Skip to main content
sharethis

ผู้บริหาร บริษัท มาบตาพุด แทงค์ แถลง ยังไม่มั่นใจสาเหตุการเกิดเพลิงไหม้ ต้องใช้เวลาตรวจสอบ มีคนงานเสียชีวิต 1 ราย และบาดเจ็บ 5 ราย รวมนักดับเพลิง ยันพร้อมรับผิดชอบทั้งหมด

 

10 พ.ค. 2567 เพจเฟซบุ๊ก สำนักงานประชาสัมพันธ์ จังหวัดระยอง โพสต์ข้อความวานนี้ (9 พ.ค.) เมื่อเวลาประมาณ 20.00 น. ที่ศูนย์บัญชาการตอบโต้เหตุการณ์ฉุกเฉินฯ เทศบาลเมืองมาบตาพุด ต.มาบตาพุด อ.เมืองระยอง กัฬชัย เทพวรชัย รองผู้ว่าราชการจังหวัดระยอง คณพศ ขุนทอง รองผู้ว่า กนอ. อัธยา นวลอุทัย หัวหน้า สนง.ปภ.ระยอง และธรรมศักดิ์ เศรษฐอุดม กรรมการผู้จัดการใหญ่ เอสซีจี กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ซิเมนต์ไทยโฮลดิ้ง จำกัด ผู้บริหาร บริษัท มาบตาพุด แทงค์ เทอร์มินอล จำกัด พร้อมหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง แถลงข่าวการเกิดเหตุระเบิดและเพลิงไหม้ถังเก็บสารเคมีของ บริษัท มาบตาพุด แท็งค์ เทอร์มินอล จำกัด จนทำให้มีผู้เสียชีวิต และได้รับบาดเจ็บ

เรื่องที่เกี่ยวข้อง

 

ธรรมศักดิ์ กล่าวว่า เมื่อเวลา 10.45 น. ได้เกิดเหตุเพลิงไหม้ที่ถังเก็บสารซีไนพลัส สารผลิตปิโตรเคมี สารตั้งต้นโซเว้นท์ โดยมีพนักงานขึ้นไปตรวจวัดปริมาณสาร 4 คน บนถังเก็บที่มีปริมาณอยู่ในถัง 8,000 คิว แล้วเกิดเหตุการณ์ดังกล่าวขึ้น ซึ่งยังไม่ทราบรายละเอียดเกิดจากสาเหตุใด รู้แต่ว่าเกิดเหตุเพลิงไหม้ โดยพนักงานทั้ง 4 คนได้ตกจากที่สูง และถูกไฟลวกทำให้เสียชีวิต 1 ราย ได้รับบาดเจ็บ 3 ราย นอกจากนี้ ยังมีพนักงานดับเพลิงได้รับบาดเจ็บขณะเข้าระงับเหตุ 2 ราย

โดยขณะเกิดเหตุเพลิงไหม้ ทางบริษัทใช้ทั้งน้ำ และโฟมระงับเพลิง โดยได้ดับลงเวลาประมาณ 12.00 น. แต่ว่าถังที่ถูกไฟไหม้ยังมีความร้อนอยู่ทำให้ไฟปะทุขึ้นมาอีกรอบจุดเดิมเวลาประมาณ 13.00 น. โดยไหม้เสียหายเพียง 1 ถัง จนกระทั่งในเวลา 18.00 น. จึงสามารถควบคุมเพลิงให้สงบลงได้ ซึ่งมีการตรวจอุณหภูมิที่ถังทุกชั่วโมงป้องกันไฟปะทุอีก อุณหภูมิอยู่ที่ 47-50 องศาเซลเซียส ถือว่ากลับมาอยู่ระยะที่เกือบปกติ ซึ่งจะมีการเฝ้าระวังจนมั่นใจว่าปลอดภัย จึงจะดึงสารในถังออกมาให้หมด

"และต้องขอแสดงความเสียใจกับผู้เสียชีวิต ซึ่งทางบริษัทจะดูแลเต็มที่โดยเฉพาะบุตร จะส่งให้เรียนจนจบปริญญา ส่วนผู้บาดเจ็บทั้งพนักงาน และเจ้าหน้าที่ดับเพลิงจะรับผิดชอบทั้งหมด อย่างไรก็ตาม ทางบริษัทเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นซึ่งจะดำเนินการหาสาเหตุ แต่ต้องใช้เวลาในการตรวจสอบ" ธรรมศักดิ์ กล่าว

ธรรมศักดิ์ กล่าวว่า ส่วนประชาชนที่อพยพไปอยู่ที่ศูนย์พักพิงโรงเรียนมาบตาพุดพันพิทยาคาร ทางบริษัทได้มีตรวจคัดกรองว่ามีประชาชนที่ได้รับผลกระทบหรือไม่ และจะเฝ้าระวังต่อไป เบื้องต้น ขณะนี้หลังทราบข่าวไฟดับแล้ว ได้มีการกลับเข้าบ้านเรือนตัวเองหมดแล้ว

ธรรมศักดิ์ เศรษฐอุดม (ที่มา สำนักงานประชาสัมพันธ์ จังหวัดระยอง)

ด้านอัธยา เปิดเผยว่า เบื้องต้นทางจังหวัดระยอง ได้ประกาศให้ชุมชนหนองแฟบ, ตา-กวน, อ่าวประดู่ เป็นพื้นที่ประสบเหตุสาธารณภัยด้วย เพื่อให้การดำเนินการเข้าระงับได้สะดวก และให้การช่วยเหลือประชาชนอย่างเต็มที่

เพจเฟซบุ๊ก "Fire & Rescue Thailand" โพสต์ภาพของพนักงานที่เสียชีวิตจากเหตุการณ์ โดยระบุว่า "ขอแสดงความเสียใจและขอแสดงความไว้อาลัย แด่ผู้เสียชีวิต จากกรณีเหตุเพลิงไหม้ถังเก็บสารตั้งต้นผลิตน้ำมัน และผลิตภัณฑ์ปิโตรเคมี บริษัท มาบตาพุดแทงค์เทอร์มินัลฯ

โดยผู้เสียชีวิตชื่อ นพพร เรือนมา เป็นพนักงานประจำของบริษัท ที่พยายามขึ้นไปปิดวาล์วบนถัง ก่อนเกิดการระเบิดขึ้น โดยแรงระเบิดทำให้เสียชีวิต

สำหรับเหตุเพลิงไหม้ถังบรรจุสารเคมีของบริษัท มาบตาพุด แทงค์ เทอร์มินอล จำกัด เคยเกิดเหตุเพลิงไหม้มาแล้วเมื่อปี 2564 โดยระหว่างการซ่อมบำรุงได้เกิดประกายไฟ และทำให้เกิดเพลิงไหม้ขึ้น ซึ่งเหตุการณ์ในครั้งนั้นมีผู้ได้รับบาดเจ็บ 3 ราย เสียชีวิตอีก 2 ราย

รมว.แรงงาน เร่งเยียวยาแรงงานที่ได้รับผลกระทบ

วันเดียวกัน เพจเฟซบุ๊กพรรคภูมิใจไทย โพสต์ข้อความเมื่อเวลาประมาณ 13.15 น. พิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน เปิดเผยถึงกรณีเกิดเหตุแทงค์เก็บสารเคมีระเบิดและเพลิงไหม้ที่จังหวัดระยอง เมื่อวานนี้ (9 พ.ค.) จนทำให้มีลูกจ้างเสียชีวิต และได้รับบาดเจ็บว่า ทันทีที่ทราบข่าวผมขอแสดงความเสียใจต่อครอบครัวของลูกจ้างที่เสียชีวิตและขอส่งกำลังใจให้ผู้ได้รับบาดเจ็บหายจากอาการบาดเจ็บโดยเร็ว กระทรวงแรงงานมีความห่วงใยแรงงานทุกคน กรณีดังกล่าวผมได้รับรายงานจากไพโรจน์ โชติกเสถียร ปลัดกระทรวงแรงงานว่า ได้สั่งการให้สำนักงานสวัสดิการและคุ้มครองแรงงานและสำนักงานประกันสังคมจังหวัดระยองลงพื้นที่ตรวจสอบข้อเท็จจริงและข้อมูลสถานะของผู้ประสบอันตรายของลูกจ้างที่บาดเจ็บและเสียชีวิต พร้อมเร่งให้การช่วยเหลือสิทธิประโยชน์ที่พึงได้รับตามกฎหมายโดยด่วน

พิพัฒน์ กล่าวต่อว่า จากรายงานของสำนักงานสวัสดิการและคุ้มครองแรงงานจังหวัดระยอง พบว่า เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อวานนี้ (9 พ.ค.67) เวลา 10.45 น. ได้เกิดเหตุแทงค์บรรจุสารปิโตรเคมีระเบิดและเพลิงไหม้ที่บริษัทมาบตาพุด แทงค์เทอร์มินัล จำกัด สาขาระยอง นิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุด อำเภอเมือง จังหวัดระยอง ซึ่งบริษัทดังกล่าวประกอบกิจการให้บริการคลังสินค้าจัดเก็บน้ำมัน มีลูกจ้าง 150 คน เหตุการณ์ในครั้งนี้ลูกจ้างได้รับบาดเจ็บ 4 ราย และเสียชีวิต 1 ราย จากรายงานสำนักงานสวัสดิการและคุ้มครองแรงงานจังหวัดระยอง ยังพบว่าข้อกฎหมายที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ พระราชบัญญัติความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมในการทำงาน พ.ศ. 2554 กฎกระทรวงกำหนดมาตรฐานในการบริหาร จัดการ และดำเนินการ ด้านความปลอดภัย อาชีวอนามัย ซึ่งจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนี้ พนักงานตรวจความปลอดภัย จะได้สอบข้อเท็จจริงในประเด็นที่เกี่ยวข้องกับกฎหมายดังกล่าว

"ผมขอแสดงความเสียใจต่อครอบครัวของแรงงานที่เสียชีวิตและขอส่งกำลังใจให้ผู้บาดเจ็บหายจากอาการบาดเจ็บโดยเร็ว ในส่วนของการให้ความช่วยเหลือเยียวยาได้มีการกำชับให้หน่วยงานในสังกัดกระทรวงแรงงานโดยเฉพาะสำนักงานประกันสังคมดูแลในเรื่องสิทธิประโยชน์ของผู้ประกันตนที่พึงได้รับตามกฎหมาย เพื่อสร้างขวัญกำลังใจ รวมทั้งทำความเข้าใจเกี่ยวกับการช่วยเหลือเยียวยาให้ญาติทราบ ดังนั้นขอให้มั่นใจได้ว่า กระทรวงแรงงานจะให้การคุ้มครอง ดูแล พี่น้องแรงงานทุกคนที่เสียชีวิตหรือประสบอันตรายในการทำงาน" พิพัฒน์ กล่าว

ด้านไพโรจน์ โชติกเสถียร ปลัดกระทรวงแรงงาน กล่าวว่า ในส่วนของการดำเนินการให้ความช่วยเหลือจากกระทรวงแรงงาน ตนได้รับรายงานจากเลขาธิการสำนักงานประกันสังคมว่า สำนักงานประกันสังคมจังหวัดระยองได้ตรวจสอบเหตุการณ์ในครั้งนี้มีลูกจ้างเสียชีวิต 1 ราย เพศชายอายุ 35 ปี เป็นพนักงานของบริษัทมาบตาพุดแทงค์ฯ เสียชีวิตที่โรงพยาบาลกรุงเทพระยอง ส่วนผู้บาดเจ็บอีก 4 ราย เป็นเพศชายทั้งหมด ขณะนี้ยังพักรักษาตัวอยู่ในห้อง ICU โรงพยาบาลกรุงเทพระยอง 3 ราย และโรงพยาบาลเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระเทพ 1 ราย รายแรกอายุ 30 ปี เป็นลูกจ้างของบริษัทมาบตาพุดแทงค์ฯ มีอาการอ่อนเพลียเนื่องจากสูดดมควัน รักษาตัวห้อง รายที่ 2 อายุ 22 ปี ลูกจ้างของบริษัทเวอร์เท็กซ์ เซอร์วิสฯ มีบาดแผลไฟไหม้ 12 % ของร่างกาย รายที่ 3 อายุ 26 ปี ลูกจ้างของบริษัทเวอร์เท็กซ์ เซอร์วิสฯ และรายที่ 4 อายุ 23 ปี ลูกจ้างของบริษัท กงพัฒนาฯ มีบาดแผลจากไฟไหม้ 50 % ของร่างกาย

ไพโรจน์ กล่าวต่อว่า ได้รับรายงานจาก นายบุญสงค์ ทัพชัยยุทธ์ เลขาธิการสำนักงานประกันสังคมเพิ่มเติมว่า เมื่อเย็นวานนี้ (9 พ.ค.) ได้ให้กฤตภัทร ครุฑกุล ผู้ตรวจราชการกรม สำนักงานประกันสังคม ลงพื้นที่ยังโรงพยาบาลกรุงเทพระยอง พร้อมเจ้าหน้าที่สำนักงานประกันสังคมจังหวัดระยองเข้าเยี่ยมและนำความห่วงใยจากท่านพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน เพื่อให้กำลังใจแก่ญาติผู้เสียชีวิต และผู้บาดเจ็บพร้อมได้ชี้แจงสิทธิประโยชน์กองทุนเงินทดแทน เพื่อดูแลผู้ประกันตนอย่างใกล้ชิดและเต็มความสามารถ โดยกรณีดังกล่าวเป็นการประสบอันตรายจากการทำงาน ลูกจ้างที่เสียชีวิตทายาทจะมีสิทธิได้รับสิทธิประโยชน์จากกองทุนเงินทดแทน เป็นค่าทำศพ จ่ายแก่ผู้จัดการศพ รายละ 50,000 บาท ค่าทดแทนกรณีตายเป็นระยะเวลา 120 เดือน จ่ายเป็นรายเดือนๆ ละ 14,000 บาท รวมเป็นเงิน 1,680,000 บาท เงินบำนาญชราภาพ 110,039.50 บาท (ยังไม่รวมดอกผล) รวมได้รับทั้งสิ้น 1,840,039.50 บาท ส่วนลูกจ้างที่ได้รับบาดเจ็บ 4 ราย จะมีสิทธิได้รับเงินจากกองทุนเงินทดแทน เป็นค่ารักษาพยาบาลเท่าที่จ่ายจริงตามความจำเป็นแต่ไม่เกินอัตราที่กฎหมายกำหนด ค่าทดแทนกรณีหยุดงาน 70 % ของค่าจ้างรายเดือน ไม่เกินระยะเวลา 1 ปี 

ทั้งนี้ ญาติของลูกจ้างที่เสียชีวิตและบาดเจ็บสามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่สำนักงานประกันสังคมจังหวัดระยอง หรือโทรสายด่วนกระทรวงแรงงาน 1506 กด 1 สำนักงานประกันสังคม
 

สแกน QR Code เพื่อร่วมบริจาคเงินให้กับประชาไท

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net