ประชาไท - 12 ก.ค.48 แม้เรื่องราวของวิทยุชุมชนจะเริ่มร้างราไปจากกระแสข่าว แต่ในวุฒิสภานั้นยังคงมีการพูดคุยเรื่องนี้ โดยคณะอนุกรรมาธิการพิจารณาศึกษาการดำเนินงานของคณะ กรรมการกิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์แห่งชาติ (กสช.) ร่วมกับคณะอนุกรรมาธิการพิจารณาศึกษาการดำเนินงานของคณะกรรมการกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กทช.) ได้เชิญตัวแทนจากสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) มาพูดคุยเรื่องดังกล่าว

สาเหตุที่มีการเชิญหน่วยงานด้านความมั่นคงของชาติมาหารือเกี่ยวกับบรรดาสถานีวิทยุเล็กๆ เป็นเพราะคณะอนุกรรมาธิการมีความห่วงใยที่สอดคล้องกับสิ่งที่นายมนัส ทรงแสง รองเลขาธิการ กทช. ชี้แจง คือ การเจริญเติบโตของวิทยุชุมชนนั้นเป็นแบบก้าวกระโดด เพียง 3-4 ปีได้ขยายจาก 400 แห่ง เป็นกว่า 2000 แห่ง โดยที่มีการส่งสัญญาณเกินกว่าที่กำหนด 30 วัตต์เป็นจำนวนมาก ยากจะควบคุมให้เป็นไปตามกฎระเบียบ

"กทช.เราเอาจริงเรื่องนี้ เพราะเรื่องคลื่นวิทยุชุมชนไปรบกวนวิทยุการบินมีหลักฐานชัดเจน ตอนนี้เราจับแล้ว 3 สถานี ถ้าจับระยะหนึ่งให้ได้สัก 20-30 แห่งคิดว่าคงเบาลง แต่โดยแนวคิดผมต้องให้หยุดทั้งหมด ซึ่งทุกหน่วยงานต้องช่วยประสานเสียงกันเรื่องนี้เป็นเรื่องอันตราย" รองเลขาธิการ กทช.กล่าว "

รองเลขาธิการ กทช. ยกตัวอย่างความอลังการของวิทยุชุมชนบางแห่งด้วยว่า สถานีของวัดแห่งหนึ่งในอุดรธานีนั้นมีการลงทุนถึง 50 ล้านบาท ส่งสัญญาณ 10 กิโลวัตต์เลยทีเดียว

ไม่เพียงเรื่องทางเทคนิคเท่านั้น อนุกรรมาธิการยังห่วงกังวลเกี่ยวกับการนำเสนอเนื้อหา ตลอดจนการจัดรายการของผู้จัดที่ไม่ได้รับการอบรมในวิชาชีพอย่างถูกต้อง ทำให้มีการนำเสนอที่ไม่เหมาะ สม

สอดประสานกับข้อชี้แจงของนายกฤษณพร เสริมพานิช จากกรมประชาสัมพันธ์ที่ระบุว่าบางแห่งถึงกับใช้สถานีวิทยุชุมชนในการประสานจัดตั้งม็อบโจมตีบุคคลอื่น !!

ทั้งหมดที่ว่ามานี้กระทบต่อความมั่นคงหรือไม่ ?

"วิทยุชุมชนเป็นสิ่งดี แต่ถ้าดำเนินไปแล้วรบกวนวิทยุการบิน มันกระทบต่อความปลอดภัย กระทบต่อความมั่นคงของประเทศแน่ เพราะเรื่องเครื่องบินชนกันมันเป็นเรื่องระหว่างประเทศด้วย หน่วย งานที่รับผิดชอบต้องควบคุมดูแล ส่วนเนื้อหาการจัดรายการนั้น สมช.ไม่ได้รับผิดชอบตรงนั้น" นายประกิจ ประจนปัจจนึก รองเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ หรือ สมช.กล่าว

อย่างไรก็ตาม นายประกิจระบุว่า มีหน่วยข่าวที่คอยตรวจสอบดูแลด้านเนื้อหาของสื่อมวลชนอยู่เช่นกัน หากพบว่ามีการนำวิทยุชุมชนไปใช้ประโยชน์ในทางที่กระทบความมั่นคงของรัฐก็จะมีการหารือกับสมช. และส่วนที่เกี่ยวข้องต่างๆ เพื่อนำเสนอมาตรการ หรือยุทธศาสตร์นโยบายแก่นายกรัฐมนตรีหรือคณะรัฐมนตรี เพื่อให้มีการตัดสินนำไปสู่ภาคปฏิบัติ

"แต่ในชั้นนี้ ยังไม่มีการรายงานข่าวที่กระทบความมั่นคงใดๆ" รองเลขาธิการสมช.ยืนยัน

หน่วยงานเชิงนโยบายอย่างสมช. ยืนยันชัดเจนถึงขอบเขตการดูแล "ความมั่นคงของรัฐ" ในกรอบกว้าง ไม่ว่าจะเป็นอาชญากรรมข้ามชาติ หรือการก่อให้เกิดสถานการณ์ที่กระทบกับความมั่นคงปลอดภัยของประเทศ

ในกรณีนี้พื้นที่ที่เข้าข่ายได้รับการดูแลเนื้อหาของการสื่อสารไม่ว่าจะเป็นวิทยุหรือทีวีท้องถิ่นเป็นพิเศษคือ พื้นที่อ่อนไหวด้านความมั่นคงอย่างจังหวัดชายแดนภาคใต้

"ในพื้นที่ภาคใต้วิทยุของราชการเองก็เป็นภาษากลางและมลายูท้องถิ่นเพื่อสื่อสารให้เข้าใจ ก็ต้องมีการตรวจสอบกัน โดยเฉพาะที่ราชการขายเวลาให้เอกชน เพราะเคยมีกรณีพรรคบาธของมาเลเซียมาใช้ประโยชน์วิทยุท้องถิ่นของเราโจมตีพรรคการเมืองอื่นในประเทศเขาเหมือนกัน" นายประกิจระบุ

รองเลขาธิการสมช. ยืนยันว่า อย่างไรก็ตามสถานการณ์ของวิทยุหรือทีวีในพื้นที่ขณะนี้ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง แม้จะเกิดการซ้อนทับของคลื่นจนมีการร้องเรียนมาจากประเทศมาเลเซียบ้าง ก็มีการตั้งคณะทำงานเพื่อตกลงแก้ไขกันได้

ท้ายที่สุด ที่ประชุมอนุกมธ.ได้ฝากให้สมช.จัดทำแผนหรือมาตรฐานในการนิยาม "ความมั่นคง" เพื่อให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้ง กทช. และกสช.ที่กำลังจะเกิดขึ้นได้นำมาบังคับใช้กับวิทยุชุมชนจำนวนมากที่อาจสร้างปัญหาเกี่ยวกับความมั่นคง

หรืออย่างน้อยที่สุด สมช.ก็น่าจะมีการร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจัดโครงการเพื่ออบรมผู้จัดรายการหรือสถานีวิทยุชุมชนเพื่อให้ดำเนินการอย่างเหมาะสม

"วิทยุชุมชนจำนวนมากมีการสร้างเครือข่ายกันหลายสิบแห่ง ทำให้อยู่นอกเหนือกฎหมายวิทยุโทรทัศน์ ที่ไม่ได้พูดถึงการจัดการเครือข่ายแบบนี้" กฤษณพรจากกรมประชาสัมพันธ์ระบุ

เห็นทีเรื่อง "ความมั่นคง" คงต้องมีการถกเถียงกันให้ถ้วนทั่วเพื่อหาจุดลงตัวระหว่างความมั่นคงของรัฐ ความมั่นคงของรัฐบาล และความมั่นคงในสิทธิเสรีภาพของประชาชน