ประชาไท-15 มิ.ย. 48 ที่ประชุมคณะกรรมาธิการการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ วุฒิสภา มีความเห็นว่า กรณีการร้องขอติดตั้งระบบไฟฟ้า-น้ำประปา ของชาวบ้านผู้ประสบภัยซึนามิ แม้จะอยู่บนที่ดินของบริษัทเอกชนซึ่งมีเอกสารสิทธิ์รับรอง แต่การตัดสินด้วยกฎหมายคงไม่เพียงพอ แนะต้องใช้หลักนิติศาสตร์ รัฐศาสตร์ บวกเมตตาธรรมในการแก้ไขปัญหา

นายวงศ์พันธ์ ณ ตะกั่วทุ่ง หนึ่งในกรรมาธิการ แนะรัฐอย่าโยนภาระให้ศาล เพราะปัญหาผู้ประสบ ภัยซึนามิ อาศัยอยู่ในที่ดินซึ่งบริษัทเอกชนอ้างเป็นเจ้าของเอกสารสิทธิ์ เป็นเรื่องกฎหมายระหว่างบุคคลต่อบุคคล แต่รัฐมีหน้าที่ดูแลความเป็นอยู่ของประชาชน

ด้านนางประทีป อึ้งทรงธรรม ส.ว.กรุงเทพฯ กล่าวถึงปัญหาใหญ่ของชาวบ้านผู้ประสบ ภัยซึนามิ คือเรื่องที่ดิน ที่อยู่อาศัย และอาชีพ แต่จะทำอย่างไรให้ประชาชนเหล่านี้มีชีวิตเป็นอยู่ดีพอสมควร ทั้งได้ตั้งคำถามถึงผู้ว่าราชการจังหวัดพังงาว่า ยังพอจะมีช่องทางสำหรับเมตตาธรรมหรือไม่

นายจอน อึ้งภากรณ์ ส.ว.กรุงเทพฯ มีความเห็นว่า ครอบครัว ชาวบ้านที่กำลังพูดถึง แม้ขณะนี้จะอยู่ในที่ดินซึ่งเป็นเอกสารสิทธิ์ของเอกชน แต่ก่อนหน้าเกิดซึนามิพวกเขาสามารถอยู่อาศัยได้ ภาย หลังผ่านความทุกข์ยากจากซึนามิ พวกเขายังถูกปฏิเสธการติดตั้งน้ำไฟ การตัดสินด้วยกฎหมายจึงไม่พอ ต้องมีเมตตาธรรม ทำอย่างไรรัฐจะดูแลทุกสุขของพวกเขา เพราะเขาก็เป็นราษฎร อย่าให้เหตุการณ์ซึนามิไปซ้ำเติมชาวบ้านเกินกว่าที่จำเป็น

ก่อนปิดการประชุม น.พ.นิรันดร์ พิทักษ์วัชระ ประธานคณะกรรมาธิการการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ได้เสนอแนวทางการแก้ปัญหา 4 ประการ คือ ประการแรก ทางกมธ.พัฒนาสังคมฯ ได้ขอให้ทางกรมที่ดิน ส่งผลสรุปจากคณะกรรมการตรวจสอบซึ่งกรมที่ดินแต่งตั้งขึ้น โดยคาดว่าจะได้ผลสรุป ในวันที่ 18 มิ.ย. 48 ประการที่สอง ในเรื่องการติดตั้ง น้ำประปา-ไฟฟ้า น่าจะมีทางออกในเรื่องการบรรเทาปัญหาให้ชาวบ้าน

ประการที่สาม ทางจังหวัดพังงาควรสร้างกลไกการดูแลความทุกข์ร้อนของประชาชนภายในจังหวัด เนื่องจากระบบการเชื่อมต่อระหว่างราชการ กับประชาชนยังมีปัญหา และประการสุดท้าย การตั้งคณะกรรมการขึ้นมาตรวจสอบเรื่องเอกสารสิทธิ์ในการถือครองที่ดิน ควรให้ชาวบ้านในพื้นที่มีส่วนร่วม เนื่องจากชาวบ้านจะเป็นผู้รู้เรื่องในพื้นที่ดี

นพพร ชูเกียรติศิริชัย