำเป็นแค่ไหนจึงลดงบส่วนนี้ไม่ได้ เพื่อนำไปพัฒนาส่วนอื่นของกองทัพ ขอบคุณที่ลดงบแต่แอบบงงเพราะ ตั้งแต่ 2564 -2566 กองทัพลดงบการซื้ออาวุธไปกว่า 7.6 พันล้านบาท ทำให้ตนงงว่าตกลงพล.อ.ประยุทธ์ เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม หรือสหมุหกลาโหมสมัยอยุธยา ที่กำลังรวบรวมกำลังพล ทหารราบเอาไว้รบกับข้าศึก แล้วเราจะใช้งบประมาณให้คุ้มค่าอย่างไร ถ้านำเงินส่วนใหญ่ไปให้กับกำลังพล

นายพิจารณ์ กล่าวว่า ส่วนการซื้ออาวุธของกองทัพอากาศ โดยงบซื้ออาวุธองปี 2564 – 2566 ลดลงเล็กน้อยเกือบ 10% โดยปีนี้ได้งบซื้ออาวุธทั้งหมด 10,692 ล้านบาท แต่พบว่า มีการออกมติคณะรัฐมนตรี (ครม.) เพื่อปรับแก้วินัยการเงินการคลัง ว่า การก่อหนี้ผูกพันข้ามปี ปีแรกต้องจ่าย 20% แต่ไปปรับแก้ ให้เหลือ 10% ทำให้จ่ายแค่ 1,230 ล้านบาท จึงต้องดาวน์น้อยแต่ผ่อนหนัก และผ่อนนาน ส่วนที่พล.อ.ชัยชาญ ช้างมงคล รัฐมนรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม บอกว่าการการซื้อเครื่องบินขับไล่ F-35 เป็นไปตามแผนสมุดปกขาว

เพื่อทดแทน F-16 โดยจะซื้อ 12 ลำ แบ่งเป็น 2 ระยะ คือ ระยะที่ 1 จำนวน 6 ลำ ตั้งแต่ปี 2566 – 2569 ระยะที่ 2 อีก 6 ลำ ท่านบอกว่าซื้อรวม 7.2 พันล้านบาท โดยจ่ายงวดแรก 700 กว่าล้านบาท แต่แผนคือซื้อทั้งฝูงบิน คำถามคือ จะซื้อกี่ลำกันแน่ และจะซื้อมือสองหรือไม่ เพราะราคามันถูก การพิจารณาการซื้อเครื่องบินรบต้องซื้อรวมกว่า 4-5 หมื่นล้านบาท จึงต้องดูรายละเอียดดีๆ อย่าเพิ่งซื้อในรัฐบาลนี้ เพราะจะผูกพันรัฐบาลหน้า

นายพิจารณ์ กล่าวว่า การซื้ออาวุธของกองทัพเรือ รวม 6,160 ล้านบาท พิจารณาค่าซ่อมมี 2 พันล้านบาท เพราะกลัวประวัติศาสตร์จะซ้ำรอย ที่ซ่อมรถบรรทุกคันละ 2 ล้านบาท แต่หากซื้อจะตกคันละ 2.1 ล้านบาท ส่วนการจ่ายโครงการผูกพันเดิม ซึ่งยอดลดลงเหลือ 2,039 ล้านบาท ที่คาดว่าอาจจะเป็นกรณีที่การได้เครื่องยนต์ไม่เป็นไปตามสัญญา ความจริงปีนี้ต้องมียอดจ่าย 9 พันล้านบาท มี 11 โครงการ โดยใน 2 โครงการ เป็นการซื้อเรือดำน้ำลำที่ 2 และ 3 ซึ่งตามข้อมูลยังไม่ได้จ่ายเงินดาวน์ ทั้งนี้ เรื่องเครื่องยนต์เรือดำน้ำ นายกฯ บอกว่า ไม่ได้ก็ยกเลิกสัญญาและหาใหม่ หมายความว่าเรากำลังจะเสียค่าโง่หรือไม่ เพราะจะต้องมีการลงทุนเกี่ยวกับโครงการเรือดำน้ำ ซึ่งต้องใช้เงินกว่า 9 พันล้านบาท ถ้าไม่สามารถเจรจาได้ตามสัญญา เงินที่ลงทุนไปแล้วจะทำอย่างไร

นายพิจารณ์ กล่าวว่า การตั้งสถาบันเทคโนโลยีป้องกันประเทศ พล.อ.ประยุทธ์ บอกว่า เป็นการให้ความสำคัญกับงานวิจัย เพื่อผลิตอาวุธ และจำหน่ายอาวุธ แต่ปรากฏว่าล้มเหลว เพราะกระทรวงกลาโหมที่เป็นหน่วยงานสำคัญในการขับเคลื่อนไม่ค่อยซื้อของไทย ทั้งรถยานเกราะล้อยาง เสื้อเกราะกันกระสุน และหน้ากากกันสารพิษ ไม่รู้ว่าของต่างประเทศมันมีเงินทอนมากกว่าหรือไม่ ทั้งนี้ สถาบันเทคโนโลยีป้องกันประเทศ มีกฎหมายของตัวเองให้ร่วมทุนกับเอกชน แต่ไม่มีแนวคิดร่วมวิจัยและถ่ายทอดเทคโนโลยีเลย

นอกจากนี้ กระทรวงกลาโหมควรจะทลายข้อจำกัดของผู้ผลิตอาวุธของไทย เพราะตอนนี้มีมาตรฐานมากมาย และเพิ่มต้นทุนผู้ประกอบการ หน่วยงานต่างๆ ที่อยู่ภายใต้กำกับสำนักปลัดกระทรวงกลาโหม ต้องทำงานเชิงรุกมากกว่านี้ หรือโอนงานไปให้สถาบันเทคโนโลยีป้องกันประเทศ เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพจะดีกว่าหรือไม่

นายพิจารณ์ กล่าวว่า กองทัพตั้งงบวิจัยไว้เพียง 1% และสถาบันเทคโนโลยีฯ ที่มีส่วนสำคัญกลับได้รับงบเพียง 500 ล้านบาท แต่หน่วยงานที่ได้มากกว่าคือ สำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหม ที่ได้ 1,359 ล้านบาท งานวิจัย มีส่วนสำคัญในการขับเคลื่อนและพัฒนาขีดความสามารถ เพื่อไม่ต้องเพิ่งพาต่างประเทศ เราจึงต้องเพิ่มงบวิจัยมากขึ้น โดยการตัดงบที่ไม่ตอบโจทย์เช่นงบพัฒนาพื้นที่ ตามรัฐธรรมนูญ ทั้งที่อปท.มีหน้าทำเรื่องนี้อยู่แล้ว แต่กลับได้งบปีละกว่า 3.2 พันล้านบาท โดย 2 พันล้านบาท หมดไปกับงบตัดถนน และขุดบ่อน้ำ ส่วนความไม่โปร่งใส พบว่าแจงรายละเอียดบรรทัดเดียว เช่น ค่าใช้จ่ายในการสนับสนุนส่งกำลังบำรุง ซ่อมบำรุงและผลิตเพื่อแจกจ่าย ที่มีในทุกเหล่าทัพ เป็นงบหลักพันล้านบาทแต่ไม่บอกรายละเอียด ซึ่งท่านก็ชี้แจงว่าไม่ได้เตรียมมา

สุดท้ายสภาฯ ไม่ได้ตรวจสอบ ทำให้เบิกจ่ายไม่ครบถ้วน ดังนั้นในชั้นกมธ. ก็ขอให้เตรียมเอกสารมาด้วย และนอกจากนี้ยังมีเงินนอกงบประมาณ ที่ใช้ประโยชน์จากที่ดินราชพัสดุ ที่ไม่ได้นำมาเปิดเผย ได้เงินเยอะ แต่ไม่เคยนำเงินมาสมทบเลย ทั้งที่มี โรงแรม ที่พักตากอากาศ สนามกอล์ฟ สนามมวย และสนามม้า ตนจึงรับไม่ได้กับร่าง พ.ร.บ.งบ 2566 โดยเฉพาะกระทรวงกลาโหม วันนี้ เราไม่ได้พิจารณางบปีเดียว เพราะหากงบปีนี้ผ่านไป ก็มีโอกาสอยู่ยาว ตนจึงวิงวอนให้หยุดประยุทธ์วันนี้ อย่าปล่อยให้ชาติต้องเสียโอกาสไปอีก 2 ปีงบประมาณ

'หมอเรวัต' จี้ลดขนาดระบบราชการ-ตัดงบนายพล จวกวัคซีนซื้อช้า แต่ F-35 ซื้อเร็ว

เวลา 16.25 น. นพ.เรวัต วิศรุตเวช ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเสรีรวมไทย อภิปรายว่ารู้สึกเหมือนถูกยัดเยียดให้มาดูหนังเก่าที่ถูกฉายซ้ำๆ ทุกปี ไม่ได้มีความคิดใหม่ จนทำให้นึกถึงคำพูดของอัลเบิร์ต ไอสไตน์ ที่บอกว่ามีแต่คนบ้าที่ทำสิ่งเดิมซ้ำๆ แต่กลับหวังผลลัพธ์ที่แตกต่าง ไม่โทษใครแต่อยากให้คิดกันเอาเอง ปัญหาโครงสร้างงบประมาณ มีปัญหารายจ่ายประจำ ที่เทอะทะอุ้ยอ้าย ปี 2566 รัฐบาลเสนอมา 2.39 ล้านล้านบาท คิดเป็น 75% ทำให้เหลืองบลงทุนเพียง 6.9 แสนล้านบาท

นอกจากนี้ งบบุคลากรปีนี้สูงถึง 7.7 แสนล้านบาท คิดเป็น 24% ซึ่งเห็นว่าควรจะต้องตัด แต่การตัดวันนี้เลยทำไม่ได้ เราจึงต้องกดดันเรียกร้องกับรัฐบาลให้ทำแผนปฏิรูประบบราชการ ให้มีขนาดเล็กลงมา โดยการทำแผนต่อเนื่องในทุกปี เช่น เมื่อมีการเกษียณข้าราชการ ก็ให้ยุบตำแหน่งที่ไม่จำเป็น และกำหนดรายจ่ายประจำไม่ให้โต หรือการจูงใจให้ออกนอกระบบราชการ จำเลยที่ดีที่สุดที่เราต้องโทษคือ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เพราะอยู่ในอำนาจมา 8 ปี แต่กลับไม่ยอมลดขนาดระบบราชการ จึงมีงบประจำ และงบบุคลากรโตแบบนี้

นพ.เรวัตกล่าวว่า เมื่อวันที่ 1 มิ.ย. นายกฯชี้แจงงบบุคลากร โดยใช้แทคติคอ้างกระทรวงสาธารณสุข ที่มีจำนวนบุคลากรมาก ที่ต้องดูแลประชาชนจำนวนมาก แต่ไม่พูดถึงกระทรวงอื่น เช่น กระทรวงกลาโหม ที่มีกำลังพล และนายพล ล้น ซึ่งสามารถตัดงบส่วนนี้ได้อย่างแน่นอน จึงต้องพิจารณารายกระทรวงให้ดี ทั้งนี้จะเทียบงบรายกระทรวง 2 กระทรวง ระหว่าง กระทรวงกลาโหม และกระทรวงสาธารณสุข โดยจะเสนอแนวคิด ที่แหกม่านประเพณีทะลุกฎเหล็กทั้งหมด

โดยการนำงบ 4.9% ของกระทรวงสาธารณสุข ไปให้กระทรวงกลาโหม และเอา 6.2% ของกระทรวงกลาโหม ไปให้กระทรวงสาธารณสุข ถ้าทำได้ประชาชนจะแซ่ซ้องสรรเสริญเพราะจะได้สวัสดิการการรักษาพยาบาลที่ดีขึ้น รัฐบาลควรจะจัดลำดับความสำคัญในการใช้งบประมาณ แต่กลับนำไปซื้ออาวุธ แทนการนำเงินมาจัดการกับโรคระบาด เพราะมีมากกว่า 2 แสนคนที่ต้องเสียชีวิต แต่รัฐบาลยังเดินหน้าซื้ออาวุธ วัคซีนซื้อช้า แต่ F-35 ซื้อเร็ว ทั้งที่ไม่เคยนำไปฆ่าเชื้อโรคได้เลย แล้วตอนนี้ฝีดาษลิงกำลังจะมา รัฐบาลจะซื้ออาวุธไปยิงลิงหรือ และที่ผ่านมาก็เอาอาวุธที่ซื้อมาไปเข่นฆ่าประชาชน เราจึงต้องระวังในการจัดงบประมาณ

'สุรชาติ' เทียบงบค่าอาหาร ส.ส. 861 บาทต่อวัน ส่วนอาหารกลางวันเด็ก 21 บาทต่อวัน

เวลา 16.55 น. นายสุรชาติ เทียนทอง ส.ส.กทม. พรรคเพื่อไทย ได้อภิปรายถึงสัญญาณวิกฤติประเทศ คือ หนี้สาธารณะคงค้างกว่า 10 ล้านล้านบาท, หนี้ครัวเรือนต่อจีดีพีสูงสุดในรอบ 18 ปี, การจัดเก็บรายได้ต่ำกว่าประมาณการหลายปีติดต่อกัน ซึ่งประเทศเรากำลังเผชิญวิกฤติอย่างร้ายแรง แต่ถ้าใช้งบประมาณอย่างคุ้มค่า รักษาทรัพยากรที่มีค่าที่สุดไว้ และมีผู้นำที่ดี จะสามารถบริหารงานในสภาวะวิกฤติได้ แต่ตลอดหลายปีที่ผ่านมาไม่มีการปรับเปลี่ยน ใช้วิสัยทัศน์เดิมๆ จัดทำงบประมาณแบบเดิม

งบกระทรวงศึกษาธิการ ถูกปรับลด งบกระทรวงกลาโหม ลดลงจากปี 2565 เพียง 2% ไม่ปฏิเสธว่าความมั่นคงมีความสำคัญ แต่ภาวะเช่นนี้ไม่สมเหตุสมผล เป็นงบที่ฟุ่มเฟือย สุร่ยสุร่าย ตรวจสอบไม่ได้ พร้อมเปรียบเทียบงบค่าอาหาร ส.ส. 861 บาทต่อวัน ที่สูงกว่าค่าแรงขั้นต่ำของประชาชน และค่าอาหารกลางวันเด็กมาก ต้องพึงสังวรณ์และละอายใจเพราะเป็นผู้แทนราษฎรที่มาจากประชาชน พร้อมย้ำว่าประชาชนคือทรัพยากรที่มีค่าที่สุดของประเทศ ถ้าประชาชนไม่รอดประเทศก็ไม่รอด ในช่วงวิกฤติการตัดสินใจของผู้นำสำคัญมาก นายกรัฐมนตรีมีทัศนคติมองเห็นคนอื่นเป็นศัตรู ไม่รับฟังประชาชน

“รัฐบาลใดก็แล้วแต่ถามหาสำนึกจากประชน ในขณะที่รัฐบาลนั้นยังไม่สามารถทำให้พวกเขาได้มีโอกาสที่จะรักษาชีวิตและปากท้องของเขาไว้ได้ รัฐบาลและผู้นำคนนั้น ไร้ซึ่งความรับผิดชอบ”

พร้อมกันนี้ นายสุรชาติ กล่าวทิ้งท้ายฝากถึง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ว่า มีทางเลือก 2 ทาง คือ ยุบสภา แล้วให้ประชาชนตัดสินใจ แต่ถ้าเลือกจะอยู่ต่อ ขอให้ปรับทัศนคติในการบริการและการสื่อสารกับประชาชน พร้อมระบุว่าไม่ขอรับหลักการร่าง พ.ร.บ.งบประมาณ 2566 ก่อนจบการอภิปรายในเวลา 17.10 น.

ที่มา: มติชนออนไลน์ [1] [2] | ไทยรัฐออนไลน์ [1] [2] [3] [4] [5]





 

สแกน QR Code เพื่อร่วมบริจาคเงินให้กับประชาไท

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net