Skip to main content
sharethis

ภาคใต้ - กระหน่ำยิง "อดีตนายก อบจ. นราฯ" ดับคารถ ตำรวจไม่แน่ใจสร้างสถานการณ์ป่วนใต้ หรือขัดผลประโยชน์ "ตำรวจยะลา" จับแก๊งค์ค้ากัญชาเอี่ยวไฟใต้ "ผบช.ภ. 9" ระบุชัดเชื่อมโยงระบบการเงินหล่อเลี้ยงกลุ่มก่อความไม่สงบป่วนใต้


 


ถล่มอดีตนายกอบจ.นราฯดับ


เมื่อเวลา 09.20 น.วันที่ 18 มิถุนายน 2549 นายนิโซะ มือฆะ อายุ 48 ปี อยู่บ้านเลขที่ 130 บ้านบือแนปีแย หมู่ 1 ตำบลปาลุกาสาเมาะ อำเภอบาเจาะ จังหวัดนราธิวาส อดีตนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดนราธิวาส ขับรถรถยนต์กระบะอีซูซุ ดีแมคซ์ 4 ประตู สีบรอนซ์ - เงิน ป้ายแดง ทะเบียน ก - 9033 นธ. ออกจากบ้านพักเพียงลำพัง เพื่อไปเรียนที่วิทยาลัยเกษตรและเทคโนโลยีป่าไผ่ จังหวัดนราธิวาส มาตามถนนสายบ้านเขากง - บ้านโคกสุมุ


 


เมื่อมาถึงบริเวณบ้านทำเนียบ หมู่ที่ 6 ตำบลลำภู อำเภอเมืองนราธิวาส มีคนร้ายไม่ทราบจำนวน ใช้รถยนต์กระบะเป็นพาหนะตามประกบจากด้านหลัง เมื่อสบโอกาสคนร้ายพยายามแซงขึ้นหน้า จากนั้นหนึ่งในคนร้ายที่อยู่ในรถกระบะได้ใช้อาวุธปืนที่เตรียมมา กระหน่ำยิงเข้าบริเวณสะบักหลังด้านขวา 1 นัด ลำคอ 1 นัด บั้นเอว 1 นัด นิ้วมือกลางขวาขาด รถไถลเสียหลักลงข้างทาง นายนิโซะเสียชีวิตคาพวงมาลัยรถ


 


ต่อมา ร.ต.ท.มนูศักดิ์ ปารมี ร้อยเวรสถานีตำรวจภูธรอำเภอเมืองนราธิวาส พร้อมกำลัง เดินทางไปตรวจสอบที่เกิดเหตุ พบรถยนต์ของนายนิโซะมีร่องรอยถูกยิงตรงบริเวณด้านคนขับ กระจกหน้า และกระจกด้านข้างเป็นรูพรุน นายนิโซะถูกยิงด้วยอาวุธปืนอาก้า และปืนลูกซอง ในที่เกิดเหตุพบปลอกกระสุนปืนอาก้า 1 ปลอก หมอนรองกระสุนลูกซอง 1 ชิ้น


 


เบื้องต้นเจ้าหน้าที่สันนิษฐานสาเหตุการสังหารไว้ 2 ประเด็น คือ คนร้ายต้องการสร้างสถานการณ์ความไม่สงบ หรือไม่ผู้ตายอาจมีความขัดแย้งผลประโยชน์ด้านธุรกิจ


 


บึ้มรถสายตรวจเจาะไอร้องเจ็บ6


เวลา 09.40 น.วันเดียวกัน ขณะที่ตำรวจสถานีตำรวจภูธรอำเภอเจาะไอร้อง จังหวัดนราธิวาส 6 คน นั่งรถยนต์ตราโล่ของสถานีตำรวจฯ ออกลาดตระเวน โดยนั่งในรถ 4 นาย นั่งกระบะหลัง 2 นาย เมื่อมาถึงบริเวณสามแยกเจาะไอร้อง บ้านเจาะไอร้อง หมู่ 1 ตำบลจวบ อำเภอเจาะไอร้อง คนร้ายได้กดชนวนระเบิดแสวงเครื่องที่ลอบนำมาซ่อนไว้ในดงหญ้าคา ด้วยโทรศัพท์มือถือ แรงระเบิดทำให้ตำรวจชุดสายตรวจลาดตระเวนบาดเจ็บ 4 นาย ชาวบ้านได้รับบาดเจ็บอีก 2 คน ทั้งหมดถูกนำส่งโรงพยาบาลเจาะไอร้อง


 


ต่อมา ร.ต.ท.วัฒนา เกตุอำไพ ร้อยเวรสถานีตำรวจภูธรอำเภอเจาะไอร้อง พร้อมด้วยกำลังตำรวจเดินทางไปยังที่เกิดเหตุ จากการตรวจสอบพบว่า แรงระเบิดทำให้เกิดหลุมลึกประมาณ 30 เซนติเมตร กว้าง 100 เซนติเมตร มีเศษกล่องเหล็ก เศษเหล็กเส้นตัดเป็นท่อนเล็กๆ เศษถุงพลาสติกสีดำ เศษโทรศัพท์มือถือ และเชื้อปะทุกระจายเกลื่อน ส่วนรถตราโล่หมายเลข 39160 ถูกสะเก็ดระเบิดกระจกด้านหลังแตกละเอียด


 


สำหรับผู้ได้รับบาดเจ็บ ประกอบด้วย ส.ต.ต.นิติกร ศรีสุข ส.ต.ต.นิพนธ์ รอดปอง ด.ต.วิมล ตะโน ด.ต.จงเพียร ปาประไพ น.ส.ยานา อูมา อายุ 24 ปี น.ส.สุวารี ตีมอ อายุ 24 ปี อยู่บ้านเลขที่ 100 หมู่ 8 ตำบลมะรือโบออก อำเภอเจาะไอร้อง ส่วนด.ต.วิมล ซึ่งได้รับบาดเจ็บสาหัส ถูกนำส่งโรงพยาบาลนราธิวาสราชนครินทร์ในเวลาต่อมา


 


จับแก๊งค้ากัญชาเอี่ยวไฟใต้


เวลา 11.00 น. วันเดียวกัน ที่ห้องประชุมกองอำนวยการเสริมสร้างสันติสุขจังหวัดชายแดนภาคใต้ ค่ายสิรินธร ตำบลเขาตูม อำเภอยะรัง จังหวัดปัตตานี พล.ต.ท.อดุลย์ แสงสิงแก้ว ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 9 พล.ต.ต.วรพงษ์ ชิวปรีชา รองผู้บัญชาการศูนย์ปฏิบัติการตำรวจแห่งชาติส่วนหน้า พล.ต.ต.อดิเทพ ปัญจมานนท์ รองผู้บัญชาการปราบปรามยาเสพติด พล.ต.มนัส เสถียรกลาง รองผู้อำนวยการเสริมสร้างสันติสุขจังหวัดชายแดนภาคใต้ฝ่ายทหาร และผู้อำนวยการป้องกันและปราบยาเสพติดภาค 9 ร่วมกันแถลงข่าวการจับกุมผู้ต้องหายาเสพติด พื้นที่สถานีตำรวจภูธรตำบลนาประดู่ อำเภอโคกโพธิ์ จังหวัดปัตตานี


 


พล.ต.ท.อดุลย์ แถลงว่า เมื่อวันที่ 24 พฤษภาคม 2549 กลุ่มงานสืบสวนตำรวจภูธรจังหวัดยะลา ได้จับกุมนางสมพร กกแก้ว และได้ขยายผลตรวจค้นพบกัญชาอัดแท่งห่อด้วยพลาสติกใส น้ำหนักแท่งละ 25 กิโลกรัม 25 แท่ง บรรจุรวมกันอยู่ในถังสีน้ำเงิน 1 ถัง ส่งผลให้สามารถจับกุมเครือข่ายค้ากัญชาที่ติดต่อนำกัญชาออกจำหน่ายทางโทรศัพท์ ได้ผู้ต้องหา 3 คน คือ นายชม ทองน้ำดำ อายุ 50 ปี อยู่บ้านเลขที่ 75/1 หมู่ 1 ตำบลนาประดู่ อำเภอโคกโพธิ์ จังหวัดปัตตานี รับสารภาพ นายโพธิ์ ไชยรัตน์ อายุ 44 ปี อยู่บ้านเลขที่ 99 หมู่ 2 ตำบลเกาะแต้ว อำเภอเมืองสงขลา รับสารภาพ นายไพฑูรย์ โพธิวรรณ อายุ 29 ปี อยู่บ้านเลขที่ 486 ตำบลคลองใหญ่ อำเภอคลองใหญ่ จังหวัดตราดให้การปฏิเสธ จึงนำตัวผู้ต้องหาพร้อมของกลาง นำส่งพนักงานสอบสวนสถานีตำรวจภูธรตำบลนาประดู่ ดำเนินคดีต่อไป


 


พล.ต.ท.อดุลย์ เปิดเผยว่า สำหรับของกลางที่ตรวจยึดได้มี 7 รายการ ประกอบด้วย ยาเสพติดให้โทษประเภท 5 กัญชา 1 แท่ง ได้จากการล่อซื้อ ยาเสพติดให้โทษประเภท 5 กัญชา 25 แท่ง น้ำหนักรวม 25 กิโลกรัม บรรจุในถังนำสีน้ำเงิน 1 ถัง โทรศัพท์มือถือยี่ห้อโนเกีย รุ่น 3230 จำนวน 1 เครื่อง ธนบัตรฉบับละ 1,000 บาท 12 ฉบับ ธนบัตรฉบับละ 500 บาท 12 ฉบับ รถจักยานยนต์ยี่ห้อซูซูกิ หมายเลขทะเบียน 77000 สงขลา 1 คัน โทรศัพท์ มือถือ ยี่ห้อโนเกีย รุ่น 6110 จำนวน 1 เครื่อง


 


พล.ต.ท.อดุลย์ กล่าวว่า ขบวนการค้ายาเสพติด อาจจะไม่เกี่ยวข้องโดยตรงกับกลุ่มผู้ก่อความไม่สงบใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ แต่ผู้ก่อความไม่สงบมีส่วนเชื่อมโยงอยู่กับระบบการเงินที่เกี่ยวข้องกับผู้ค้ายาเสพติด ฉะนั้น มาตรการยึดทรัพย์สามารถที่จะตัดน้ำหล่อเลี้ยงขบวนการก่อความไม่สงบได้


 


วันเดียวกัน เจ้าพนักงานป้องกันและปราบปรามยาเสพติดพร้อมด้วยตำรวจ ได้นำตัวผู้ต้องหาไปตรวจยึดทรัพย์สิน ซึ่งเชื่อว่ามาจากการจำหน่ายยาเสพติด เช่น สมุดบัญชีเงินฝากธนาคาร รถยนต์ สร้อยคอทองคำ หนังสือรับรองการทำประโยชน์ในที่ดิน เงินสด อาวุธปืน พร้อมเครื่องกระสุน รวม 41 รายการ มูลค่ากว่า 5 ล้านบาท


 


ผวจ.ยะลายัวะบึ้มโอเกะกลางเมือง


เมื่อเวลา 21.00 น. วันที่ 17 มิถุนายน 2549  ได้เกิดเหตุระเบิดภายในร้านคาราโอเกะ โรงแรมยะลารามา ถนนศรีบำรุง ในเขตเทศบาลนครยะลา มีผู้ชายนุ่งกางเกงขาสั้น ถูกสะเก็ดระเบิดเสียชีวิต ส่วนผู้ได้รับบาดเจ็บสาหัสอีก 2 คน คือ นางเครือวัลย์ ยึดมั่น อายุ 33 ปี อยู่บ้านเลขที่ 15 หมู่ที่ 4 ตำบลบางม่วง อำเภอตะกั่วป่า จังหวัดพังงา และนางสาวนิชาภา ชนิติภูมิ อายุ 38 ปี อยู่บ้านเลขที่ 173/16 ตำบลมะขามเตี้ย อำเภอเมืองสุราษฏร์ธานี ถูกนำส่งโรงพยาบาลศูนย์ยะลา


 


จากการตรวจสอบพบว่า คนร้ายได้ลอบวางระเบิดแสวงเครื่องไว้ใต้เบาะนั่งของผู้ใช้บริการ บริเวณที่เกิดเหตุพบเศษนาฬิกาดิจิตอลแตกกระจาย เชื่อว่าเป็นระเบิดชนิดใช้นาฬิกาจุดชนวน น้ำหนักไม่น้อยกว่า 15 กิโลกรัม


 


จากเหตุระเบิดดังกล่าว ส่งผลให้นายบุณยสิทธิ์ สุวรรณรัตน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดยะลา แสดงความไม่พอใจต่อเจ้าของโรงแรม เกี่ยวกับมาตรการรักษาความปลอดภัย โดยเฉพาะการตรวจตราคนเข้าออก ทั้งที่เพิ่งประชุมผู้ประกอบสถานบริการและเจ้าของร้านจำหน่ายโทรศัพท์มือถือ ในช่วงบ่ายวันเดียวกัน


 


ตรึงกำลังเฝ้าชายแดนสงขลา


เวลาประมาณ 22.00 น. คืนวันเดียวกัน เกิดเหตุระเบิดรถสายตรวจตำรวจ ที่บริเวณถนนทางเข้าบ้านเกาะแลหนัง หมู่ 2 ตำบลปากบาง อำเภอเทพา จังหวัดสงขลา แต่ตำรวจ 5 นาย ที่นั่งมาในรถปลอดภัย ส่วนรถตราโล่เสียหายเล็กน้อย โดยก่อนเกิดเหตุคนร้ายได้เผายางรถยนต์ และโปรยตะปูเรือใบล่อตำรวจให้ออกไปดูสถานที่เกิดเหตุ


 


จากการตรวจสอบที่เกิดเหตุ พบว่าเป็นระเบิดแสวงเครื่อง ประกอบเข้ากับท่อเหล็ก คนร้ายนำมาฝังไว้ริมถนน ต่อสายไฟเข้าไปในป่าละเมาะยาวประมาณ 80 เมตร ก่อนจะจุดชนวนด้วยรีโมตคอนโทรล ลักษณะของระเบิดเป็นชนิดเดียวกับที่ใช้ก่อเหตุใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้


 


ต่อมา พล.ต.ท.อดุลย์ ได้สั่งการไปยังสถานีตำรวจภูธรอำเภอในพื้นที่เชื่อมต่อกับ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ เพิ่มความระมัดระวังในการออกตรวจพื้นที่เป็นพิเศษ และให้จับตาความเคลื่อนไหวของกลุ่มแนวร่วมในพื้นที่ เพราะอาจจะก่อเหตุในลักษณะนี้อีก ขณะเดียวกัน ก็ให้ดูแลรักษาความปลอดภัยสถานที่ราชการและที่ตั้ง เพื่อป้องกันไม่ให้คนร้ายก่อเหตุได้สะดวก

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net