รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง แจง "ออกหมายจับประชาไท" ทำอย่างรอบคอบ ระบุ พนักงานสอบสวนใช้ดุลพินิจขอหมายเรียกหรือหมายจับจากศาลได้/ ด้านคณบดีนิติศาสตร์ มช. ชี้ หมายจับ ใช้ในกรณีความผิดรุนแรงหรือผู้ถูกกล่าวหามีแนวโน้มจะหนี

พล.ต.ต.วรศักดิ์ นพสิทธิพร รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (รอง ผบช.ก.) ในฐานะประธานคณะกรรมการสืบสวนสอบสวนกรณีกล่าวหาผู้ดูแลเว็บไซต์ประชาไททำผิด พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ ให้สัมภาษณ์ "หนังสือพิมพ์ไทยโพสต์ ฉบับวันที่ 12 มี.ค. 2552" ถึงการดำเนินคดีว่า เป็นการใช้อำนาจและดุลพินิจตามกฎหมายไม่ได้กลั่นแกล้งใคร และไม่มีใครสั่ง เพราะเป็นการทำงานในรูปแบบคณะกรรมการพิจารณาร่วมกับพนักงานสอบสวนโดยมีการประสานงานกับทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง อาทิ ไอซีที

รอง ผบช.ก.กล่าวถึงผู้ใช้นามปากกา "บัฟฟาโล่บอย" โพสต์ข้อความหมิ่นฯ ว่า อยู่ระหว่างการดำเนินคดี ซึ่งแบ่งเป็น 2 ส่วน ประกอบด้วยการดำเนินคดีกับผู้ดูแลเว็บไซต์ที่ถูกโพสต์ข้อความและการดำเนิน คดีกับผู้โพสต์ข้อความผิดกฎหมาย ซึ่งมีหลายขั้นตอน เพราะเป็นการทำงานร่วมกันหลายฝ่าย ไม่ใช่ตำรวจฝ่ายเดียว

"การออกหมายจับดังกล่าวทำอย่างรอบคอบ  โดยขอหมายจับจากศาล ไม่ใช่การออกหมายโดยตำรวจ ส่วนคำถามว่าเหตุใดจึงไม่ขอหมายเรียกจากศาลนั้น ไม่เป็นประเด็น เพราะไม่ว่าจะเป็นหมายเรียกหรือหมายจับ ทางพนักงานสอบสวนก็สามารถใช้ดุลพินิจขอหมายจากศาลได้ อีกทั้งการออกหมายจับ น.ส.จีรนุช เปรมชัยพร ผู้ดูแลเว็บไซต์ประชาไท ทางพนักงานสอบสวนก็ได้ให้ประกันตัวในวันเดียวกันกับที่นำตัวมาสอบสวน โดยไม่ได้มีการคุมขังแต่อย่างใด" ผบช.ส.กล่าว

ด้านนายสมชาย ปรีชาศิลปกุล คณบดีคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ กล่าวถึงการใช้ดุลพินิจของพนักงานสอบสวนว่า แม้วันดังกล่าวพนักงานสอบสวนจะให้ประกันตัวน.ส.จีรนุช แต่ในส่วนการใช้ดุลพินิจขอหมายเรียกหรือขอหมายจับจากศาลนั้น โดยทั่วๆไป การขอหมายจับมักใช้กับคดีที่รุนแรง เช่น ฆ่าคนตาย หรือกรณีผู้ถูกกล่าวหามีแนวโน้มที่จะหนี แต่หากไม่ใช่คดีรุนแรงก็ควรขอเพียงหมายเรียกเท่านั้น ทั้งนี้ สำหรับกรณีของเว็บไซต์ประชาไท ตนเห็นว่า ทางเว็บไซต์ มีการทำงานอย่างต่อเนื่องเปิดเผยและเคยให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ตำรวจมาก่อน จึงไม่น่าจะถึงขนาดขอหมายจับจากศาล ซึ่งให้อำนาจพนักงานสอบสวนควบคุมตัวได้ทันทีกรณีไม่ให้ประกันตัว