ส.ศิวรักษ์ นำทัพธรรมยาตราเครือข่ายป่าชุมชนภาคเหนือ เดินเท้าจากเชียงดาว เข้ากรุงเทพฯ เพื่อยันยันเจตนารมณ์ของ ร่าง พ.ร.บ.ป่าชุมชน เดิม โดยคัดค้าน และไม่เห็นด้วยที่ กมธ.ร่วม 2 สภา เสนอให้เพิ่มเติมมาตราเกี่ยวกับการประกาศ " เขตพื้นที่อนุรักษ์พิเศษ" ที่เอื้อต่อการใช้อำนาจรัฐ และเป็นเครื่องมือในการประกาศเขตป่า ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อประชาชนอย่างหนัก
จากกรณี เมื่อวันที่ 22 กันยายนที่ผ่านมา คณะกรรมาธิการร่วม 2 สภา ได้ร่วมกันพิจารณาร่างพ.ร.บ.ป่าชุมชน โดยมีการเพิ่มเติม " เขตพื้นที่อนุรักษ์พิเศษ" เข้าไปในภายหลัง หลังจากนั้น คณะกรรมาธิการร่วมจึงมีมติ 11 ต่อ 4 ให้เพิ่มเติมเขตอนุรักษ์พิเศษ ซึ่งมีผลเป็นการไม่อนุญาตให้มีการจัดตั้งป่าชุมชนในเขตนี้ได้
ทั้งนี้ การนิยามเขตอนุรักษ์พิเศษว่า เป็นเขตพื้นที่ในเขตอนุรักษ์ที่รัฐมนตรีประกาศโดยการอนุมัติจากคณะรัฐมนตรี ประกอบด้วยพื้นที่ที่มีลักษณะคือ 1.พื้นที่ต้นน้ำลำธารที่มีสภาพป่าสมบูรณ์ 2.พื้นที่ที่มีความหลากหลายทางชีวภาพสูง 3.พื้นที่ที่มีความเปราะบางทางกายภาพและชีวภาพ หรือแหล่งศึกษาธรรมชาติ 4.พื้นที่ที่มีลักษณะเด่นทางธรรมชาติ เช่น มีพันธุ์พืช พันธุ์สัตว์หายากหรือใกล้สูญพันธุ์
ซึ่งหลายฝ่ายได้ตั้งข้อสังเกตว่า หากมีการเพิ่มเขตพื้นที่อนุรักษ์พิเศษ เข้าไปในร่าง พ.ร.บ.ป่าชุมชน ด้วยนั้นย่อมส่งผลกระทบต่อประชาชนในหลายพื้นที่ทั่วประเทศอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ เนื่องจาก ปัจจุบันมีพื้นที่ป่าอนุรักษ์ทั่วประเทศอยู่ 81 ล้านไร่ เป็นป่าต้นน้ำ ซึ่งตรงตามตามนิยามเขตอนุรักษ์พิเศษถึง 72 ล้านไร่ และส่วนใหญ่ชาวบ้านก็ดูแลพื้นที่เหล่านี้ในฐานะป่าชุมชนกันมานาน
ล่าสุด เครือข่ายป่าชุมชนภาคเหนือประมาณ 1,000 คนได้มีการรวมตัวกัน ที่บริเวณลานกิจกรรมริมฝั่งแม่น้ำปิง อ.เชียงดาว จ.เชียงใหม่ ร่วมเดินธรรมยาตรา เดินเท้าจากเชียงดาว เข้ากรุงเทพฯ เพื่อยันยันเจตนารมณ์ของ ร่าง พ.ร.บ.ป่าชุมชน เดิม โดยมี ส.ศิวรักษ์ และกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ร่วมเดิน ไม่เห็นด้วยที่ กมธ.ร่วม 2 สภา เสนอ
นาย
ณ ที่นี้ แต่มีความสำคัญกับพี่น้องทั้งประเทศ การที่จะเดินจากเชียงดาวไปถึงกรุงเทพฯนั้นเป็นเรื่องที่สำคัญ
จริงอยู่อาจจะมีพี่น้องจำนวนน้อยที่เดินตลอด หรืออาจจะมีพี่น้องมาคอยให้กำลังใจ และร่วมเดินเป็นช่วงๆ
แต่ถึงกระนั้นก็ถือว่าสำคัญมากเช่นกัน
"การงานทุกอย่างจะสำเร็จได้ ประกอบไปด้วย องค์ 4 ประการ ต้องมี ฉันทะ รักในสิ่งที่จะทำสิ่งที่ถูกต้องท่านทั้งหลาย
ต้องถือว่าเป็นคนที่มีฉันทะที่มาร่วมกันในวันนี้ โดยเฉพาะการที่เดินไปกรุงเทพฯ เป็นฉันทะที่สำคัญที่สุด
นอกจากนี้ประกอบไปด้วย วิริยะ คือ ความเพียร เก่งกล้า ตั้งใจเต็มที่ ที่เรียกว่า จิตติ มีความรักที่จะทำ
มีความเพียรที่จะทำ มีจิตใจมุ่งมั่นที่จะทำ และวิมังสา หาเหตุที่จะทำให้ถูกต้องดีงามให้ได้ชัยชนะในที่สุดที่สำคัญ
อย่าลืมว่าบ้านเมืองเป็นของราษฎร เป็นของพวกเรา แต่ถูกแย่งชิงไป ถูกยื้อแย่งเอาไป ด้วยนายทุน ด้วยขุนศึก
ตอนนี้ขุนศึกนั้นมีอำนาจลดน้อยลงไปแล้ว" นายสุลักษณ์ กล่าว
นาย
ดังนั้น โอกาสนี้เป็นโอกาสสุดท้ายของรัฐบาลชุดนี้แล้ว มันจะพังเร็วๆ นี้ เพราะมันไม่ฟังด้วยกระบวนการรัฐสภา
แม้กระทั่งไม่ยอมรับฟังองค์กรต่างๆ ไม่ว่าองค์กรสิทธิมนุษยชน ศาลรัฐธรรมนูญ ศาลปกครอง แต่มันจะแพ้
ภัยตัวเองอยู่ประเด็นเดียว คือเมื่อราษฎรตื่นตัวขึ้นมา โดยเอาธรรมะมาเป็นพื้นฐาน ต่อสู้โดยหลักอิทธิบาท 4
โดยสันติวิธี
ด้านนาย
เป็นการรวมพลของภาคประชาชนครั้งใหญ่ ซึ่งมีความสำคัญอย่างยิ่ง ที่แสดงพลังประชาชนภายใต้รัฐธรรมนูญ
ปี 2540 เพราะที่ผ่านมา เราใช้รัฐธรรมนูญเพียงแค่ตัวหนังสือ ไม่ได้นำมาปฏิบัติอย่างเป็นรูปธรรม
"ในนามของคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนฯ จึงขอเป็นกำลังใจให้กับพี่น้องชาวบ้านที่เดินธรรมยาตราในครั้งนี้
รวมทั้งประชาชนที่ไม่ได้ร่วมเดินแต่มีส่วนร่วมในการผลักดัน พ.ร.บ.ป่าชุมชน ฉบับประชาชน ได้บรรลุตาม
เจตนารมณ์เดิม" นายสุรสีห์ กล่าว
ด้าน นาย
ลงมนต์ในป่าชุมชนและให้ชุมชนรับรู้ว่าคนอยู่กับป่า เคยดูแลป่ามาหลายชั่วอายุคน ซึ่งบางคนนั้นยังไม่ยอมรับ
ในเรื่องของคนอยู่กับป่า เพราะคิดว่า การอยู่กับป่าของคนนั้นไม่ได้รักษาป่า และทำลายป่า แต่การเดิน
ธรรมชาติยาตราในครั้งนี้นั้น เพื่อต้องการให้คนรับรู้ว่า เราจะอยู่กับป่า และพร้อมที่จะดูแลรักษาป่า
"การเดินครั้งนี้ ตนมาด้วยความจริงใจและมาด้วยใจ และจะเดินไปให้ถึงกรุงเทพฯ ซึ่งตนคาดหวังว่า จะได้ป่าชุมชน
ฉบับประชาชน อีกอย่างหนึ่งอยากให้สังคมรับรู้ในเรื่องของป่าไม้ด้วยว่า สำคัญมากเพียงใด" นายต่าแยะ กล่าว
นาย
ในขณะที่ นายก
ทั้งนี้ ได้มีตัวแทนเครือข่ายป่าชุมชนภาคเหนือ จำนวน 99 คนประกาศยืนยันที่จะเดินเท้าตั้งแต่ อ.เชียงดาว ไปจนถึง
กรุงเทพฯ เป็นแกนนำหลัก นอกจากนั้น ยังมีประชาชนในเขตภาคเหนืออีกเกือบ 1,000 คนได้ทยอยกัน
เข้ามาร่วมเดินธรรมยาตรากันอย่างต่อเนื่อง โดยยึดการเดินทางในวันที่ 7 พ.ย.นี้ เพราะถือว่าเป็นวันที่สภาฯ
ได้เคยรับพิจารณาร่าง พ.ร.บ.ป่าชุมชน ผ่านวาระ 3 ด้วยคะแนนเสียง 341 เสียง
รายงานแจ้งว่า ผู้เข้าร่วมเดินขบวน จะเป็นชาวบ้านพื้นราบและชาวไทยภูเขา อายุตั้งแต่ 15 - 85 ปี โดยเคลื่อน
ขบวนจากลานกิจกรรมริมฝั่งแม่น้ำปิง ไปตามถนนสายเชียงใหม่-ฝาง ผ่านไปตัว อ.เชียงดาว โดยมีเป้าหมาย
ในวันนี้ (7 ต.ค.2548) ที่จะพักค้างแรมกันบริเวณป่าสน ต.อินทขิล อ.แม่แตง จ.เชียงใหม่
ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)