รัฐประหารคุกคามสิทธิมนุษยชน

 (กรุงเทพฯ 19 กันยายน 2549) องค์การเฝ้าระวังสิทธิมนุษยชน (Human Right Watch) กล่าววันนี้ว่า "กำลังทหารที่รับผิดชอบต่อการรัฐประหารในวันนี้ควรฟื้นฟูสิทธิมนุษยชนขั้นพื้นฐาน และปกป้องสิทธิการแสดงออก การรวมตัว และการชุมนุมโดยเร็วที่สุด"

กลุ่มทหารที่อยู่ตรงข้ามกับนายกรัฐมนตรีทักษิณ ชินวัตรได้ยึดสถาบันต่างๆ ของรัฐบาลในวันนี้ โดยสัญญาว่าจะปฏิรูปการปกครองและต่อสู้กับคอร์รัปชั่น คณะรัฐประหารประกาศยกเลิกรัฐธรรมนูญแห่งประเทศไทยพร้อมๆ กันกับยุบรัฐสภาและคณะรัฐมนตรี

"การปกครองของทักษิณที่ผ่านมาได้ทำลายสิทธิมนุษยชนในประเทศไทยอย่างร้ายแรง แต่การยกเลิกสิทธิขั้นพื้นฐานภายใต้รัฐธรรมนูญก็ไม่ใช่คำตอบ" นั่นคือคำพูดของแบรด อดัมส์ ผู้อำนวยการองค์การเฝ้าระวังสิทธิมนุษยชนเอเชีย "ประเทศไทยจำเป็นที่จะต้องแก้ปัญหาต่างๆด้วยหลักแห่งกฎหมายและการแสดงออกซึ่งสิทธิของประชาชนในอันที่จะเลือกผู้นำของตนเอง"

ประเทศไทยตกอยู่ในภาวะวิกฤติทางการเมืองนับตั้งแต่การที่มีกลุ่มคนจำนวนมากในกรุงเทพฯ ต่อต้านทักษิณ ชินวัตร และเกิดการปราบปรามสื่อและความเห็นที่แตกต่างจากรัฐบาล ในขณะที่ทักษิณก็อยู่ในฐานะนายกรัฐมนตรีรักษาการหลังจากที่ศาลรัฐธรรมนูญตัดสินให้ผลการเลือกตั้งเมื่อวันที่ 2 เมษายนที่ผ่านมาเป็นโมฆะ เนื่องจากการจัดการเลือกตั้งที่ไม่เป็นไปตามกฎเกณฑ์และการแทรกแซงอย่างไม่เหมาะสมของกลุ่มการเมืองที่สนับสนุนพรรคของทักษิณ

ตลอด 5 ปีของการปกครองโดยทักษิณด่างพร้อยไปด้วยการละเมิดสิทธิมนุษยชนอย่างร้ายกาจ ทักษิณปฏิบัติการ "สงครามปราบยาเสพติด" ในปี 2546 ก่อผลให้เกิดการฆ่าตัดตอนผู้ที่ถูกกล่าวหาว่าเป็นผู้ค้ายา  โดยปราศจากการสอบสวนตามกระบวนการ กองกำลังรักษาความปลอดภัยตอบโต้การก่อการในจังหวัดภาคใต้ที่ประชากรส่วนใหญ่เป็นมุสลิมด้วยการละเมิดสิทธิมนุษยชนอย่างกว้างขวาง รวมทั้งมีการจับกุมประชาชนโดยพลการและเกิด "การสูญหาย" ไปของประชาชนจำนวนมาก

การยึดอำนาจเมื่อคืนนี้เป็นการรัฐประหารครั้งแรกในรอบ 15 ปีของประเทศไทย แต่ก่อนหน้านั้น ประเทศไทยได้เผชิญกับการรัฐประหารโดยทหารมาหลายต่อหลายหน และหลายครั้งที่การรัฐประหารแปดเปื้อนไปด้วยการหลั่งเลือดและการละเมิดสิทธิมนุษยชนอย่างรุนแรง

"การกลับมาของรถถังบนท้องถนนในกรุงเทพฯได้แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่า สิทธิของชาวไทยกำลังตกอยู่ในอันตราย" Brad Adams ประธานองค์การเฝ้าระวังสิทธิมนุษยชนกล่าว "นอกจากนั้นยังแสดงถึงภัยคุกคามต่อการเป็นประเทศประชาธิปไตยชั้นแนวหน้าที่มีภาคประชาสังคมเข้มแข็งประเทศหนึ่งในภูมิภาค"