Skip to main content
sharethis

 



น.ส.วิไลวรรณ แซ่เตีย


ภาพจากเว็บไซต์กรุงเทพธุรกิจออนไลน์


 


4 มิ.ย. 2549 รศ.ดร.ณรงค์ เพชรประเสริฐ อาจารย์ประจำคณะเศรษฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวถึงกรณีที่รัฐบาลให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา ไปดูข้อกฎหมายเพื่อที่จะนำเงินกองทุนประกันสังคม มาใช้เป็นสวัสดิการแก่ผู้ใช้แรงงานว่า ไม่เห็นด้วยกับแนวทางดังกล่าว


 


 เนื่องจากไม่มีเงื่อนไขของสำนักงานประกันสังคมข้อใดเลย ที่บอกให้นำเงินกองทุนฯ เพื่อไปใช้เป็นสวัสดิการ ซึ่งตามข่าวจะทำในรูปแบบของ"คูปอง" หรือให้เงิน จำนวน 300 บาท/คน/เดือน และให้เฉพาะผู้ที่มีรายได้น้อยกว่า 7,000 บาท เรื่องนี้รัฐบาลได้ถามผู้ประกันตนทุกคนแล้วหรือยัง และผู้ประกันตนที่เป็นพนักงานชั้นกลาง ถามหน่อยว่าพวกเขาไม่เดือดร้อนหรืออย่างไร


 


 "การช่วยเหลือที่ดีที่สุดตอนนี้ ก็คือการปรับขึ้นค่าจ้าง ให้ตามที่แรงงานเรียกร้อง เพราะว่าเงินส่วนนี้เป็นเงินภาษีของรัฐบาล ที่นายจ้าง ลูกจ้าง คนทั่วไปร่วมกันจ่าย ส่วนเงินประกันสังคมนั้น เป็นเงินออมของผู้ประกันตน เขาเอาไว้ใช้ในยามเจ็บป่วย ชราภาพ ว่างงาน ตกงาน ถ้าเอาไปให้ในรูปแบบของสวัสดิการ ถือว่าเป็นการให้แบบขาด เรียกคืนไม่ได้เงินในกองทุนสูญไปเปล่าๆ แต่ถ้าอยากจะช่วยคนงานจริงๆ ผมคิดว่ารัฐบาลน่าที่จะประกาศลดอัตราการส่งเงินสบทบเข้ากองทุนน่าจะดีกว่า"


 


เขากล่าวอีกว่า รัฐบาลคิดแต่จะหาสียงอย่างเดียว ไม่ได้คิดแต่จะเอาเงินคนงาน แต่ถามกลับไปว่า เคยช่วยเหลือคนงานบ้างหรือเปล่า การแจกเงินโดยไม่มีเงื่อนไข ตรงนี้ตนเชื่อแน่ว่าผู้ประกันตนเองยอมรับไม่ได้


 


 รศ.ดร.ณรงค์ กล่าวอีกว่า การที่รัฐบาลจะนำเงินกองทุนประกันสังคม ไปฝากกับธนาคาร ธอส. ธกส. เป็นการกระทำที่ไม่ถูกต้อง เพราะจะเป็นการช่วยเหลือคนผิดประเภท ถ้าจะช่วยเหลือคนงานจริง และเป็นวิธีการที่ได้ผล คือให้เอาเงินประกันสังคมไปฝากไว้ที่ธนาคารพาณิชย์แห่งใดแห่งหนึ่ง เพื่อให้ผู้ประกันตนทุกคนได้ใช้สิทธิกู้ได้ในอัตราดอกเบี้ยที่ต่ำ เงินกองทุนก็จะไม่เสียหาย และยังมีดอกเบี้ยเพิ่มพูนมาด้วย


 


 ด้าน น.ส.วิไลวรรณ แซ่เตีย ประธานคณะกรรมการสมานฉันท์แรงงานไทย (ครสท.) กล่าวว่า ครสท.ยืนยันที่จะยังคงเรียกร้องให้มีการปรับขึ้นค่าจ้างเป็นวันละ 233 บาท หรือ 7,000 บาทต่อเดือน ส่วนสวัสดิการนั้นเป็นหน้าที่ของรัฐที่จะต้องให้กับประชาชนทั่วไปอยู่แล้ว แต่ไม่เข้าใจและไม่เห็นด้วยอย่างยิ่ง ที่จะมานำเงินกองทุนประกันสังคมไปใช้อย่างอื่น เพราะนี่ไม่ใช่เงินภาษี


 


 "รัฐบาลทำอย่างนี้เป็นการใช้วิธีการแบ่งแยกสำหรับคนงาน กับคนทั่วไป ต้องการที่จะเอาใจคนกลุ่มหนึ่ง แต่กลับลืมคนอีกกลุ่มหนึ่ง และการคิดทุกอย่างวันนี้ รัฐบาลใช้อำนาจรัฐตัดสินใจคนเดียวมาตลอด เคยถามเจ้าของเงินบ้างหรือเปล่า ขอเสนอให้รัฐบาลเปิดเวทีให้กับทุกฝ่ายเข้าไปเสนอแนวทางการแก่ปัญหา โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ใช้แรงงานว่าเขามีความต้องการแบบไหน อย่างไร" น.ส.วิไลวรรณ กล่าว


 


ที่มา: กรุงเทพธุรกิจออนไลน์

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net