ประชาไท14 มี.ค. 2549 ดร.ชาญวิทย์ เกษตรศิริ ฟันธง เมืองไทยเข้าสู่ยุค "หลังทักษิณ" แล้วหลังทีวีพูลถ่ายทอดพระราชดำรัสเดือนพฤษภาคม 2535 เมื่อวันอาทิตย์ เตือนจะเปลี่ยนอย่างอหิงสาหรือรุนแรง ด้านกอรปศักดิ์ ระบุ นายกฯ สู้จนนาทีสุดท้าย เพราะเดิมพันสูงกว่า 73,000 ล้าน และไม่มีใครรับประกันความปลอดภัยหลังสิ้นอำนาจ
ดร.
อย่างไรก็ตาม ดร.ชาญวิทย์ กล่าวด้วยว่า แม้เมืองไทยจะก้าวเข้าสู่ยุคหลังทักษิณแล้ว แต่ก็ต้องตั้งคำถามต่อไปด้วยว่า สังคมไทยจะเปลี่ยนแปลงไปสู่ยุคหลังทักษิณด้วยวิธีอหิงสาหรือความรุนแรง
"ปกติผมไม่ดูโทรทัศน์ แต่เมื่อวานไม่รู้เป็นเพราะอะไร เปิดมาเจอทีวีพูล แต่อาจจะยกเว้นช่องเนชั่น ผมก็แปลกใจ และด้วยวิชาประวัตศาสตร์ ทำให้ผมรู้สึกว่า เอ๊ะ! นี่เป็นรัฐประหารโดยโทรทัศน์หรือเปล่า เพราะว่าเคยมีรัฐประหารโดยวิทยุเมื่อปี 2494 ถ้าผมจำไม่ผิด จอมพล ป. พิบูลสงคราม และจอมพลผิน ชุณหวัณ ทำการยึดอำนาจด้วยการประกาศออกวิทยุ
"ที่นี้ถ้าเราใช้ประวัติศาสตร์มอง ผมสะดุ้งเลยเมื่อคืนนี้ ผมคิดว่าเรากำลังเข้าสู่เมืองไทยหลังทักษิณแล้วละครับ จากภาวะเมื่อคืนนี้นะครับ เราเข้าสู่เมืองไทยหลังทักษิณแล้ว แต่เราจะอยู่ในเมืองไทยหลังทักษิณด้วยการผ่านกระบวนการแบบอหิงสาอโหสิ หรือความรุนแรง ตรงนี้เป็นเรื่องที่ผมคิดว่าน่าหนักใจมาก"
ดร.ชาญวิทย์ได้ฉายภาพประวัติศาสตร์อีกว่า การรัฐประหารในรัฐสภาปี 2476 โดยพระยามโนปกรณ์นิติธาดา คล้ายๆ กับสิ่งที่สังคมไทยเรียกร้องการใช้รัฐธรรมนูญมาตรา 7 อยู่ในปัจจุบัน ซึ่งถือเป็นการ ยึดอำนาจทางรัฐสภาอย่างหนึ่งเหมือนกัน และเมื่อเทียบเคียงกับประวัติศาสตร์การเมืองไทยในยุคหลัง 2475 จะพบว่าการยึดอำนาจของรัฐสภานำมาสู่การรัฐประหารปี 2476 ของพระยาพหลพลพยุหเสนาและจอมพล ป. พิบูลสงคราม ตามมาด้วย กบฏบวรเดช และการสละราชสมบัติของรัชกาลที่ 7
โดย ดร.
"นี่คือ Episode หลังการเปลี่ยนแปลงการปกครอง แต่วันนี้ สังคมไทยจะฝ่าข้ามไปโดยไม่มีความรุนแรงอย่างที่เราพูดกัน หรือว่าเราเพียงแต่พูด แต่เราไม่ทำ ผมกำลังหวังว่า เราจะฝ่าข้ามไปเหมือนอย่างกรณีของคุณเกรียงศักดิ์ ชมะนันทน์ ที่ยอมลาออกในสภาอย่างสง่างาม กรณีของ พล.อ.เปรม กรณีของการยุบสภาของคุณชวน กรณีของคุณบรรหาร และกรณีการลาออกจากตำแหน่งของ พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ นี่แหละคือปัญหา หวังว่าคงไม่ตีความสิ่งที่ผมพูดผิด แต่บางทีถ้าคนเราจะตีความก็ตีไปได้เยอะแยะนะ
"เราอยากเห็นสังคมผ่านสถานการณ์ไปโดยวิหิงสาและการประสานประโยชน์ แต่ประวัติศาสตร์การเมืองไทยที่ผ่านมารู้สึกมันไม่วิหิงสาไม่ประสานประโยชน์เท่าไหร่เลย"
ทั้งนี้ ดร.ชาญวิทย์ได้อธิบายหัวข้อของการสัมมนาด้วยว่า The Ides of March คือวันที่สิ้นสุดของระบอบซีซาร์ เป็นวันที่ซีซาร์ถูกสังหาร ประโยค "Beware The Ides of March" หมายถึงการเตือนให้ระวังความเปลี่ยนแปลงอย่างสำคัญที่จะเกิดขึ้น และความหมายที่ตรงตัวตามประวัติศาสตร์หมายถึงวันที่ 15 มีนาคม ซึ่งเป็นวันสังหารจักรพรรดิซีซาร์ เป็นวันที่สิ้นสุดของระบอบซีซาร์
"เมื่อเข้าสู่ยุคหลังคุณทักษิณแล้ว อาจจะต้องนั่งคุยกันอีกยาว เพราะตอนนี้มันจะพูดยากมาก เพราะว่าตอนนี้อารมณ์ขัดแย้งรุนแรง แต่ว่าอะไรหลายๆ อย่างที่เกิดขึ้นในสมัยของคุณทักษิณ มันได้วางผังทางเดินของสังคมซึ่งเราอาจจะปฏิเสธไม่ได้ อันนี้เราคงต้องมานั่งคุยกันอีกทีหลังวันที่ 15 มีนาคม" ดร.ชาญวิทย์ กล่าวปิดท้าย
อย่างไรก็ตาม ภายหลังจาก ดร.ชาญวิทย์ ฉายภาพประวัติศาสตร์การเมืองไทยแล้ว นายก
"นี่เรากำลังพูดถึงเงินจำนวนถึง 73,300 ล้านบาท มันไม่ใช่เล็กๆ พ.ต.ท.ทักษิณน่าจะเป็นคนที่ถือเงินสด 1,800 ล้านหรียญสหรัฐ อาจจะมากที่สุดในโลก เพราะฉะนั้น เขากลัวที่สุดก็คือเรี่องนี้ ผมจึงไม่ค่อยแน่ใจ ผมอยากนึกให้เป็นแบบอหิงสา อยากนึกให้เป็นไปได้ด้วยดี แต่ผมไม่แน่ใจ"
ทั้งนี้นายกอร์ปศักดิ์กล่าวว่า แม้จะมีคนบอกว่าให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ลาออกอย่างเดียวแล้วก็จบ พอลาออกไปแล้วถอยไปนิดหนึ่งแล้วกุมบังเหียนอยู่ข้างหลัง ดูเหมือนจะง่ายแต่ไม่ง่าย และแม้จะมีการแนะนำเป็นร้อยเป็นพันครั้งว่า หาก พ.ต.ท.ทักษิณ ลาออกจะเป็นวิธีที่สวยงามที่สุด เจ้าตัวก็คงไม่มีวันเชื่อเพราะมันจะไม่เกิดขึ้นอย่างนั้น เนื่องจากจะมีกระบวนการต่างๆ ตามมาอีก เพราะความเจ็บใจของเจ้าของประเทศ อีกทั้งไม่มีใครแม้แต่คนเดียวกล้าการันตีความปลอดภัยให้ พ.ต.ท.ทักษิณ และครอบครัวว่าจะสามารถเดินทางไปต่างประเทศได้อย่างปลอดภัยด้วยซ้ำ
"ผมว่ามันไม่ง่าย แล้วไม่มีใครแม้แต่หนึ่งคนสามารถการันตีว่า ครอบครัวเขาจะปลอดภัย ไปต่างประเทศง่ายๆ รับประกันได้ว่า ไม่มีใครกล้าการันตี ดังนั้นผมคิดว่า เขาอาจจะสู้จนวินาทีสุดท้าย แม้ผมไม่อยากจะให้มันเกิดอะไรรุนแรงขึ้น แต่ผมไม่แน่ใจ ขอโทษด้วยที่ผมมาทำลายความฝัน เนื่องจากเดิมพันของเขามันสูงกว่านายกรัฐมนตรีคนอื่นๆ" นายกอรปศักดิ์ กล่าวในที่สุด
ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)