Skip to main content
sharethis

บทความชื่อเดิม :


พรรคแนวใหม่ต้องมีนโยบายก้าวหน้าและพึ่งฐานมวลชนมากกว่าพรรคแนวเก่า


 


โดย วิทยากร เชียงกูล วิทยาลัยนวัตกรรมสังคม ม.รังสิต


 


 


 


พรรคการเมืองที่มีอยู่เป็นพรรคแนวเสรีนิยม/จารีตนิยม ที่มีนโยบายพัฒนาเศรษฐกิจแบบทุนนิยมผูกขาดที่เป็นบริวารทุนข้ามชาติ เน้นการเติบโตเศรษฐกิจส่วนรวม เปิดเสรีให้ต่างชาติมาเอาเปรียบ หรือโครงการเมกะโปรเจคประเภทเน้นการก่อสร้าง การขายรถยนต์ส่วนตัวที่สิ้นเปลืองน้ำมัน ซึ่งเป็นการเติบโตแบบฉาบฉวย ระยะสั้น ให้ประโยชน์เฉพาะคนส่วนน้อย และทำลายทรัพยากรประเทศและคุณภาพชีวิตประชาชนส่วนใหญ่


 


องค์กรภาคประชาชน ทำหน้าที่คัดค้านระบบทักษิณและความไม่เป็นธรรมต่างๆได้ดี แต่ยังไม่ได้เสนอแนวทางเลือกใหม่ หากมีพรรคใหม่ที่เป็นตัวแทนผลประโยชน์ของคนงาน เกษตรกร ผู้ประกอบอาชีพอิสระรายย่อย รวมทั้งปัญญาชนนักวิชาชีพ  นักธุรกิจขนาดย่อม ขนาดกลางได้มีจุดยืนและนโยบายการพัฒนาประเทศที่มีลักษณะปฎิรูปเชิงโครงสร้าง หรือก้าวหน้าในแนวทางประชาธิปไตยสังคมใหม่ (NEW SOCIAL DEMOCRAT) จะส่งเสริมบทบาทภาคประชาชนให้เข้มแข็งขึ้น และมีทางเลือกใหม่ในการแก้ปัญหาความยากจนและความด้อยพัฒนาด้านต่างๆได้อย่างยั่งยืนมากกว่าพรรคแนวเก่า


 


พรรคแนวใหม่ควรมีนโยบายหลักที่สำคัญอย่างน้อย 3 ข้อ คือ


 


1.ปฎิรูประบบเศรษฐกิจให้เป็นระบบผสม ระหว่าง สหกรณ์ วิสาหกิจชุมชนและ บริษัทมหาชนที่พนักงานและประชาชนผู้มีส่วนได้ส่วนเสียถือหุ้นใหญ่และร่วมบริหารกับระบบตลาดที่ส่งเสริมการแข่งขันที่เป็นธรรม


 


2. แนวนโยบายการพัฒนาแบบเศรษฐกิจพึ่งพาตนเองหรือแบบพอเพียงในระดับประเทศเป็นสัดส่วนที่สูงขึ้น พึ่งพาทุนและการค้ากับบริษัทข้ามชาติลดลง และเพิ่มการจ้างงานและใช้ทรัพยากร ใช้ภูมิปัญญาคนในชาติ พิทักษ์ผลประโยชน์ชุมชนและชาติมากกว่าของกลุ่มทุน


 


3.ปฎิรูปการเมืองและการบริหาร เช่น แก้รัฐธรรมนูญและกฎหมายเลือกตั้งที่ให้การเมืองภาคประชาชนมีบทบาทเพิ่มขึ้น สกัดกั้นทุนผูกขาดไม่ให้เข้าไปมีอำนาจมากเกินไป ปราบคอรัปชั่นและผลประโยชน์ทับซ้อนของนักการเมืองและเจ้าหน้าที่รัฐอย่างจริงจัง


 


โครงการที่เป็นรูปธรรม คือ ชลอและปฎิรูปการเจรจาการค้าเสรี , ชลอและปฎิรูปการแปรรูปรัฐวิสาหกิจ ปฎิรูปที่ดิน ปฎิรูปการเกษตร และอุตสาหกรรมขนาดย่อม ขนาดกลาง ปฎิรูประบบสหกรณ์ และสถาบันการเงิน ปฎิรูประบบภาษีและงบประมาณ(เก็บภาษีคนรวยสูงขึ้น ช่วยคนจนมากขึ้น) ปฎิรูปการศึกษาเชิงคุณภาพอย่างขนานใหญ่ ฯลฯ


 


โดยมีเป้าหมายร่วมกัน คือ เพิ่มการพัฒนาคุณภาพคน การจ้างงาน,การใช้ทรัพยากรในประเทศ การใช้พลังงานทางเลือก เกษตรทางเลือก  สาธารณสุขทางเลือก ฯลฯ การจัดสรรและกระจายทรัพย์สิน รายได้ ความรู้ ระบบประกันสังคม สวัสดิการสังคมสู่คนส่วนใหญ่ รวมทั้งผู้หญิง เด็กชนกลุ่มน้อย ผู้ด้อยโอกาส ฯลฯ อย่างทั่วถึง เป็นธรรม เพิ่มคุณภาพชีวิตของคนส่วนใหญ่ในแนวทางยั่งยืน (อนุรักษ์ฟื้นฟูสภาพแวดล้อมและวัฒนธรรมชุมชน)


 


พรรคแนวใหม่กำลังเกิดขึ้นในหลายประเทศ


ในรอบ 5 - 10 ปีที่ผ่านมา พรรคที่ก้าวหน้า ที่มีจุดยืนไปทางรักษาผลประโยชน์ชาติและประชาชนในอเมริกาใต้หลายประเทศได้รับเลือกตั้งให้เป็นรัฐบาลอย่างพลิกความคาดหมาย บางพรรคเพิ่งตั้งใหม่มาได้ไม่กี่ปีด้วยซ้ำ


 


ประเทศไทยกำลังมีปัญหาวิกฤติจากระบอบนายทุนผูกขาดที่หาประโยชน์ทับซ้อนและการทุจริตคอรัปชั่นสูง การพัฒนาเศรษฐกิจแบบเน้นความเติบโตด้วยการกอบโกยล้างผลาญ เกิดปัญหาความเหลื่อมล้ำต่ำสูง ปัญหาหนี้สิน ปัญหาการทำลายทรัพยากรและปัญหาเศรษฐกิจสังคมอื่นคล้ายๆอเมริกาใต้ มีความเป็นไปได้ที่คนงาน ครูอาจารย์ นักวิชาชีพและผู้ประกอบการอิสระรายย่อยในเขตเมืองที่ตื่นตัวจะร่วมมือกันสร้างพรรคการเมืองที่มีนโยบายก้าวหน้า โดยเริ่มจากพรรคเล็กๆที่เน้นด้านการให้การศึกษาข้อมูลข่าวและการต่อสู้ทางด้านความคิดและการจัดตั้งองค์กร 


 


พรรคแนวใหม่ควรเน้นแนวคิดนโยบายและการนำรวมหมู่แบบประชาธิปไตย


แทนที่จะคิดในกรอบเก่าว่าจะหาเงินจากไหน ใครจะมาเป็นหัวหน้าพรรค ควรจะเริ่มจากหาคนที่คิดคล้ายกันมาช่วยกันพัฒนาแนวคิดนโยบายหลักๆของพรรคให้ชัดเจน และช่วยกันออกแบบโครงสร้างองค์กรพรรคให้เป็นพรรคแนวใหม่ที่มีฐานที่มวลชนมีการสร้างและเลือกผู้นำได้อย่างเป็นประชาธิปไตยและคล่องตัว


 


พรรคแนวใหม่น่าจะคิดถึงภาวะการนำแบบรวมหมู่ เช่น คณะกรรมการบริหารสูงสุดของพรรค 5 -7 คน แทนที่จะขึ้นอยู่กับหัวหน้าพรรคคนเดียวแบบพรรคแนวเก่า  เพื่อจะได้รวมกลุ่มต่างๆที่คิดจะตั้งพรรคใหม่ให้มาทำงานร่วมกันแบบพันธมิตรได้ และแก้ปัญหาลักษณะปัจเจกของปัญญาชนที่มักไม่ยอมรับนับถือคนอื่น และเชื่อมั่นตัวเองสูง


 


คณะกรรมการชุดนี้ควรเลือกจากคนใจกว้าง มีวุฒิภาวะในการรับฟัง และทำงานร่วมกับคนอื่นได้ดีกว่าคนประเภทวีรชนเอกชน คณะกรรมการต้องจัดประชุมเพื่อรับฟังและถูกตรวจสอบตรวจสอบโดยคณะกรรมการบริหารระดับต่างๆ รวมทั้งมีการเลือกตั้งคณะกรรมบริหารสูงสุดของพรรคใหม่ได้ตามระยะเวลาที่เหมาะสม เพื่อความคล่องตัวในการปรับเปลี่ยนผู้นำให้เหมาะสมกับสถานการณ์


 


พรรคแนวใหม่ควรเน้นความสำคัญของนโยบาย และความเข้มแข็งขององค์กรมากกว่าตัวผู้นำ แม้ว่าในสังคมไทย ตัวผู้นำเป็นเรื่องสำคัญ แต่สำหรับพรรคใหม่ที่อาจจะมีปัญหาของการไม่รู้จักและยอมรับกันอย่างเพียงพอระหว่างสมาชิกพรรคด้วยกัน  รวมทั้งปัญหาว่าสมาชิกแต่ละคนยังไม่มีโอกาสได้ทำงานแสดงศักยภาพของตนจริงจัง ก็ต้องอาศัยการร่วมกันทำงานแบบบุกเบิก และอย่างเป็นประชาธิปไตยร่วมกันไปสักระยะหนึ่ง ในท่ามกลางการทำงานนี้ คนที่ฉลาด ทำงานเก่ง อุทิศตน เพื่อนฝูงผู้ปฏิบัติงานยอมรับได้มาก ก็จะค่อยๆปรากฎขึ้นมา โดยถือว่าให้พรรคมีส่วนช่วยสร้างผู้นำด้วย แทนที่จะคิดแบบเดิมว่าต้องมีผู้นำก่อน ถึงจะมีการตั้งพรรคได้


 


ส่วนเรื่องเงินทุนสำหรับทำกิจกรรมพรรคนั้น น่าจะระดมเก็บค่าสมาชิกพรรค , เงินบริจาค และการหารายได้แบบให้คนจำนวนมากมีส่วนร่วมด้วย มากกว่าการแสวงหา / ขอให้มีใครเป็นนายทุนใหญ่ของพรรค ในทางปฎิบัติอาจจะขอให้นักธุรกิจจำนวนหนึ่งบริจาคทุนระดับกลางก็ได้ แต่ควรขอจากหลายๆคน และถือว่าไม่มีผลผูกพันให้เขาได้รับเลือกเป็นกรรมการบริหารพรรค  การเน้นให้สมาชิกช่วยค่าบำรุงพรรคตามฐานะของแต่ละคนเป็นวิธีคิดใหม่แบบใหม่ที่ช่วงแรกๆคงจะได้สมาชิกน้อยหน่อย แต่จะได้คนที่มีคุณภาพ และเมื่อมีการจัดตั้ง , จัดการศึกษาฝึกอบรมบุคคลเหล่านี้ให้เป็นผู้ปฎิบัติงานของพรรค พรรคนี้จะเป็นพรรคที่สมาชิกมีส่วนร่วมในการขยายสมาชิกและนำพาพรรคอย่างแท้จริงมากกว่าพรรคแนวเก่าที่สมาชิกเป็นแค่ผู้ตามและรอผลประโยชน์เล็กๆน้อยๆ


 


โอกาสเติบโตขึ้นอยู่กับอุดมการณ์ ความใจกว้าง และความทันสมัย


สำหรับพรรคแนวใหม่ แนวคิดนโยบาย จุดยืน วินัยของผู้ร่วมก่อตั้งและสมาชิกรุ่นแรกๆเป็นเรื่องสำคัญมาก เพราะต้องมีจุดนี้เป็นหลักเท่านั้นจึงจะสามารถใช้เป็น "จุดขาย" ที่ต่างออกไป และสามารถชักชวนให้ประชาชนที่เข้าใจและเห็นด้วยกับนโยบายร่วมกันสมัครเข้ามาเป็นเจ้าของพรรค ร่วมกันทำงาน เพื่อทำให้พรรคแนวใหม่นี้เติบโตและเข้มแข็งได้


 


พรรคแนวใหม่ควรสามัคคีพันธมิตรให้กว้างขวาง เสนอนโยบายปฎิรูปแบบสันติวิธีแต่เอาจริง ที่จะเป็นประโยชน์ต่อทุกกลุ่มในระยะยาว รวมทั้งกลุ่มทุนที่รักชาติหรือฉลาดมองการ์ณไกลด้วย กลุ่มที่พรรคแนวใหม่ต้องเอาใจใส่ในการสามัคคีมาก คือ กลุ่มแรงงาน ผู้ประกอบอาชีพอิสระในเมือง เกษตรกรกลุ่มก้าวหน้า ครู นักวิชาชีพ ฯลฯ ผ่านการเข้าไปร่วมมือกับกลุ่มออมทรัพย์ สหกรณ์  สหภาพ สมาคมอาชีพต่างๆองค์กรประชาชนต่างๆอย่างยอมรับซึ่งกันและกัน  แม้จะมีจุดต่างบ้าง ก็ต้องอดทน และพยายามหาจุดร่วมกันมากกว่า


 


งานช่วงแรกๆที่สำคัญ คือการจัดการศึกษา เผยแพร่ข้อมูลข่าวสาร แนวคิดนโยบาย การวิเคราะห์สถานการณ์และปัญหาสังคม และจัดตั้งหน่วยและองค์กรประชาชนให้เข้มแข็ง ช่วยให้ประชาชนเข้าใจปัญหาและแนวทางการพัฒนาประเทศที่เป็นทางเลือกใหม่ที่เน้นเพื่อชุมชนและเพื่อส่วนรวม มากกว่ากำไร/ผลประโยชน์ส่วนปัจเจกชนเพื่อประชาชนส่วนใหญ่อย่างแท้จริง


 


แม้พรรคใหม่จะไม่มีทุนทรัพย์และเครื่องมือในการสื่อสารแบบทันสมัยมากเท่ากับพรรคกลุ่มทุน แต่ในโลกยุคข้อมูลข่าวสาร ทุนมนุษย์หรือสติปัญญาที่จะเผยแพร่ความคิดข้อมูลข่าวสารให้คนส่วนใหญ่รับรู้ปัญหาและตื่นตัวมาร่วมด้วยช่วยกันได้ คือทุนที่สำคัญที่สุด เครื่องมือสมัยใหม่อย่างอินเตอร์เน็ท วีซีดี เทป รายการของสถานีวิทยุชุมชน เคเบิลทีวี ฯลฯ เป็นความทันสมัยที่อาจใช้ต้นทุนไม่สูงนักแต่สามารถสื่อสารความรู้ข้อมูลข่าวสารทางเศรษฐกิจการเมืองได้มาก เพียงแต่ต้องลงแรงและใช้สติปัญญามาก หากพรรคสามารถชูธงนโยบายและมีการนำที่ทำให้ประชาชนสนใจและอาสาสมัครเข้ามาร่วมและทำงานอย่างมีอุดมการณ์ได้มาก ก็มีความเป็นไปได้ที่เราจะเห็นพรรคแนวนี้ตั้งขึ้นมาและเติบโตได้

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net