Skip to main content
sharethis

 



 


คอลัมน์ ศาลาสี่มุม_รุจน์ โกมลบุตร


 


.....................................


 


เมื่อช่วงกลางเดือนมกราคม ผมได้อ่านข้อสอบคัดเลือกเข้าศึกษาต่อระดับปริญญาโท ในด้านสื่อสารมวลชน ของสถาบันอุดมศึกษาของรัฐแห่งหนึ่ง


 


ข้อสอบถามประมาณว่า ในยุคข้อมูลข่าวสาร และในยุคประชาธิปไตยแบบมีส่วนร่วม ท่านคิดเห็นอย่างไรต่อบทบาทของสองพิธีกรชื่อดัง สรยุทธ และกนก


 


อ่านคำตอบในข้อสอบไปทั้งหมดสองร้อยกว่าคน อ่านไปก็ต้องอมยิ้มไปครับ เพราะว่าผู้สมัครสอบฯ ส่วนใหญ่หรือเรียกได้ว่าเกือบทั้งหมด เป็นแฟนพันธุ์แท้ของคุณสรยุทธ และคุณกนกจริงๆ


 


นอกจากรู้ว่าสองพิธีกรจัดรายการอะไร กี่โมงกี่ยามบ้างแล้ว ยังสามารถระบุบุคลิกที่แตกต่าง เล่าประวัติชีวิตในวัยเยาว์ พื้นเพด้านการศึกษา ประวัติการทำงาน ชีวิตครอบครัว ได้อย่างเป็นเรื่องเป็นราว ฯลฯ


 


ถ้าผมเป็นน้อง "เบนโล" คงหวั่นไหวทีเดียวแหละ...


 


ลองอ่านดูสักหน่อยไหมครับว่า ผู้สมัครสอบเข้าเรียนปริญญาโท เขาเขียนถึงสองพิธีกรว่าอย่างไรบ้าง


 


"คนไทยที่ไม่รู้จักสรยุทธ และกนก มี ๒ จำพวก ได้แก่คนที่ตายไปแล้ว และคนที่ยังไม่เกิด"


 


"คุณสรยุทธ และคุณกนกเป็นตัวอย่างที่ทำให้เห็นถึงสื่อมวลชนที่มีบทบาทต่อสังคมประชาธิปไตย มากกว่าในยุคอดีตที่ประชาชนต้องเชื่อข้อมูลที่สื่อนำเสนอจากรัฐบาล"


 


"เป็นโอกาสดีที่สถานีไฟเขียวให้คนไทยได้รู้จักกับพิธีกรที่มีคุณค่าทั้งสองท่าน"       


 


"อยากให้มีรายการแบบสรยุทธและกนกมากๆ ประเทศไทยจะได้เจริญ และพัฒนา เพราะคุณสรยุทธและคุณกนก ได้ตรวจสอบรัฐบาลแบบตาต่อตา ฟันต่อฟัน"


 


 "สื่อมวลชนอื่นถือได้ว่าเป็นกาฝาก ควรเอาตัวอย่างสรยุทธและกนกกันให้มากๆ"


 


โดยรวมคือ ผู้สมัครสอบเกือบทั้งหมดเห็นว่า สองพิธีกรเป็นสื่อมวลชนรุ่นใหม่ มีฝีปากกล้า พูดจาตรงไปตรงมา เป็นหูเป็นตาแทนประชาชนในการตรวจสอบรัฐบาล สามารถทำเรื่องยากให้เป็นเรื่องเข้าใจง่าย ทำให้คนทุกเพศทุกวัยสนใจรายการข่าวมากขึ้น


 


ส่วนหนึ่งเห็นว่า ทั้งสองท่านมีการแสดงความคิดเห็นในรายการได้อย่างรอบด้าน และยังเป็นการฝึกผู้ชมให้มีความสามารถในการคิดมากขึ้น เพราะคุณสรยุทธและคุณกนกมักจะขมวดประเด็นว่า "เรื่องนี้ ผิดถูกอย่างไรขอให้ท่านผู้ชมคิดเอง" และยังเป็นผู้ทำให้เกิดการสื่อสารสองทางกับผู้ชมอย่างมากมายผ่านทางเอสเอ็มเอส


 


นอกจากนี้สองพิธีกร ยังมีบทบาทน่ารักอื่นๆ เช่น เป็นตัวช่วยสานสัมพันธ์ระหว่างสมาชิกในครอบครัวในการทานอาหารและชมรายการร่วมกัน และทำให้คนไม่ต้องซื้อหรือเสียเวลาอ่านหนังสือพิมพ์อีกต่อไป


 


ก่อนที่แฟนพันธุ์แท้ของคุณกนกและคุณสรยุทธจะพาผมเคลิบเคลิ้มจนหลุดไปจากโลกมนุษย์ มีผู้สมัครสอบฯ สิริรวม ๗ คน จากสองร้อยกว่าคน ที่ขอให้ฉุกคิดและตั้งคำถามกับบทบาทของสองพิธีกรแห่งปี ทำให้ผมต้องรวบรวมสติพิจารณาดูว่า ที่ผ่านมาสองพิธีกรได้ทำ หรือไม่ได้ทำอะไรบ้าง และมีความหมายอย่างไรต่อสังคมประชาธิปไตย เช่น


 


การทิ้งท้ายว่า "ผิดถูกอย่างไร ให้ผู้ชมคิดเองนั้น" คุณสรยุทธ และคุณกนก ได้ให้ข้อมูลรอบด้านแก่ผู้ชมเพื่อเป็นข้อมูลพื้นฐานในการตัดสินใจหรือยัง โดยทั่วไปมีข้อมูลแบบไหนที่ถูกคุณกนกและคุณสรยุทธพาดพิงมากเป็นพิเศษ  ถึงขนาดที่ต้องขอ "ปล่อยเสียงสดๆ" ให้ประชาชนได้ยินแทบทุกวัน (แม้บางวันเขาจะเจ็บคอ เพราะดาวพุธ) หรือมีข้อมูลแบบไหนที่ดูเหมือนจะถูกสองพิธีกรละเลยที่จะพูดถึง เสียงจากปากของประชาชนที่เรียกร้องความโปร่งใสจากทั่นผู้นำนั้น ได้ถูก "ปล่อยเสียงสดๆ" ออกอากาศมากน้อยเพียงใด


 


การที่ว่าสองพิธีกรเป็นหูเป็นตาแทนประชาชนในการตรวจสอบรัฐบาลนั้น เอาเข้าจริงๆ ได้วิพากษ์วิจารณ์ "ทั่นผู้นำ" บ้างหรือไม่เพียงใด ประเด็นต่อไปนี้เคยถูกนำมาซักไซ้อย่างเอาจริงเอาจังหรือไม่ เช่น ธรรมาภิบาลในการเจรจาเอฟทีเอ ผู้ได้ประโยชน์จากหุ้น ปตท. กฟผ. เบื้องหลังของการทำลายองค์กรตรวจสอบรัฐบาล รูปแบบการแทรกแซงสื่อและประโยชน์ที่รัฐบาลได้จากการแทรกแซงสื่อ การสวมรอยไปราชการต่างประเทศแต่ไปเพื่อธุรกิจของครอบครัว การละลายงบหลวงไปเพื่อกิจกรรมประชานิยมที่ไม่เป็นการพัฒนาที่ยั่งยืน การใช้งบหลวงเพื่อฝึกอบรมนักบินและแอร์โฮสเตสเอื้ออาทร แล้วนักบินและแอร์เหล่านี้ไปทำงานให้ "โลว์คอสต์" แถวไหน หรือทำไมทั่นผู้นำฯสามารถอยู่เหนือกฎหมาย ไม่สวมหมวกแต่ไม่โดนตำรวจปรับ ฯลฯ


 


คำถามง่ายๆ คือ คุณสรยุทธและคุณกนกมีหลักในการคัดเลือกประเด็นอย่างไร ทำไมคนจำคุณสรยุทธได้ในกรณียายไฮ หรือคุณรัตนา หรือรถเมล์ชนคนตาย แต่ไม่ใช่กรณีการตรวจสอบธรรมาภิบาลของทั่นผู้นำ


 


ผมอยากลงท้ายด้วยคำตอบของผู้สมัครคนหนึ่ง เขาหรือเธอเขียนว่า


 


"ทั้งสองคนทำหน้าที่แทนประชาชน อยากรู้ประเด็นไหนเขาก็ถาม ประชาชนจึงเกิดความเข้าใจ และสนใจปัญหา ประชาชนไม่ต้องตกอยู่ภายใต้ยุคมืดที่มีการปิดบังข้อมูลข่าวสาร และการบิดเบือนข้อเท็จจริงอีกต่อไป"


 


นั่งดูรายการของคุณกนกและคุณสรยุทธ ไหงสยองยิ่งกว่าดู "นางบาป" ซะอีก ว่าไหมครับ?


 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net